นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 23 พ.ย. 2024 3:41 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 20 ก.ย. 2008 11:43 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
เหรียญฉลอง 70 พรรษา พระพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญญวสโน)
วัดกลางบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

โดย รณธรรม ธาราพันธุ์
img064.jpg

img063.jpg


พระพุทธวิถีนายก เป็นสมณศักดิ์ที่สืบต่อกันองค์แรกที่ได้รับคือ หลวงปู่บุญ ขันธโชติ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เมื่อหลวงปู่บุญมรณภาพสมณศักดิ์นี้ก็นำถวายแก่ หลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน ครองต่อมา

วัดกลางบางแก้ว จะถือเป็นตักศิลาทั้งด้านพุทธาคม สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน และเป็นสถานีอนามัยก็ไม่ผิด เพราะนับแต่สมัยพระปลัดทองผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่บุญ ท่านก็มีกฤษดาภินิหารเป็นอันมาก แลท่านองค์นี้ยังเป็นปฐมบทแห่งการสร้างยาวาสนาจินดามณีที่ลือลั่นทั่วแผ่นดิน

หลวงปู่บุญผู้สืบสานดูเหมือนจะโดดเด่นดังเพชรน้ำงามที่สุดในกระบวนศิษย์วัดกลางบางแก้ว ท่านมีความสามารถทั้งการแพทย์แผนโบราณ เชี่ยวชาญในสมถะ-วิปัสสนากรรมฐานยิ่งนัก เป็นพระเถระที่ถึงพร้อมด้วยอำนาจจิตฤทธิ์อภิญญาอย่างหาตัวจับยาก วางตนสมกับสมณสารูปทุกประการ เหตุนี้ท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคุณชั้นสามัญที่ พระพุทธวิถีนายก ให้ปกครองมณฑลนครชัยศรี กินอาณาเขตหลายจังหวัด อาทิ นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี เป็นต้น

เรื่องขลังก็นับว่าท่านเป็นหนึ่ง สำนักวัดกลางบางแก้วได้รับตำราสืบทอดอันเป็นสมบัติของสมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว กรุงอโยธยา ไว้ไม่น้อย หลักฐานคือพระชัยวัฒน์พิมพ์ต่าง ๆ ที่อาศัยตำราการสร้างพระกริ่ง-พระชัยฯ นั่นตำราของสมเด็จพระพนรัตนท่านเป็นผู้คิดค้น

พระคาถาศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่หลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่มอบรมสานุศิษย์ให้ใช้สวดเสมอมาก็มี ชัยมงคลคาถา หรือที่เรียกว่า พาหุง 8 บท อยู่ด้วย พาหุงฯ นี้สมเด็จพระพนรัตนก็เป็นผู้รจนาขึ้นเอง ประคำมหาวิเศษสร้างยากเหลือประมาณ มีอานุภาพขั้นทำศึกเทวดาก็มิกลัวชื่อ ประคำนเรศวรปราบหงสา ก็สมเด็จพระพนรัตนผู้เป็นองค์อาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้แลเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้ศิษย์ได้ใช้คุ้มพระวรกายในเวลาศึกสงคราม

ยังไม่นับสรรพวิชาที่วัดกลางบางแก้วได้รับมามากมาย อาทิ เบี้ยแก้ ฯลฯ อัศจรรย์ท่านผู้เป็นเจ้าของวิชาเช่นสมเด็จพระพนรัตนว่าท่านคิดได้อย่างไร ? หากที่น่าอัศจรรย์กว่าคือหลวงปู่บุญซึ่งเป็นผู้สืบทอดท่านเรียนจำทำเป็นหมดทุกวิชาได้อย่างไร ?

จึงทำได้ขึ้นและทำได้ขลังนัก !!

