หลวงปู่เรือง อาภัสสะโร ปูชนียธรรมสถานเขาสามยอด ตอน อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/03/11/entry-1ผมเคยได้รับฟังเรื่องของ
หลวงปู่เรือง อาภัสสะโร ปูชนียธรรมสถานเขาสามยอด จ.ลพบุรี ทั้งจากกลุ่มเพื่อนร่วมอุดมคติเดียวกันและตามบทความในหนังสือพระเครื่องต่างๆ ทำให้ซึมซับความรู้สึกอยากจะได้กราบท่านซักครั้งหนึ่งในชีวิต จนได้รับการติดต่อจากเพื่อนๆว่า
คณะศรัทธาของพระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี จะขึ้นไปเยี่ยมหลวงปู่เรื่องและนำพระชุดฉลองอายุครบ 89 ปี ของหลวงปู่ไปถวาย ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่ท่านจำพรรษาอยู่ที่
อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จึงไม่ลังเลใจที่จะตอบตกลงในทันที บอกตรงๆครับกายยังอยู่บางกอกแต่ใจไปถึงเมืองอุบลฯโน่นแล้ว
พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพฯแวะรับพระอาจารย์ติ๋ว ที่วัดมณีชลขัณฑ์ ประมาณสามทุ่มกว่าๆ หลังจากนั้นรวดเดียวครับถึงอุบลฯ แวะฟังเสียงไก่ขันในตัวเมืองซักพักก็ต้องรีบต่อไปที่ อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์ เพื่อให้ทันพอดีกับการถวายภัตราหารเช้าหลวงปู่
ต้องบอกว่าที่สุดของที่สุดครับ....เมื่อยสุดขีด..... อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ข้าวโพด ในหมู่บ้านประเสริฐแสนสุข
ความไฮเทคที่สุดของหมู่บ้านนี้น่าจะเป็นระบบไฟฟ้าที่ต้องขอพ่วงสายจากปากทางประมาณ 30 กม. เพื่อบริการชาวบ้านประมาณเจ็ดหลังคาเรือน ที่ปลูกกระจายกันอยู่พอมองเห็นกันลิบๆ เพียงแต่วันนี้ชาวบ้านทุกคนทราบว่าจะมีคณะศรัทธาจากบางกอก มาทำบุญ ดังนั้นอาศรมพรตฯ จึงเต็มไปด้วยชาวบ้านที่หอบลูกจูงหลานมาช่วยงานบุญครั้งนี้กันเต็มไปหมด ภาพที่พวกเราเห็นเป็นภาพแรกหลังจากลงจากรถคือหลวงปู่เรือง
ท่านนั่งอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มองดูเหมือน
คุณปู่กำลังเล่านิทานให้หลานๆฟังแหละครับ น่ารักมากอาการที่เมื่อยสุดขีด หายเป็นปลิดทิ้ง
หลวงปู่เรือง ท่านเป็นพระเรียบร้อย มีสง่าราศี อัธยาศัยใจคอดี พูดคุยสนุกแฝงไปด้วยธรรมมะ ไม่ชอบขัดใจคนไม่ดุ ชอบเล่นกับเด็ก ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านเป็นที่รักและเคารพของญาติโยมที่ได้มากราบไหว้ เมื่อยามว่างจากญาติโยมที่มาเยี่ยม
ท่านก็จะนั่งสมาธิภาวนานับลูกประคำตลอดเวลา ประสบการณ์ของพระเครื่องที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงปู่มีมากมายเล่าขานกันไม่หวาดไหว
ลูกระเบิดที่ว่าดังๆ ยังต้องดับเพราะท่าน เหตุเกิดจากสมัยที่ท่านจำพรรษาอยู่บนเขาสามยอด ซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาลอานันทมหิดล บริเวณดังกล่าวเป็นที่ฝึกซ้อมรบของทหารรบพิเศษค่ายเอราวัณ ระหว่างซ้อมรบมีการยิงลูกระเบิดไปที่เขาสามยอด ยิงไปกี่ลูกกี่ลูกก็ไม่ระเบิด ด้วยความสงสัยเหล่าทหารจึงขึ้นไปดูก็พบว่าในถ้ำบนยอดเขามีพระแก่ๆ จำพรรษาอยู่หนึ่งองค์ ปากถ้ำมีลูกระเบิดตกอยู่เต็มไปหมด เท่านั้นแหละครับ ทหารทั้งจังหวัดลพบุรีแห่กันมาเป็นลูกศิษย์ท่านทั้งจังหวัด สอบถามกันเบื้องต้นทราบว่าท่าน
จำพรรษาอยู่บนยอดเขาแห่งนี้เพียงองค์เดียวมาเกือบสี่สิบปีแล้วและไม่เคยลงไปจากเขาเลย ระหว่างที่ทหารซ้อมรบกันท่านก็นั่งสมาธิภาวนาสวดมนต์อยู่ภายในถ้ำนั่นแหละ หลังจากนั้นเป็นต้นมาทหารในจังหวัดลพบุรีที่จะต้องไปราชการชายแดนจะต้องขึ้นมาขอของดีและให้หลวงปู่พรมน้ำมนต์ทุกครั้งไป
