พุธ 08 ต.ค. 2008 2:14 am
หลวงพ่อเก๋ สุนันโท วัดแม่น้ำ ตอน การค้นพบตัวตนต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง โดย ศิษย์กวง จาก
http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/10/03/entry-1
- 0082.jpg (55.62 KiB) เปิดดู 2567 ครั้ง
ศีล สมาธิ ปัญญา คืออะไรและเป็นอย่างไร ...ชาวพุทธเชื่อว่าเมื่อมีศีลที่บริสุทธิ์แล้ว สมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดสมาธิขึ้นภายในจิตดีแล้ว จึงจะเกิดปัญญา ว่ากันว่าปัญญานี่แหละเป็นตัวตัดสินการหยั่งรู้หรือการรู้แจ้งในธรรมมะ
ซึ่งคำว่าธรรมะในที่นี้
“หลวงพ่อเก๋ สุนันโท..” หรือ
“ท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เคยสอนพวกผมว่า...
- 2.jpg (39.07 KiB) เปิดดู 2556 ครั้ง
“ธรรมะ คือธรรมชาติ เป็นธรรมชาติของโลกและชีวิตจริง ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้แล้วนั้น เป็นความจริงอันสูงสุด ประเสริฐสุดในโลก
เรื่องนี้แหละทำให้ข้ามีความมั่นใจว่าสิ่งนี้เองคือทางที่จะต้องดำเนินต่อไปและจะไม่ถอยหลังกลับ...”
- 3.jpg (36.44 KiB) เปิดดู 2554 ครั้ง
วัดแม่น้ำเดิมมีชื่อว่าวัดบางนางจีนนอก พื้นที่บริเวณนี้มีวัดอยุ่ติดกันถึงสามวัด ปรากฏหลักฐานเป็นซากของพระอุโบสถเก่าๆอยู่ในบริเวณนี้ถึงห้าหลัง ต่อมาจะยังไงไม่ทราบทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่รวมกันกับวัดแม่น้ำ...
- 4.jpg (24.97 KiB) เปิดดู 2552 ครั้ง
วัดแม่น้ำเป็นวัดที่มีความสำคัญมาแต่อดีต ภายในวัดมี
“หลวงพ่อวิหาร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด สอบถามจากชาวบ้านได้ความว่า
หลวงพ่อวิหารเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ปางอุ้มบาตร แต่จะมาอยู่ที่วัดแม่น้ำแห่งนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครสามารถตอบได้ บางคนบอกว่าเกิดมาก็เจอท่านอยู่ในวัดแล้ว ขณะที่บางคนก็บอกว่าลอยน้ำมา ฯลฯ..
- 5.jpg (71.54 KiB) เปิดดู 2555 ครั้ง
เอาเป็นว่าคำตอบสุดท้ายจะเป็นอย่างไร โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมจะไม่ค่อยให้ความสนใจในรายละเอียดของเรื่องพวกนี้สักเท่าไร
อาจเป็นเพราะตนเองมีความคิดว่า เรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบของหัวใจให้มากนัก..และน่าจะปล่อยให้เป็นปริศนาคาใจจะดีกว่า..
ผมว่ามันคือ
“เสน่ห์” ของเรื่องราวพวกนี้ เพื่อนๆลองคิดดูซิครับเรื่องลึกลับแบบนี้ หากเป็น
“สีขาว” จะสนุกอย่างไร มันต้องเป็น
“สีเทา” ครับถึงจะได้ใจ..
- 6.jpg (67.46 KiB) เปิดดู 2530 ครั้ง
แต่ความน่าสนใจเกี่ยวกับ”หลวงพ่อวิหาร” อยู่ตรงนี้ครับ ข้อมูลที่ผมรับทราบคือหลวงพ่อวิหาร(องค์จริง) ถูกเก็บรักษาไว้บนกุฏิ มีพุทธลักษณะ
”ปางอุ้มบาตร” เหมือนหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
แต่หลวงพ่อวิหาร(องค์จำลอง) ที่อยู่ในวิหาร มีพุทธลักษณะ”ปางประทานพร” ส่วนเหรียญหลวงพ่อวิหาร(รุ่นแรก) ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ ก็เป็นรูปแบบเดียวกับองค์จริงที่อยู่บนกุฏิครับ
- 7.jpg (45.77 KiB) เปิดดู 2522 ครั้ง
ไม่ต้องยึดถือกันตรงคะแนนเสียงก็ต้องบอกว่าปางอุ้มบาตร คือพิมพ์ทรงที่ถูกต้อง แต่ทำไมปางประทานพรถึงมีขึ้นมาได้หรือนั่นคืออีกปางหนึ่งของท่าน หรือเพราะว่านายช่างที่ปั้นรูปจำลองของท่านสัพเพร่า ฯลฯ ตรงนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ..
ชีวิตคนเรายังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ขออนุญาตข้ามตรงนี้ไปเลยนะครับ เพราะบันทึกน้อยตอนนี้ค่อนข้างยาวและผมยังมีอะไรที่ต้องพ่นอีกมาก....
- 1.jpg (31.74 KiB) เปิดดู 2526 ครั้ง
หลวงพ่อเก๋ สุนันโท ท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด เกิดที่บ้านสระพัง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อ จู๋ โยมมารดาชื่อ แป้น นามสกุล ตรีเพชรคง มีพี่น้อง ๖ คน
หลวงพ่อเก๋ท่านเป็นคนที่ ๓ อุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ วัดวชิรคาม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีพระครูธรรมวิถีสถิต (หลวงพ่อโต) วัดคู้ธรรมสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุตาภิรัต (หลวงพ่อรอด) วัดบางขันแตก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อทองอยู่ วัดแม่น้ำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์...
- 9.jpg (33.23 KiB) เปิดดู 2520 ครั้ง
หลังจากหลวงพ่อเก๋ สอบนักธรรมตรีได้และมีความสามารถในเชิงช่างไม้ หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำจึงขอตัวท่านให้มาช่วยงานที่วัดแม่น้ำ
สมัยนั้นหลวงพ่อทองอยู่ท่านมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ เก่งสมุนไพร ว่านยา ทำให้หลวงพ่อเก๋ได้ศึกษาวิชาการต่างๆเหล่านี้จากหลวงพ่อทองอยู่ไว้จนหมดสิ้น
ต่อมาหลวงพ่อทองอยู่จึงได้นำท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์
”หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต” และ
“หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก” ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมขลัง
- 10.jpg (50.61 KiB) เปิดดู 2519 ครั้ง
นอกจากนี้ท่านยังได้ฝากตัวเข้าเป็นศิษย์ของ
”หลวงพ่อคง ธมมโชติ วัดบางกะพ้อม...” สมัยนั้นวัดบางกะพ้อม ถือว่าเป็นสำนักเรียนวิชาอาคมที่มีชื่อเสียง
บางท่านถึงกับกล่าวกันว่า วัดบางกะพ้อมแห่งนี้นัยว่าเป็นสำนักวัดประดู่ทรงธรรมของอยุธยาเลยทีเดียว ศิษย์พี่ที่มีชื่อเสียงร่วมสถาบันวัดบางกะพ้อมแห่งนี้คือ [b
]“หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท”[/b] หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า
“คุณพ่อเนื่อง” แห่งวัดจุฬามณีครับ
- 11.jpg (72.23 KiB) เปิดดู 2510 ครั้ง
“หลวงพ่อเนื่องท่านมีลูกศิษย์เยอะ คนส่วนมากมักจะไปหาท่านเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเงินๆ ทองๆ
ยิ่งวันหวยออกคนแน่นวัดจุฬามณี เขาว่าท่านให้หวยแม่น ก็ว่ากันไป แต่ว่าห้ามท้านะเสร็จท่านทุกราย แม่นจริงๆ” พวกผมเคยหยอกล้อหลวงพ่อเก๋ว่า เคยได้ยินคนเขาเล่าลือมาเหมือนกันว่า ท่านเก๋ วัดแม่น้ำก็แม่นไม่เบา เห็นท่านอมยิ้มพลางพูดเบาๆ ด้วยสำเนียงเหน่อๆ...
- 12.jpg (29.51 KiB) เปิดดู 2509 ครั้ง
“อยากฉิบหายให้เล่นหวย....”