นับว่าหลวงปู่บุญเป็นผู้มีบารมีสูงอย่างยากที่ใครจะเทียม ขนาดหลวงปู่เพิ่มผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิดได้รับการถ่ายทอดวิชามากที่สุดยังออกปากว่า “หลวงปู่เก่าท่านเก่งมาก ฉันทำอย่างท่านไม่ได้หรอกจ้ะ”

ทำไม่ได้ดังว่า อาทิ กำลังลงตะกรุดเมตตาอยู่ ก็หันไปลงตะกรุดหนังเสือได้ในทันที ท่านจึงว่าทำจิตอย่างนั้นไม่ได้ จิตที่กำลังเอิบอาบด้วยเมตตาธิคุณ จู่ ๆ ให้พลิกเป็นมหาอำนาจศักดาเดชในพริบตา มิใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่ยิ่งด้วยบารมีที่สั่งสมอบรมมานานย่อมทำไม่ได้แน่

หรือเสกพระสะดุ้งกลับทุกพิมพ์โดยพระคาถาที่สวดต้องถอยหลังทั้งหมด เพื่ออานุภาพในทางกลับร้ายให้กลายเป็นดี เปลี่ยนเคราะห์ร้ายให้เป็นเคราะห์ดี ซึ่งต้องเดินจิตทวนกระแสอย่างที่พวกเราไม่อาจเข้าใจได้ หลวงปู่เพิ่มบอกว่าท่านเคยลองเสกโดยวิธีที่หลวงปู่บุญสอนแล้ว แต่ขณะจิตหนึ่งท่านสะดุดและกำหนดรู้ได้ว่าหากฝืนทำต่อไปจะเป็นอันตรายมาก จึงต้องหยุด

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลวงปู่เพิ่มไม่มีพระพิมพ์สะดุ้งกลับให้สานุศิษย์บูชา แต่ขอบอกว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดา ๆ นะ ที่ว่าทำตามหลวงปู่บุญไม่ได้น่ะเพียงแค่บางอย่างซึ่งนั่นเป็นเรื่องวาสนาบารมีของการอบรมมาหลายภพชาติ ไม่เกี่ยวกับเก่งหรือไม่เก่ง

คนกระดูกเป็นพระธาตุยังธรรมดาอยู่หรือ ?

คุณสุธน ศรีหิรัญ ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เพิ่มเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งย่องไปกราบหลวงปู่ท่านเงียบ ๆ เพราะเห็นท่านกำลังเสกเบี้ยแก้อยู่ พักหนึ่งก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นเบี้ยแก้นับสิบตัวในถาดทำเสียงกุกกักมีอาการขยับออกเดินดังมีชีวิต แต่ละอันใครหันไปทางไหนก็เดินกุบกับกันไปทางนั้น ขนาดปีนถาดออกมาเดินบนกระดานก็หลายตัว

ขณะที่คุณสุธนกำลังขนลุกขนชันอยู่นั้นหลวงปู่เพิ่มก็ลดมือที่พนมลงพร้อมกับลืมตาขึ้น ทันทีนั้น ! ชาวเบี้ยแก้ก็หยุดเดินราวกับนัดกัน หลวงปู่ถามเรียบ ๆ ว่ามานานแล้วหรือพลางเอื้อมมือไปหยิบเบี้ยที่อยู่นอกถาดเข้ามาเก็บตามเดิม จากนั้นก็คุยธุระเรื่องอื่นไปโดยไม่พูดถึงสภาวะปาฏิหาริย์ตรงหน้าเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เยี่ยมยุทธ์ไหม ?

ขนาดทำ ธาตุตาย ให้กลายเป็น ธาตุเป็น ได้ คงไม่ต้องห่วงเรื่องการเสกอะไรต่อมิอะไรว่าจะขลังหรือไม่เพียงใด

โดยจริตหลวงปู่เพิ่มแล้วท่านเป็นพระที่ทรงเมตตาล้นพ้น แม้การปกครองพระ-เณรก็เป็นไปอย่างพ่อกับลูก ปู่กับหลาน ทุกชีวิตท่านให้ความเมตตาเท่าเทียมกันหมด แม้หมาแมวมาเลียมาพันแข้งพันขาท่านก็ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว หากท่านจะเดินก็เพียงอุ้มออกไปวางที่อื่นไม่หยาบคายกับมัน ท่านบอกว่าพวกนี้ล้วนเคยเป็นคนมาก่อน แต่มีกรรมบางประการจึงต้องมาเกิดเป็นสัตว์

