พุธ 15 ต.ค. 2008 9:13 am
ผ้ายันต์กันไฟ
--------------------------------------------------------------------------------
ผ้ายันต์ กันไฟไหม้
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงที่หลังโรงเรียน วัดลาดบัวขาว
วันนึงหลวงพ่อเรียกให้คนไปตามทิดช้อย บ้านอยู่เข้าไปทางหลังโรงเรียน มาแล้วบอกกับทิดช้อยว่า
"ระวังฟืนไฟนะไอ้ช้อย ดูแลบ้านให้ดี..สองสามวันนี้อย่าทิ้งบ้านไปไหน..."
"ครับหลงพ่อ...ผมเองว่าจะเข้ากรุงเทพ ไปหานังผ่อนมันครับ...พอดี..."
"เออ ระงับไว้ก่อนอยู่บ้าน ถ้าเหลือวิสัยยังไงค่อยคิดอ่านกันอีกที เอ็งไปหยิบผ้ายันต์ในตู้สีดำนั่นมา.."
ทิดช้อยคลานไปหยิบผ้ายันต์ในตู้ของหลวงพ่อสุรินทร์มา ส่งให้หลวงพ่อ
"ผมมีแล้วนี่ครับหลงพ่อ...คราวหีบอ้อยคราวก่อนผมได้มาผืนนึง...ผมเอาไว้ที่หัวนอนแล้วครับ"
"เอามานี่เถอะ ข้าจะทำอะไรให้ พรุ่งนี้เช้ามาเอาไปติดไว้ทางตะวันตกนะ.......
กรงไหนก็ได้ อย่าลืม ไอ้ช้อย...เอ็งมาหาข้าตอนเช้า.."
"ครับหลวงพ่อ..."
เช้ามืดทิดช้อยเดินมาที่กุฏิ ปะอาจารย์อิ้งที่หน้าหอฉัน อาอารย์อิ้งกำลังจะไปบินฑบาตร
"ไหงมาแต่เช้าล่ะไอ้ทิด....มีอะไร.."
"หลงพ่อให้ผมมาหา มาเอาผ้ายันต์ แกว่าไฟจะไหม้อะไรสักอย่างนี่แหละ.."
"อ้อ..สงสัย มิน่าล่ะเมื่อคืนอาจารย์แกนั่งทำอะไรอยู่ในกะติจนดึก..ไปๆข้าไปก่อน.."
พระอาจารญ์อิ้ง หรืออาจารญ์สะอิ้ง รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น กางฝ่ามือออกดู เมื่อเห็นว่าสว่างได้ที่พอเห็นลายมือ ท่านจึงเดินออกไปบินฑบาตร
"หลงพ่อ..หลงพ่อขอรับ ผมมาแล้วครับ......"
"เข้ามา...เอ็งเอาผ้ายันต์นี้ติดบ้านไว้ ตามที่ข้าบอก ข้าเองต้องไปธุระที่กรุงเทพฯอีกหลายวันกว่าจะกลับ อย่าลืมไอ้ช้อย อยู่โยงเฝ้าบ้านให้ดี"
หลวงพ่อสุรินทร์ ส่งผ้ายันต์สีขาวให้กับทิดช้อย มีรอยเขียนอะไรเพิ่มเติมทิดช้อยรู้เพียงแต่ว่าเป็นยันต์และคาถา หากแต่ก็ไม่ลึกซึ้งเข้าใจอะไรนัก กลับมาถึงบ้าน ทิดช้อยเอาผ้ายัต์ติดไว้ที่ข้างฝาด้านตะวันตก ติดกับไร่อ้อยของทิดช้อยเอง
คืนนึงราวตีสอง เสียงลมพัดอู้..กิ่งไม้หักราน ทิดช้อยนึกว่าคงเป็นลมแล้งหรืออาจจะมีพายุมา แต่หากให้ผิดสังเกตุอยู่ในที ทิดช้อยรู้สึกร้อนวูบๆ เป็นระยะๆ พอเลิกมุ้งขึ้น มองออกไปที่ทุ่งอ้อย พระเพลิงสีแดงฉานกำลังลุกลามมาจวนเจียนจะถึงบ้านแก อยู่รอมร่อ จากนั้นก็เป็นเสียงของชาวบ้านตะโกนแข่งกับเสียงลมพายุเพลิง ทิดช้อย คนบวชเรียนครบพรรษา ได้แต่ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ จนมีเสียงกระซิบก้องในหู
"เอาลูกเอ็งหลบควันไปที่อื่น บ้านเอ็งไม่ไหม้ไฟหรอก......."
ทิดช้อยอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาจากบ้าน ชาวบ้านมุงดูไม่รู้จะดับยังไง แต่สักพักนึง ไฟก็มอดลงไปเรื่อยๆอย่าน่าอัศจรรย์ เมื่อไฟลามมาจนเกือบจะติดบ้านทิดช้อย แล้วก็ดีดับในที่สุด
"เมื่อตะกี๋ ข้าเห็นอาจารย์สุรินทร์ ยืนอยู่บนบ้านเอ็ง ข้าตะโกนบอกก็ไม่มีใครได้ยินเลย...."
ทิดช้อยคุกเข้าลงบนพื้นดินลูกรังบนถนนหน้าบ้าน ก้มลงกราบโดยหันหน้าไปทางวัด
"หลงพ่อ........หลงพ่อช่วยผมอีกแล้ว.........ฮือๆๆๆ........"
ทิดช้อยร้องไห้น้ำตาไหลพรากต่อหน้าลูกชายและชาวบ้านใกล้เคียงอย่างไม่อายใคร
ตั้งแต่วันนั้นมาผ้ายันต์ชายธงสีขาว รุ่นแรกและรุ่นเดียวก็หมดจากวัดโดยไม่มีให้เห็นแม้สักผืน
ผมเองสอบถามจากคนทั่วไปขอแบ่งเช่า ก็ไม่มีใครยอม ใบสั่งก็ให้ในราคาที่ยุติธรรม(สำหรับผมเอง) ก็ไม่มีใครเอามาปล่อยให้ ผืนในรูปนี้ได้มาจากการไปจุดธูปบอกหลวงพ่อที่รูปหล่อท่านเพียงสองวัน และได้จากในกรุงเทพฯเสียด้วย คนขายไม่รู้จัก รู้แต่เพียงว่าได้จากคนขับรถสองแถว นานมาแล้ว
ในรูปเป็นรูปถ่ายก๊อปปี้จากของเดิม ผมเอามารวมกับผ้ายันต์อาไว้ครับ
- แนบไฟล์
-
- DSC09624.JPG (118.62 KiB) เปิดดู 1706 ครั้ง