“คนเราที่วุ่นวายทุกวันนี้ เพราะมีความโลภเป็นนิสัย ตัดความโลภไปได้ ชีวิตก็จะสบาย บางคนเห็นคนอื่นมี ก็อยากมีอย่างเขา..
พวกเอ็งลองมองดูตัวเองซิ ถ้าทำอะไรได้ไม่เหมือนเขาก็อย่าไปทำเลย มันจะทำให้พวกเอ็งและครอบครัวเดือดร้อนเปล่าๆ...”ว่ากันว่าถ้า [b
]“ความสามารถ” [/b]เป็นตัวปั่นกำไร
“การรู้จักใช้” เป็นตัวปั่นความเชื่อ เมื่อสองอย่างนี้มารวมตัวกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดเป็นพลังงานมหาศาล ยากที่จะเปลี่ยนแปลง...
- 13.jpg (32.45 KiB) เปิดดู 2499 ครั้ง
“จงอย่าไปทำตามอย่างคนอื่น จงทำและจงใช้ ตามความสามารถของตนเอง และจงเป็นผู้ที่รู้จักรักษาสมบัติของตนเองที่มีที่หาได้ นั่นแหละพวกเอ็งก็จะไม่เดือดร้อน...” หลายสิบปีของการเรียนรู้วิชาอาคมและฝึกปฏิบัติ การออกเดินธุดงค์เป็น
“โอกาส” สำคัญ..
เป็น
"มหาวิทยาลัยชีวิต"ที่สอนหลักสูตรภาคเร่งรัดให้พระภิกษุสงฆ์ได้สั่งสมประสบการณ์
- 14.jpg (44.01 KiB) เปิดดู 2502 ครั้ง
“สมัยก่อนเดินธุดงค์ลำบากมาก ถนนหนทางก็ไม่ดี บ้านเรือนก็น้อย บางวันได้ฉันอาหารนิดเดียว บางวันก็ไม่ได้ฉัน บางทีเดินทั้งวันไม่เห็นบ้านคนสักหลัง..
แต่การเดินธุดงค์มันดีเพราะมันเป็นการชำระจิตใจให้ห่างไกลจากกิเลส..
ข้าไปมาหมดแล้วภาคเหนือ ภาคอีสาน เฉพาะแถวภาคกลางนี่เดินหลายปีเลย ไปพระพุทธบาท อยุธยา ถ้าใต้สุดก็ประจวบ....” หลวงพ่อเก๋ ท่านได้ออกเดินธุดงค์แสวงหาสัจธรรมและความรู้ด้านต่างๆอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้ท่านได้หลายสิ่งหลายอย่างติดตัวเป็น
“ต้นทุน” สำหรับวันข้างหน้าที่ตัวท่านเองมุ่งมั่นลึกๆเสมอมาว่า วันหนึ่งจะต้องถึงเวลากลับไป
“ทดแทน” พระพุทธศาสนาและครูบาอาจารย์..
ท่านหยุดเดินธุดงค์ ด้วยว่าหลวงพ่อทองอยู่ ได้ขอร้องให้ท่านหยุดเดินและช่วยดูแลวัด เนื่องจากหลวงพ่อทองอยู่ท่านชราภาพมากแล้วและต้องการให้ท่านสอนนักธรรมแก่พระเณร...
- 15.jpg (38.35 KiB) เปิดดู 2499 ครั้ง
“เป็นพระสงฆ์ต้องมีธรรมะ ศีล สมาธิ ปัญญา หากพระภิกษุสงฆ์รูปใดขาดซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว จะเป็นผู้ที่หาความเป็นพระไม่ได้
จะว่าไปสมัยนี้พระที่ไร้ศีล ไร้สมาธิ และใช้ปัญญาในทางที่ผิดยังมีอีกมากจริงๆ...”
คำสอนของหลวงพ่อเก๋ ผมว่าไม่ใช่เฉพาะพระเท่านั้นที่ควรปฏิบัติ มนุษย์อย่างเราๆท่านๆ ก็สามารถนำคำสอนของท่านมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน...
สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเมื่อคนเรามีศีล ทำให้เรามีสมาธิ พอเรามีสมาธิ สติปัญญาจะตามมาเอง เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีปัญญาแล้ว เราย่อมจะทำอะไรต่ออะไร หรือเราจะตัดสินใจทำอะไรได้อย่างมีเหตุผล...
ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่พวกผมเคยกราบนมัสการ มักสอนพวกเราอยู่เสมอว่า เมื่อ
”นั่งสมาธิ”แล้วอย่าลืมเอา
”สติ”ตามไปด้วย
หรือบางองค์ก็ว่า
“สมาธิเป็นบ่อเกิดของดวงตาธรรม...” เพื่อนผมในกลุ่มถามท่านว่าเวลานั่งสมาธิหลวงพ่อเห็นอะไร..
- 16.jpg (24.92 KiB) เปิดดู 2494 ครั้ง
“เวลาที่ข้านั่งสมาธิ ข้าเห็นธรรม คนอื่นจะนั่งแล้วเห็นอะไรข้าไม่รู้ แต่ว่าข้าเห็นธรรม คนเราถ้าขาดธรรมแล้ว ย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน..”ว่ากันว่าท่ามกลางความมี
”ชื่อเสียง”ของมนุษย์ มนุษย์มักเลือกที่จะนำเอาชื่อเสียงเข้าแลกกับ
”ความสบาย” แต่นั่นย่อมไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อว่าหลวงพ่อเก๋
เนื่องเพราะไม่ว่าชื่อเสียงหรือฐานันดรทางพระจะเสกสรรปั้นแต่งให้ท่านเป็นอย่างไร หลวงพ่อเก๋ท่านก็ไม่เคยมีความคิดที่จะบัญญัติคำว่า
“ความสบาย” ลงใน
"ประมวลกฎหมายของชีวิต.."
- 17.jpg (40.61 KiB) เปิดดู 2493 ครั้ง
“คนเราจะเอาอะไรกันมาก พระพุทธเจ้าท่านมีแค่บาตรกับผ้าไม่กี่ชิ้น ท่านยังประกาศคำสอนได้ทั่วโลก....”ฟังแล้วได้ใจครับ..หากว่าเรามองพุทธเจ้าของเราเป็นเช่นคนธรรมดา พระองค์ก็เป็นคนธรรมดาที่มี
”ชื่อเสียง”มาก ชื่อเสียงของพระองค์เป็นที่รู้จักกันทั่วไปของคนบนโลก..
แต่พระองค์ท่านก็ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่า
“ความสบาย” หลายต่อหลายเท่านัก การที่พระองค์ทรงดำเนินออกสั่งสอนผู้คน พระองค์ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรเลย นอกจาก
”บาตรใบเดียว...”ธรรมะก็ว่าไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องของคาถาบ้าง....
- 18.jpg (14.53 KiB) เปิดดู 2489 ครั้ง
สายน้ำแม่กลองเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านทอดยาวเข้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม สองฝั่งของลำน้ำแม่กลอง
"อุดมสมบูรณ์"ไปด้วยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายองค์
เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ
ซึ่งหลวงพ่อ หลวงปู่เหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมา ทุกท่านล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป และก็เป็นโชคดีของพวกเราครับ ไม่ทันเกจิรุ่นปู่แต่มีโอกาสได้สัมผัสเกจิรุ่นหลาน...
- 19.jpg (33.23 KiB) เปิดดู 2487 ครั้ง
“สมัยก่อนอยากได้วิชา ก็เลยไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับครูบาอาจารย์ในละแวกนี้ เดินไปบ้าง ติดเรือเขาไปบ้าง..”
“โชคดีที่มีอาจารย์หลายองค์ แต่ละองค์ก็เป็นหนึ่งในแต่ละด้าน มีดีกันคนละอย่าง บางองค์เก่งหมอยา บางองค์เก่งตะกรุด..”บรรดาครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเก๋ ไม่มีองค์ไหนเลยที่จะสอนให้หลวงพ่อมีความละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ..
ดูเหมือน
”เคล็ดลับ”ความสำคัญที่สุดที่หลวงพ่อเก๋ท่านได้รับการปลูกฝัง มิใช่จำนวนปริมาณหรือคุณภาพของวิชาที่เรียน หากแต่เป็น...