ท่านว่าเรื่องอย่างนี้หลวงปู่เก่าหยั่งรู้ได้ดี หลวงปู่เก่าหรือหลวงปู่บุญเคยบอกให้หลวงปู่เพิ่มดูหมาแมวในวัด บอกตัวนั้นชาติก่อนเป็นนายนั่นนางนี่ อยู่บ้านนั้นบ้านนี้ตายแล้วมาเกิดเป็นหมาเป็นแมว ครั้นหลวงปู่เพิ่มสังเกตดูก็สมจริง ด้วยพอลูกหลานของคนดังกล่าวมาทำบุญที่วัด หมาหรือแมวที่หลวงปู่บุญพยากรณ์ไว้จะวิ่งไปคลอเคลียแสดงความรักใคร่อย่างประหลาด

อัศจรรย์ในญาณรู้ของท่านนัก

หลวงปู่เพิ่มเองก็เป็นผู้ทรงอภิญญาญาณไม่ด้อยไปกว่าหลวงปู่บุญ แต่จริตนิสัยที่เรียบร้อยไม่ผาดโผนจึงดูคล้ายท่านไม่มีอะไร ซึ่งที่จริงไม่ใช่เลย จิตท่านเต็มไปด้วยพลังมหาศาลอันฝึกฝนไว้ดีแล้ว ครั้นถ่ายเทลงวัตถุใดสิ่งนั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นวัตถุมหามงคล

ด้านวิชาอาคมนอกจากจะได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่บุญองค์อาจารย์โดยตรงแล้ว พระอุปัชฌาย์ของท่านก็ให้ความเมตตาต่อท่านมาก มักอบรมท่านเสมอเมื่อเวลามาพักค้างที่วัดกลาง ฯ นาน ๆ ด้วยอุปัชฌาย์หลวงปู่เป็นสหธรรมิกรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับหลวงปู่บุญเป็นที่สุด

ท่านชื่อ สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสสเทโว

สมเด็จพระสังฆราชชอบสนทนากับหลวงปู่บุญนัก โดยเฉพาะการแลกวิชานั้นมีเป็นประจำ เชื่อว่าการสร้างพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญน่าจะได้ตำรามาจากพระสังฆราชแพเช่นกัน เพราะพระสังฆราชสร้างพระกริ่งรุ่นแรกครั้งสมณศักดิ์ที่ พระเทพโมฬี ตรงกับปี พ.ศ. 2444 ซึ่งหลวงปู่บุญก็เริ่มสร้างพระชัยวัฒน์ในปีนี้เช่นกัน

ศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชแพที่เก่งกาจก็ไปจากสำนักวัดกลาง ฯ ด้วย คือ พระศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์ ยติธโร) เห็นชัดว่าความสัมพันธ์ของสองสำนักนี้ลึกซึ้งยาวนานมาก หลวงพ่อพา วัดระฆังโฆสิตาราม ผู้รังสรรค์ พระระฆังหลังฆ้อน อันลือลั่นก็มากราบนมัสการต่อวิชากับหลวงปู่บุญอยู่เป็นประจำ หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต วัดตาก้อง ก็ศิษย์หลวงปู่บุญ ไปมาหาสู่จนคุ้นเคยกันดีกับหลวงปู่เพิ่มแต่วัยเยาว์ หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ วัดดอนยายหอม เคารพหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่มมากเรียกหลวงปู่เพิ่มว่าหลวงพี่ทุกคำ

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความปรีชาในหลวงปู่บุญ ทำให้หลวงปู่เพิ่มได้รับอานิสงส์จากครูบาอาจารย์ที่แวะเวียนมาวัดกลางบางแก้วไม่ขาดสาย ได้กราบได้รับใช้ใกล้ชิด ได้เรียนวิทยาคุณจากพระเถระที่ทรงอภิญญาอย่างต่อเนื่อง หล่อหลอมให้หลวงปู่เพิ่มแกร่งขึ้นทุกวัน
หลวงปู่เพิ่มมีเหรียญรูปท่านเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2504 จากนั้นก็สร้างมาเรื่อยโดยทางวัดบ้าง เอกชนบ้าง ทุกรุ่นมีประสบการณ์กล่าวขานอย่างกว้างขวางตลอดมา

จวบจนปี พ.ศ. 2520 หลวงปู่เพิ่มมีชนมายุได้ 92 ปี และอุปสมบทมาเป็นเวลา 70 พรรษาแล้ว คุณสุรินทร์ ฮวดควร ศิษย์ใกล้ชิดท่านหนึ่งมีความเห็นว่า วโรกาสมงคลนี้ควรได้ทำเหรียญที่ระลึกขึ้นมาสักรุ่น
img062.jpg