และก็ไม่ใช่ว่าท่านจะเด่นในเรื่องคงกระพันอย่างเดียวนะครับ ลูกศิษย์ของท่านพร้อมครอบครัวรวม 5 คนขับรถไปธุระที่จังหวัดอยุธยา ระหว่างจะเข้าตัวเมืองอยุธยา มีรถขับตัดหน้าหักหลบรถคว่ำไปหลายตลบ ใครมาดูก็ต้องบอกว่าคนในรถต้องเสียชีวิตทั้งหมด แต่
ปาฏิหาริย์มีจริงครับทุกคนรอดตายหมด บาดเจ็บแค่เคล็ดขัดยอกไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
สาเหตุที่ทราบเรื่องเพราะวัดรุ่งขึ้นครอบครัวนี้ได้ขึ้นเขามาให้หลวงปู่พรมน้ำมนต์ ในเรื่องเมตตาท่านก็เด่นครับโดยเฉพาะด้านค้าขายบรรดาแม่ค้าในโรงอาหารของโรงพยาบาลอานันทมหิดลต่างยืนยันเป็นประจักษ์พยานได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องเมตตานี้อย่าว่าแต่คนเลยกับสัตว์หลวงปู่ก็ยังมีเมตตาให้ ลิงป่าบนเขามีเป็นร้อยๆตัว หลวงปู่ท่านยังจับมาเล่นได้ ธรรมชาติของลิงป่าจะมีความดุดังนั้นอย่าหวังว่าจะจับมันได้เลย ขนาดจะเข้าใกล้ลิงพวกนี้มันยังไม่ยอมเลย ที่ผมเล่าประสบการณ์ทั้งหมดมานี้ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการครับ
หลังจากถวายภัตราหารเช้าให้หลวงปู่เรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ได้นำขนม ของเล่น ที่พวกเรานำไปถวายออกมาแจกแก่เด็กๆ ช่วงแรกค่อนข้างโกลาหลหวิดเกิดการจลาจล ร้อนถึงตำรวจสากล
(ลุงผู้ใหญ่บ้าน ที่มาพร้อมไม้เรียว) เหตุการณ์จึงสงบลงได้ ท่ามกลางรอยยิ้มที่เมตตาของหลวงปู่และบรรดาญาติโยมที่อยู่ในงานบุญ ระหว่างนั้นพระอาจารย์ติ๋ว ท่านได้เข้าไปกราบหลวงปู่ที่ตักและพูดว่า
“ อาจารย์เรือง ผมได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯแล้ว จึงอยากจะนิมนต์อาจารย์เรืองไปจำพรรษาที่วัดมณีชลขัณฑ์ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”หลวงปู่ท่านตอบว่า
”ให้ผมตามหาพุทธเจอก่อนแล้วจะไปอยู่ด้วย” พร้อมกับหันมาบอกพวกเราว่า
“อาจารย์ติ๋ว ตอนเด็กๆชอบปีนขึ้นเขาไปหาท่านบ่อยๆ ชอบทางเหนียว เก่งทางเหนียว เออ..ช่วยเอาพระของผมไปจารให้ที..(ยิ้ม)” ดังนั้นวัตถุมงคลในวันนั้นส่วนมากแล้วจะเป็นรอยจารของพระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ แหละครับ
หลังความโกลาหล ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติหลวงปู่เรืองได้ปลุกเสกพระชุดฉลองอายุ 89 ปีเป็นเวลานานมากกว่า 3 ชั่วโมง ที่ผมทราบเพราะว่าเพื่อนในกลุ่มท่านหนึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่ เขาบอกว่าครั้งแรกนึกว่าท่านนั่งหลับแต่สังเกตว่า
“มือของท่านขยับนับลูกประคำอย่างช้าๆ ที่ละเม็ด ที่ละเม็ด สลับกับการผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะ จังหวะ ลักษณะเหมือนกับกำลังนั่งสมาธิภาวนา ตัวตั้งตรง ทำให้เชื่อว่าท่านไม่ได้หลับและปลุกเสกตลอดเวลา” เท่านั้นแหละครับหลังจากเสร็จพิธีทุกคนต่างกรูเข้าไปรับวัตถุมงคลชุดนี้จากท่านด้วยความศรัทธา(ผมเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น) หวิดเกิดจลาจลขึ้นในคณะศรัทธาเนื่องจากผลประโยชน์ไม่ลงตัว(ฮ่า ฮ่า)
ในช่วงบ่ายระหว่างที่บางคนหลับใหลด้วยความอ่อนแรง พวกเราส่วนที่เหลือได้เข้าไปนั่งสนทนากับหลวงปู่ หัวข้อหรือเนื้อหาหนีไม่พ้น หลวงปู่บวชที่ไหน เรียนวิชามาจากใคร สำเร็จวิชาอะไร ปัจจุบันมีใครเป็นลูกศิษย์สืบทอดวิชาของหลวงปู่บ้าง ฯลฯ