”คุณธรรมที่อยู่ในหัวใจ...”
- 20.jpg (29.51 KiB) เปิดดู 2487 ครั้ง
“ข้าเรียนทั้งวิชากระทำและวิชาแก้ ครูบาอาจารย์สอนว่าวิชาที่เรียนไม่ได้มีไว้ให้ทำร้ายคน สอนไว้ให้ช่วยสงเคราะห์คน..”
มีเรื่องจริงที่เล่าขานกันทั่วลำน้ำแม่กลองว่า เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นเด็กชอบเที่ยว ชอบทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ พ่อแม่ว่าก็ไม่เชื่อ เรียนหนังสือก็เพื่อกันตำรวจจับโดยเอาโรงเรียนอาชีวะที่ตนเองเรียนบังหน้า
พอตำรวจจับก็บอกว่าตนเองเป็นนักเรียน ตำรวจก็ไม่อยากทำ เพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป เจ้าเด็กคนนี้ชอบยกพวกไปเที่ยวไล่ตีกับคนอื่น..
- 21.jpg (28.62 KiB) เปิดดู 2481 ครั้ง
จนในงานวัดแห่งหนึ่ง ระหว่างที่เด็กหนุ่มคนนี้แยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน คู่อริเห็นเข้าเลยพาพรรคพวกไล่ฟันเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยมีดสะปาต้า ว่ากันว่าฟันแบบไม่เลี้ยง เล่นเอาเสื้อผ้าขาดกระจุย กว่าตำรวจจะมาถึง เจ้าเด็กคนนี้ก็น่วมไปทั้งมีดและไม้ แต่น่าอัศจรรย์คือเมื่อตำรวจให้พ่อแม่ของเด็กนำส่งโรงพยาบาล
- 22.jpg (32.12 KiB) เปิดดู 2479 ครั้ง
หมอที่รักษาหาแผลไม่เจอสักแผล พบแต่รอยฟกช้ำเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าขาดยับเยินไม่มีชิ้นดี ตำรวจสงสัยเลยขอดูว่ามีของดีอะไรในตัว ก็เลยพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเพียงสายเชือกร่มที่ห้อยคอพร้อมเหรียญหลวงพ่อเก๋เท่านั้น ที่ทำให้เขารอดตาย เหรียญรุ่นนี้ก็เลยเรียกกันติดปากว่า
“เหรียญจิ๊กโก๋”
- 23.jpg (68.73 KiB) เปิดดู 2475 ครั้ง
หลวงพ่อเก๋ สร้างวัตถุมงคลครั้งแรกในลักษณะของเหรียญสามแบบ เมื่อพ.ศ.๒๔๙๐ คือ เหรียญหลวงพ่อวิหาร และเหรียญรูปเหมือนท่าน ทรงเรือบดไว้สำหรับแจกผู้หญิง
และที่มีประสบการณ์ตามเรื่องจะเป็นทรงรูปไข่ จะขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ไว้แจกผู้ชาย ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า
“เหรียญจิ๊กโก๋..”
- 24.jpg (40.41 KiB) เปิดดู 2472 ครั้ง
สำหรับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีวัตถุมงคลชุดนี้ติดตัว มีมากมายเหลือเกิน เช่นแคล้วคลาด คงพระพัน เมตตาและปัองกันผี ซึ่งน่าจะเกิดจากงานปลุกเสกเหรียญชุดนี้มีครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเก๋มาร่วมปลุกเสกหลายองค์
เท่าที่หลวงพ่อเคยบอกพวกผมก็จะมี หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิต หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ฯลฯ องค์ไหนที่อยู่ใกล้ๆ ท่านจะใช้วิธีเดินทางไปนิมนต์ด้วยตนเอง องค์ไหนที่อยู่ไกลๆ ใช้นั่งเรือขนทรายไปนิมนต์...
- 25.jpg (72.69 KiB) เปิดดู 2470 ครั้ง
ปัจจุบันนี้เหรียญหลวงพ่อวิหารและเหรียญรูปท่าน ทรงเรือบด ยังพอหาได้ในแวดวงพระเครื่อง แต่ทรงจิ๊กโก๋ นานๆ จะมีโผล่มาให้ผู้ที่สนใจน้ำลายไหลเล่นๆ ด้วยความอยากได้...
แต่เห็นหลวงพ่อเก๋ เสกพระได้เหนียวๆอย่างนี้เถอะ ใครอย่าได้แหยมไปถามท่านเป็นอันขาดว่าอยากหนังเหนียว เพราะเพื่อนผมบางคนเคยโดนท่านตำหนิว่า..
- 26.jpg (56.58 KiB) เปิดดู 2466 ครั้ง
“ข้าเป็นพระศีล ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่พระนักเลง...”ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ ท่านก็พูดของท่านอย่างถูกต้องว่าตัวท่านเป็น
”พระศีล ปฏิบัติธรรม” แต่หากย้อนหลังตรวจสอบประสบการณ์ที่เกิดจากผู้ที่มีเหรียญของท่าน บางคนเคยโดนยิงหงายท้องตกลงกลางคูสวน
แต่เขาผู้นั้นไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย ปรากฏการณ์อย่างนี้ไม่เรียกว่า
“เหนียว” ก็คงเรียกใหม่ว่า
“สุดเหนียว..”แหละครับ
แถมท่านยังบอกกับพวกเราด้วยว่าพระของท่านต่อให้สร้างมาดี เสกอย่างดี จึงใช้คุ้มครองเฉพาะคนดี ถึงกระนั้นก็ดี ต่อให้เป็นคนดีก็ยังต้องตาย..ท่านว่า
- 27.jpg (39.71 KiB) เปิดดู 2462 ครั้ง
“มันเป็นเรื่องของเวรกรรม..
ใครสร้างกรรมใดไว้ก็ต้องรับกรรม หากกรรมนั้นยังมีบุญคุ้มอยู่ ก็ยังสามารถป้องกันได้เมื่อยังมีบุญวาสนา
หากเมื่อหมดบุญวาสนาเมื่อไร..เมื่อนั้นแหละกรรมจะส่งผลให้ได้รับความทุกข์อย่างสาหัส...” พักเรื่องเหนียวซึ่งเป็นเรื่องของความรุนแรง มาว่ากันในเรื่องเมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก ใครทักใครชอบกันบ้าง
ของเมตตาที่ขึ้นชื่อว่าแน่สุดๆของหลวงพ่อเก๋ ก็คือ
“ดอกบานไม่รู้โรยเสก..” ซึ่งลูกศิษย์ตลอดจนญาติโยมละแวกวัดรู้ดีว่า นั่นแหละเป็น
”ของเมตตาชั้นเยี่ยม..” สอบถามพระที่นั่งข้างๆหลวงพ่อได้ความว่า...
- 28.jpg (29.51 KiB) เปิดดู 2461 ครั้ง
“สมัยก่อนหลวงพ่อยังไม่ได้สร้างวัตถุมงคล ลูกศิษย์ต่างอยากได้ของที่หลวงพ่อเสก หลวงพ่อเก๋ จึงได้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปเก็บดอกบานไม่รู้โรยมาให้ท่าน เพราะท่านจะเสกให้เป็นของเมตตา..
ท่านว่า...ดอกบานไม่รู้โรยเป็นของดี นามของดอกไม้นี้ก็บอกแล้วว่า “บานไม่รู้โรย” ฉะนั้นความมั่งมีมันจะไม่โรยรา....”ครั้งหนึ่งผมเคยถาม
”หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา” ว่า ตอนนี้มีพระเกจิอาจารย์องค์ไหนที่เก่งๆบ้าง หลวงปู่บอกผมว่า..
“หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ..” ท่านว่า หลวงพ่อเก๋เวลาเสกตะกรุด เมื่อเสกเสร็จแล้วลืมตามาดู ตะกรุดที่อยู่ในพานมักจะหายไปเสียทุกที..ค้นหาขนาดพลิกแผ่นดินวัดแม่น้ำแล้วก็ยังไม่พบ แต่อนิจจา....