จึงนำความกราบเรียนหลวงปู่เพิ่ม ซึ่งท่านก็อนุญาตด้วยดี โดยคุณสุรินทร์มีวัตถุประสงค์ในการสร้างว่า

1. แจกเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ทหาร-ตำรวจที่รักษาชาติ แต่ถ้าการนี้มีผู้ร่วมทำบุญก็จะรวบรวมปัจจัยเก็บไว้บูรณะปฏิสังขรณ์กุฏิหลวงปู่
2. ถวายหลวงปู่แจกเป็นทานแก่ศิษย์ทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า
3. เหรียญที่เหลือบางส่วนจะมอบเป็นระลึกแก่ผู้ร่วมทอดผ้าป่ากับคุณสุรินทร์ ฮวดควร ณ วัดคอบมะม่วง จ.ชุมพร

ซึ่งการแจกทหารตำรวจนี้แท้จริงเป็นดำริของหลวงปู่เพิ่มที่มีมานานเนกว่า 2 ปีแล้ว ด้วยท่านได้เห็นภาพของทหาร-ตำรวจที่ได้รับอันตรายจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อยู่เป็นประจำ ท่านจึงอยากทำของเพื่อช่วยเหลือโดยท่านกล่าวว่า

“ถ้าเขาใช้ก็ดี…”

คุณสุรินทร์จัดทำเหรียญขึ้นมาทั้งสิ้น 23,019 เหรียญ แบ่งออกเป็น
1. เหรียญทองคำแท้ จำนวน 12 เหรียญ (สร้างตามสั่งจอง)
2. เหรียญเงินบริสุทธิ์ จำนวน 307 เหรียญ (แจกเฉพาะกรรมการทอดผ้าป่า)
3. เหรียญนวโลหะพิเศษ จำนวน 2,700 เหรียญ
4. เหรียญทองแดง 20,000 เหรียญ

ซึ่งแต่ละเนื้อโลหะหลวงปู่เพิ่มเมตตาจารแผ่นยันต์หลายแผ่นนำไปหลอมด้วย โดยเฉพาะเนื้อนวโลหะพิเศษนั้นได้ใช้ช่อชนวนพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญล้วน ๆ มาหลอมแล้วปั๊มเป็นเหรียญโดยผสมทองคำบริสุทธิ์กับเงินลงไปเล็กน้อยเท่านั้น

กำหนดเสกที่มีขึ้นเป็นการวางฤกษ์โดยองค์หลวงปู่เอง เป็นที่ทราบกันดีว่านอกจากด้านจิตตภาวนาแล้ว หลวงปู่เพิ่มท่านยังเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์การวางฤกษ์ยามยิ่งนัก ถ้าท่านให้ฤกษ์ผู้ใดไป ย่อมเป็นดังที่ท่านกล่าวทุกประการ

เมื่อวัตถุประสงค์ของท่านคือการแจกทหาร-ตำรวจ จำเป็นต้องวางฤกษ์ที่มิใช่เมตตาหรือค้าขาย หลวงปู่จึงกำหนดลงที่ เพชฌฆาตฤกษ์ อันเป็นฤกษ์ยามที่แรงกว่าโจโรฤกษ์ เป็นฤกษ์ที่พระองคุลีมาลถือกำเนิดขึ้นในโลก

เพชฌฆาต แปลว่า ผู้ฆ่า ดังนั้นฤกษ์นี้จึงเหมาะแก่ผู้มีอาชีพฆ่าสัตว์ เช่น เพชฌฆาต นายพราน ชาวประมง หรือ ทหาร ตำรวจ ก็จัดเข้าด้วยกัน เป็นฤกษ์ที่เหมาะแก่การฝ่าฟันอันตรายและอุปสรรคนานา การปราบปรามอริราชข้าศึกศัตรู ตัดสินคดีความ หรือแม้ประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์ทางมหาอำนาจ มหาอุด คงกระพันชาตรี ก็นับว่าเหมาะที่สุด