เชื่อไหมครับว่าคำตอบของหลวงปู่เรือง อาภัสสะโร ท่านว่าอย่างไร ผมว่าถ้าทุกคนปรบมือได้คงจะปรบมือกันแล้ว แต่เสียดายด้วยเงื่อนไขของกาลเทศะ การแสดงออกจึงมีเพียงรอยอมยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของทุกคนเท่านั้น
“กูเรียน กูปฏิบัติสายของพระพุทธเจ้า (ยิ้ม) พระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ของกู สายอื่นๆที่พวกมึงว่ากูไม่รู้จัก กูไม่มีหรอก กูนี่แหละศิษย์สายตรงของพระพุทธเจ้า” เป็นยังไงครับ ซึ่ง....งง ไหมครับ ถ้ายังไม่คิดไม่ทัน ลองฟังอีกช็อทหนึ่งครับ“กูมีลูกศิษย์อยู่สองหลักสูตร(หัวเราะ) หลักสูตรแรกไว้สอนพวกพระว่าบวชแล้วต้องเข้าศึกษาธรรมะให้เข้าใจ ให้ลึกซึ้งและนำไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเอง สอนให้ปล่อยวางกิเลส ฝึกทำสมองปัญญาให้แจ้ง จะได้เอาไว้อบรมสั่งสอนโปรดญาติโยม โปรดสัตว์ แล้วก็สอนศีล สมาธิ ปัญญา”(หัวเราะ)
“หลักสูตรที่สองก็สอนคนอย่างพวกมึง ให้รู้จักขยันอดทนทำมาหากินอย่างสุจริต ต้องอดออมรักษาศีล เลิกอบายมุข เลิกบุหรี เลิกเหล้า ดูแลพ่อแม่ ดูแลครอบครัวให้ดี ก่อนนอนก็พยายามสวดมนต์ด้วยนะ” (แป่ว!!!!)
“พอเรียนจบหลักสูตรกูก็แจกประกาศนียบัตร“(ยิ้ม)
ว่าแล้วหลวงปู่ค่อยๆหยิบใบคาถาของท่าน ซึ่งเป็นรูปท่านอยู่ด้านหน้าและมีคาถาเพิ่มพลังจิตอยู่ด้านหลังแจกให้กับพวกเราทุกคน พร้อม
สำทับเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ“ทุกวันนี้คนเรามักแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน หากเราหันหน้ามามองกันและคุยกันอย่างมีสติ ก็จะไม่เกิดเรื่อง เกิดปัญหา พวกมึงต้องใช้ ธรรมาวุธแทนอาวุธ”
.....เอาไว้ทำอะไรครับหลวงปู่....
“เอาไว้ประหารพวกกิเลสในใจพวกมึงไง เอาให้หมด” (หัวเราะ) ....( เฮ้อ....หลวงปู่นะหลวงปู่)
ครับ..หากเราเห็นแก่ตัว กอบโกย โกงกิน ชิงดีชิงเด่นกัน โดยไม่ยอมเหลียวมองดูคนรอบๆข้าง สักวันเราก็คงอยู่ไม่ได้ เพราะเมื่อเขาอยู่ไม่ได้เราก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน หรือเราคิดว่าเราอยู่คนเดียวในโลกนี้ได้ล่ะครับ สังคมต้องเกื้อกูลกัน มีศาสนาเป็นเครื่องควบคุมจิตใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นดังนี้แล้วโปรดเชื่อมั่นเถอะครับ สังคมนั้นๆก็จะอยู่กันได้โดยสันติ
ผมเขียนบันทึกตอนนี้ขึ้นมาเพื่อระลึกถึงหลวงปู่เรือง อาภัสสะโรและคำสั่งสอนของท่าน ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้วผมก็ยังไม่มีโอกาสพบท่านอีกเลย ทราบว่าท่านกลับมาจำพรรษาที่บริเวณเชิงเขาสามยอด หลังโรงพยาบาลอานันทมหิดลแหละครับ คงมีโอกาสเพียงแต่ได้รับฟังเสียงท่านจากโทรศัพท์ของเพื่อนๆ ซึ่งไปกราบนมัสการท่านแล้วส่งให้ท่านได้พูดคุยกับผม ซึ่งทุกครั้งท่านจะกำชับผมเสมอว่า
”อย่าลืมที่หลวงปู่สอนนะ สวดคาถาด้วย”ขอกราบขอบพระคุณท่านพระครูวิมลญาณอุดม (พระอาจารย์ติ๋ว) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์ พระอารามหลวง จังหวัดลพบุรี ที่ได้นำพาผมไปกราบพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ร้านเบญจพร ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่าย เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับความคิดเห็นและกำลังใจที่มีให้เสมอมา ผมหวังว่าจะได้รับต่อไปเรื่อยๆนะครับ
มงคลวัตถุฉลองอายุครบ 89 ปี ของหลวงปู่เรือง