- 29.jpg (45.01 KiB) เปิดดู 2455 ครั้ง
ตะกรุดที่ท่านเสกมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันลอยไปอยู่บนต้นมะพร้าว ต้นตาล ที่มีอยู่ในสวนข้างๆวัด และผู้ที่พบก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่ไหนทั้งนั้น กลับเป็นคนงานชาวสวนที่ต้องปีนขึ้นไปบนยอดต้นมะพร้าวเพื่อหักปลิดขั้วมะพร้าวให้ตกลงมาจากต้น..
เจอครั้งที่หนึ่งไม่แปลก แต่เจอครั้งที่ขึ้นหลักสิบ จึงรีบมารายงานกับเจ้าของสวนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ทำให้ทราบว่าตะกรุดอันนั้นเป็นตะกรุดของวัดแม่น้ำ ที่หลวงพ่อเก๋ ท่านเสกในตอนกลางคืนและได้หายไปนั่นเอง...
หลวงปู่เมี้ยน บอกผมว่า นั่นแหละเขาเรียกว่า
“สำเร็จกสิณลม..”ครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิทางด้านนี้ยังกล่าวรับรอง แล้วกับคนภูมิแพ้เรื่องของขลังอย่างเราจะรีรอได้ยังไงเล่าครับ...ย้อนกลับมาพ่นเรื่องของ
“กสิณ” กันหน่อย...
- 30.jpg (65.6 KiB) เปิดดู 2461 ครั้ง
คำว่า
“กสิณ” สำหรับตัวผมแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬาร เนื่องจากตัวเองไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก เท่าที่สมองน้อยๆ ระดับเด็กอนุบาลพอทราบก็คือว่า...
กสิณ คือ เรื่องของการ
”เพ่งมอง”เพื่อทำให้จิตเป็นสมาธิ จัดว่าเป็นกรรมฐานชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการนำจิตให้เข้าไปยึดติด มีส่วนช่วยส่งผลทำให้จิตเป็นสมาธิไว มีอานุภาพมาก
ดังนั้นการฝึกกสิณจึงเป็นการฝึกสมาธิวิธีหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวิธีฝึกจิตแบบหนึ่งเรียกว่า
"เจริญสมถกรรมฐาน"
- 31.jpg (33.23 KiB) เปิดดู 2458 ครั้ง
ส่วนเรื่องของกสิณจะมีกี่อย่างอันนี้ด้อยปัญญาจริงๆครับ แต่เท่าที่รู้จะต้องมี
“ปฐวีกสิณ” กสิณดิน คือ การเพ่งดิน
“อาโปกสิณ” กสิณน้ำ คือ การเพ่งน้ำ
“เตโชกสิณ” กสิณไฟ คือ การเพ่งไฟ และ
”วาโยกสิณ” กสิณลม คือ การเพ่งลม ทำนองนี้แหละครับ
กล่าวกันว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เราเรียกว่า
“ธาตุทั้งสี่” เป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตคนในโลกของความเป็นจริงที่มีคุณค่าและไม่น้อยหน้า ดิน น้ำ ลม ไฟ ตาม
"นัยของกสิณ..."จะให้ไม่สำคัญยังไงเล่าครับ ก็ในเมื่อหลวงพ่อทองอยู่ พระหมอโบราณเคยสอนหลวงพ่อเก๋ไว้ว่า..
“ความผิดปกติของชีวิตกับเลือดลม” มีสาเหตุมาจากธาตุทั้งสี่ ซึ่งถือว่าเป็น”ปัจจัยภายในตัวของเราเอง.....”
- 32.jpg (55.38 KiB) เปิดดู 2454 ครั้ง
“ชีวิตคนเราประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ปัถวี อาโป วาโย เตโช ดิน น้ำ ลม ไฟ ปัถวีคือดินอยู่ที่เท้า อาโป คือน้ำลาย น้ำเหลือง วาโยคือลมหายใจ
เตโช คือไฟธาตุที่ให้ความอบอุ่นในกายเราอยู่ทุกวัน ดังนั้นคนเราจึงตายเมื่อไฟธาตุแตก เพราะร่างกายเสียสมดุล....”
- 33.jpg (38.35 KiB) เปิดดู 2455 ครั้ง
“ธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา ตอนเช้าอาจจะยังดีอยู่ ตอนเที่ยงเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง มันเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที
โบราณจึงกล่าวกันว่า ความไข้ที่จะเกิดแก่ร่างกาย มันไม่เลือกวันเวลา เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น...”ตำรายาโบราณบันทึกไว้ว่า..