หลวงปู่จึงกำหนดฤกษ์นี้

ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่หลวงปู่เจาะจงให้เป็นเหรียญภาค ปราบ มิใช่ภาค โปรด ดังที่เคยเป็นมา สงเคราะห์ได้ว่าเป็นวัตถุมงคลฝ่าย บู๊ อย่างแท้จริง

กำหนดเสกมีขึ้นก่อนวันคล้ายวันเกิดท่านราว 10 กว่าวัน ในปีนี้วันเกิดท่านตรงกับวันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2520 และหลวงปู่ก็เสกเดี่ยวมาตลอดสิบวันเศษก่อนจะประกอบพิธีมังคลาภิเษกอีกถึง 2 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

ต่อมาวัดได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ทราบกำหนดการนำเหรียญไปมอบเพื่อแจกทหาร-ตำรวจที่ไปรบ จากนั้นหลวงปู่ได้มอบหมายให้พระธรรมธร (มล) รองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเป็นตัวแทนนำเหรียญทองแดงจำนวน 5,000 เหรียญ ไปมอบให้รมต.กระทรวงมหาดไทยในวันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2520 เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสมเจตนารมณ์ของหลวงปู่

ชัดเจนว่าเหรียญนี้ทรงคุณค่าทางด้านจิตใจมาก เหตุเพราะเป็นความปรารถนาที่จะสงเคราะห์รั้วของชาติโดยหลวงปู่ดำริเองประการหนึ่ง เพราะไม่มีใครคิดเรื่องการค้าพาณิชย์เลย แม้ผู้สร้างเองก็สร้างถวายสนองพระเดชพระคุณอย่างมิได้คำนึงถึงผลกำไรแต่อย่างใดประการหนึ่ง เพราะหลวงปู่พิถีพิถันในการเสกมากถึงขั้นวางฤกษ์ที่แข็งสุด ๆ เพื่อหวังการป้องกันภัย ชนะศัตรูอีกประการหนึ่ง

สามประการดังกล่าวไม่ใช่จะบอกว่าดีกว่าเหรียญรุ่นอื่น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้หลุดมือเมื่อเจอ บอกเล่าเก้าสิบในฐานที่รักกันมาจนขนาดนี้ ยังต้องให้แนะนำอีกไหมว่า...

เช่าเถอะครับ...เช่าเถอะครับ...

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 11:51 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
คนเขียนลึกล้ำ คนทำลึกลับ
อื่มมมม...หนุมาณ กับ จูออน
ไม่เคยเห็นอะไรที่เข้ากันได้ดีแบบนี้เลย

นับถือ นับถือ :P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 7:06 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
เยี่ยมยอดทุกท่านครับ มิเสียแรงเป็นแฟนพันธุ์แท้ :mrgreen:

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 ก.พ. 2009 8:17 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 10 ธ.ค. 2008 11:36 pm
โพสต์: 1173
nongmai เขียน:
เยี่ยมยอดทุกท่านครับ มิเสียแรงเป็นแฟนพันธุ์แท้ :mrgreen:

เอ..รู้สึกจะโพสต์เหมือนกระทู้นั้นเลยนา :D

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 07 ก.พ. 2009 2:31 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
แหม.......ช่างสังเกตุจรัง :lol: :lol:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 10 ก.พ. 2009 7:54 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 16 พ.ย. 2008 9:25 pm
โพสต์: 1207
เอ่อ อ.ต่อครับแล้วรุ่นไหนท่านเน้นโภคทรัพย์ครับ คือยุคนี้ขอแบบโภคทรัพย์ๆน่าจะดี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 10 ก.พ. 2009 9:09 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 13 ต.ค. 2008 8:03 pm
โพสต์: 288
ช่ายคับ รุ่นใหนเน้นทางโภคทรัพย์อ่ะคับ ถ้าเป็นรุ่นเจ้าสัวของหลวงปู่บุญของไม่ไหว


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 1:41 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เรียนอ.bonและคุณพรหมาสตร์

ถ้าทั้งสองท่านจะหมายถึงวัตถุมงคลของหลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน วัดกลางบางแก้ว โดยเฉพาะ ผมมีความเห็นของผมเองว่าหลวงปู่เพิ่มท่านทำให้เป็นแคล้วคลาด เมตตา และ มหาลาภในทุก ๆ พระเครื่องของท่านแน่นอนครับ