“เมษายน คนมักเป็นไข้รากสาด เดือนสิบสอง ลมว่าวพัดลงมา ท่านเรียกว่าไข้หัวลมหรือไข้หวัด พอช่วงหน้าฝนคนมักเจอมาลาเรีย และช่วงที่คนเราไม่สบายกันมากก็คือช่วงที่ฤดูกาลมาเจือจุนกัน นั่นคือการที่ความร้อนและเย็นมากระทบกัน...”
- 34.jpg (20.18 KiB) เปิดดู 2454 ครั้ง
“ฤดูกาลเปลี่ยนก็ส่งผลกระทบต่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายคนเราว่าจะสามารถคงความสมดุลอยู่ได้หรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กันไปหมด...ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก..”ว่ากันว่า
”การค้นพบตัวตน สำคัญคือต้องผ่านการแสวงหาด้วยตนเอง...” เช่นเดียวกันครับ หลวงพ่อเก๋ ท่านเรียนวิชาการต่างๆ มามาก ทั้งช่างไม้ หมอยา คาถา ฯลฯ เป็นที่รู้กันในกลุ่มของผู้ที่มีคตินิยมในแนวทางนี้ว่า การทำของให้ขลัง ให้เกิดความเสถียร นอกจากวิชาการต้องเข้มแข็งแล้วยังคงต้องพึงพา
“ความจริง” ที่มีชื่อว่า
“เคล็ดลับ...”
- 35.jpg (32.45 KiB) เปิดดู 2451 ครั้ง
“ทุกสิ่งในโลกนี้สำเร็จด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คาถาทั้งหลายทั้งหมดจะต้องใส่ด้วยธาตุทั้งสี่ จึงจะได้ผล..”หลวงพ่อเก๋ สุนันโท หรือท่านพระครูสุนันทวิริยาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มี
”วิชาอาคมเก่งกล้า” พอๆกับ
“ความเมตตาที่กล้าแข็ง” ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปนานแล้วครับ ศพของท่านถูกบรรจุอยุ่ในโลง ตั้งอยู่บนกุฎิเพื่อให้ลูกศิษย์และญาติโยมที่เคารพในตัวท่านได้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง..
- 36.jpg (30.23 KiB) เปิดดู 2454 ครั้ง
บันทึกน้อยของผมตอนนี้เขียนระลึกถึงบุญคุณและคุณงามความดีของท่าน ที่ได้สั่งสอนอบรมธรรมะแก่ชาวบ้าน พัฒนาวัดแม่น้ำให้มีความเจริญรุ่งเรือง..และแรงบันดาลใจอีกประการหนึ่งคือท่านเป็นพระสหธรรมมิกองค์สำคัญของ”ครูบาอาจารย์” ของผมอีกหลายองค์ ซึ่งคำว่า
“คนคอเดียวกัน ย่อมรู้ใจกัน..” เป็นนิยามที่ดีที่ใช้อธิบายถึงความสัมพันธ์อันนั้น...ขออนุญาตปิดบันทึกน้อยตอนนี้ด้วยคำสอนของหลวงพ่อเก๋ สุนันโท ครับ
- 37.jpg (51.85 KiB) เปิดดู 2453 ครั้ง
“คนเราเกิดมามิได้พบพระพุทธเจ้าเลย...
แต่ว่าถ้าได้ดำเนินชีวิตของตนเองให้ตรงทางจริยมรรคแปดประการ ถูกต้องตามแบบแผนในการปฏิบัติโดยไม่ทอดทิ้ง และทำอย่างจริงๆ ก็สามารถสำเร็จมรรคผล เป็นอริยบุคคลได้...” สวัสดีครับ
- 38.jpg (50.26 KiB) เปิดดู 2448 ครั้ง
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับข้อมูล คุณณัฐวุฒิ เลิศวนานนท์ กับรูปภาพประกอบเรื่อง เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำที่มีคุณค่า และไม่อาจลืมคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้อย่างสม่ำเสมอ..