เพราะจริตนิสัยของท่านเป็นอย่างนั้น

หลวงปู่เพิ่มเป็นพระที่เมตตามาก ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด ๆ ขนาดพระหลวงปู่บุญถูกขโมยจากเพดานโบสถ์นับมูลค่าแล้วเป็นล้าน ๆ บาท ท่านยังพูดกับคุณอาสุธนผู้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนทางวัดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า

"สมบัติผลัดกันชมนะ สุธนนะ"

และเมื่อหลวงปู่เพิ่มมรณภาพจากไป อัฐิของท่านก็ "แปร" เป็นวัตถุธาตุที่คล้ายอัญมณีตกผลึก

ผมไม่กล้ายืนยันว่าหลวงปู่เพิ่มเป็นพระอรหันต์ เพราะภูมิของผมยังไม่ถึง ที่สำคัญผู้ชำนาญการบางท่านนิยมเหมาความเป็นอรหันต์ให้กับครูบาอาจารย์ในสายของท่านพระอาจารย์มั่นเสียหมดจนจะไม่เหลือแบ่งให้ท่านอื่น องค์อื่น สายอื่นบ้างเลย

เรียกว่าถ้าไม่ใช่สายพระอาจารย์มั่น ก็อย่าเป็นพระอริยบุคคลซะเลย

แต่ข้อวัตร คุณธรรม ผิวพรรณวรรณะ คำสอน รวมไปถึงอัฐิธาตุ ของหลวงปู่..ก็ล้วนเป็นเรื่องพ้องกันที่ชวนคิดว่าท่านเป็นพระที่สิ้นภพไม่เกิดอีก

ก็ยอมรับครับว่าเดา

ด้วยจริตเช่นนั้นของท่านที่เป็นพระใจดีมีเมตตาไม่เลือกหน้า ผมจึงเชื่อมั่นว่าของ ๆ ท่านทุกอย่างล้วนแล้วไปด้วยพุทธคุณสุดยอดที่ยอดเยี่ยมจนไม่ทราบจะบรรยายอย่างไร เพราะท่านอธิษฐานจิตเหมือนกันหมดทุกรุ่นนั่นแล

แต่ถ้าจะให้เครดิตเป็นพิเศษกันจริง ๆ ก็คงต้องยกให้ "พระผงขมิ้นเสก" หลากพิมพ์หลายรูปแบบ ซึ่งใส่มวลสารสำคัญและผงวิเศษต่าง ๆ ทั้งของหลวงปู่บุญและองค์หลวงปู่เพิ่มเองลงไปอย่างมโหฬารมหากาฬ ที่สำคัญสุด ๆ คือหลวงปู่เพิ่มปลุกเสกเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของท่าน(และน่าจะของพระอื่น ๆ ทั่วประเทศด้วย)

คือ 22 ปี

เป็นวัตถุมงคลที่น่าแขวนน่าบูชาเป็นอย่างยิ่งที่สุดแล้วหากมีใจให้กับหลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 8:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
ว่าแต่อ.ต่อมีภาพพระผงขมิ้นมาประกอบบ้างมั้ยครับ เผื่อเจอที่ไหนจะได้คว้าไว้ทัน
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 8:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
ว่าแต่อ.ต่อมีภาพพระผงขมิ้นมาประกอบบ้างมั้ยครับ เผื่อเจอที่ไหนจะได้คว้าไว้ทัน
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 10:31 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
ราวๆปี 46 -47 ผมไปกราบหลวงปู่เจือที่วัดกลางบางแก้ว
ที่วัดยังมีพระผงผสมอังคารธาตุ หลวงปู่เหลืออยู่ให้ทำบุญองค์ละ 50 บาท
ไม่รู้ว่าหมดหรือยัง อาจจะยังพอมีเหลือครับ

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 2:08 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586

re1.jpg


re1.jpg


สี่เหลี่่ยม re1.jpg


ตัดมน re1.jpg



_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 2:52 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
อยากได้จางงงง

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.พ. 2009 3:35 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
รูปภาพประกอบสวยมากๆเลยครับ องค์จริงท่านคงสวยกว่านี้แน่เลย............ขอบพระคุณอ.ต่อมากครับ :lol: :lol:

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO