Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 4:10 pm

img013.jpg
img013.jpg (86.52 KiB) เปิดดู 8704 ครั้ง

โดย รณธรรม ธาราพันธุ์

พระเถระที่นามว่า ขาว มีมากหลากองค์ หากเอาที่เหรียญแพงระยับต้อง หลวงปู่ขาว วัดหลักสี่ ดอนเมือง กรุงเทพ นี่แหละ เนื้อเงินสวย ๆ อย่างส่องกล้องแล้วท่านยิ้มให้นี่ว่ากันถึงหลักแสน นั่นแบบเอาโลหะแปรธาตุเป็นกระดาษ แต่ถ้ากระดูกแปรธาตุเป็นเพชรพลอยต้องนี่

หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี

อันที่จริงสถานที่ตั้งวัดได้เปลี่ยนนามไปแล้วตามการปกครอง จากที่อยู่ข้างต้นเป็น อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ด้วยถูกยกสถานะ อำเภอ ให้เป็นจังหวัด ทว่าผมถนัดปากจริง ๆ ให้ดิ้นตายกับที่อยู่เดิม จึงขอยกไว้คนเถิดจะว่าจมปลักก็ยอม

หลวงปู่ขาว อนาลโย เดิมชื่อ ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ณ บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี บิดาชื่อ พั่ว มารดาชื่อ รอด โคระถา มีพี่น้องร่วมอุทร 7 คน โดยท่านเป็นบุตรคนที่ 4

ท่านแต่งงานเมื่ออายุได้ 20 ปี โดยอยู่กินกับ นางมี กระทั่งมีบุตรด้วยกัน 7 คน ต่อมาภรรยาท่านทำในสิ่งมิบังควรคือคบชู้สู่ชาย เป็นเหตุให้ท่านโกรธแค้นมากถึงกับเอามีดดาบติดตามไปหมายจะฆ่าคนทั้งสอง หากเมื่อท่านไปได้ครึ่งทางเกิดความคิดอันหนึ่งผุดขึ้นมาว่า

ที่คิดว่าเราเป็นฝ่ายดีเป็นฝ่ายถูกนั้น แต่เราก็ลุแก่อำนาจโทสะความอาฆาตมาดร้าย เราคิดจะฆ่าคนทีเดียวสองคน จะจัดว่าใครเลวร้ายกว่าใคร?

บัดนั้นเอง ท่านก็เกิดความสลดสังเวชขึ้นในจิต นึกเห็นแต่ความเมตตาสงสารและการให้อภัย ยกมือขึ้นประณมว่า สาธุ ๆ ที่พระธรรมมาโปรดปรานสงบเพลิงกิเลสลงจากใจได้ไม่ทำให้ท่านต้องตกนรก ครั้นพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในชีวิตทางโลกชัดแจ้งแก่จิตแล้ว ท่านจึงปลงใจบวชคิดปฏิบัติธรรมให้เต็มกำลังความสามารถตน

ท่านออกบวชครั้งแรกเมื่ออายุได้ 31 ปี ในฝ่ายมหานิกายที่ วัดโพธิ์ศรี บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2462 มี พระครูพุฒิศักดิ์ เจ้าคณะอำเภอเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญจันทร์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอยู่จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรีเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยนี้ถึง 6 ปี

เมื่ออยู่ที่วัดนั้นได้เล็งเห็นโทษของเพื่อนภิกษุที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมวินัย ทำให้สลดใจนักคิดขึ้นว่าเป็นดังนี้ก็ไม่สมเจตนาที่ออกบวชมาเพื่อมรรคเพื่อผล จึงไปกราบลาพระอุปัชฌาย์เพื่อออกปฏิบัติธรรม

หลวงปู่ขาวเที่ยวธุดงค์ไปเรื่อยจนได้ยินผู้คนเล่าขานถึงกิตติคุณในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านก็เกิดความกระหายใคร่จะได้พระแท้อย่างนี้เป็นครู จึงได้เดินทางออกตามหาอยู่เป็นนาน ผ่านป่าเขาลำเนาไพรจนถึงพระธาตุพนม ถึงอุดรธานี วกมาหนองคาย ด้วยเวลานั้นได้ทราบว่าท่านพระอาจารย์ใหญ่วิเวกมาจำพรรษาที่อำเภอท่าบ่อ

ครั้นหลวงปู่ได้มาอยู่ปฏิบัติกับท่านพระอาจารย์มั่น ก็รับรู้ได้ว่านี่คือครูบาอาจารย์ที่ใฝ่หา และนี่คือธรรมแท้ที่ได้ยิน แต่เวลาไม่นานนักท่านพระอาจารย์ใหญ่ก็ออกธุดงค์หนีหายไปอีกด้วยท่านไม่ปรารถนาคลุกคลีกับหมู่คณะเพราะท่านยัง ไม่จบกิจพระศาสนา

ต่อมาได้ทราบว่าท่านพระอาจารย์มั่นอยู่ที่เชียงใหม่ หลวงปู่ก็ตามไป เสาะหาไป ด้วยความยากลำบากกระทั่งได้พบและถือเป็นวาสนาอย่างที่สุด เมื่อท่านพระอาจารย์ใหญ่อนุญาตให้อยู่จำพรรษาด้วย

ครั้นอยู่ใกล้ครูผู้วิเศษสุด หลวงปู่ก็เร่งความเพียรเป็นการใหญ่แทบไม่หลับไม่นอน บางวันท่านเดินจงกรมสลับนั่งสมาธิจนสว่าง คืนหนึ่งจิตเกิดรวมลงอย่างเต็มที่ถึงฐานเดิมแห่งจิต พักใหญ่จึงถอนขึ้นมาแล้วเกิดโอภาสสว่างกระจ่างแจ้งในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ท่านอัศจรรย์เพลิดเพลินกับธรรมจนรุ่งสางทีเดียว

พอออกจากสมาธิหลวงปู่ก็รีบไปอุปัฏฐากท่านพระอาจารย์มั่นขนบริขารท่านลงมายังที่ฉัน แต่แล้วหลวงปู่ก็เห็นสายตาท่านพระอาจารย์ใหญ่จับจ้องมองท่านตลอดจนผิดสังเกต จากเดิมที่เคยกลัวเกรงท่านพระอาจารย์มั่นเอาหนักหนาอยู่แล้ว ครั้งนี้ยิ่งรู้สึกกระดากอายและหวั่นหนักเข้าไปอีก สำคัญว่าชะรอยเราคงทำอะไรผิดไปหรืออย่างไรแน่

ขณะที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ท่านพระอาจารย์มั่นก็เปรยขึ้นมาว่า

“เออ...ท่านขาวนี้ภาวนาอย่างไร คืนนี้จิตจึงสว่างไสวมากผิดกับที่เคยเป็นมาทุก ๆ คืนนับแต่มาอยู่กับผม ต้องอย่างนี้สิจึงสมกับผู้มาแสวงธรรม ทีนี้ท่านทราบหรือยังว่าธรรมอยู่ที่ไหน คืนนี้สว่างอยู่ที่ไหนล่ะท่านขาว”

หลวงปู่ประณมมือตอบว่า “สว่างอยู่ที่ใจครับผม”

“แต่ก่อนธรรมไปอยู่ที่ไหนเล่าท่านจึงไม่เห็น นั่นแลธรรม ท่านจงทราบเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป ธรรมอยู่ที่ใจนั่นแล ต่อไปท่านจงรักษาระดับจิตระดับความเพียรไว้ให้ดีอย่าให้เสื่อม นั่นแลคือฐานของจิตฐานของธรรม ฐานของความเชื่อมั่นในธรรม และฐานแห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่นั่นแล…”

จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นได้กล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ผมส่งกระแสจิตไปดูท่านเห็นจิตสว่างไสวทั่วบริเวณ กำหนดไปทีไรเห็นเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดจนสว่าง เพราะเมื่อคืนนี้ผมมิได้พักนอนเลย เข้าสมาธิภาวนาไปบ้าง ต้อนรับแขกเทพบ้าง กำหนดจิตดูท่านบ้างเรื่อยมาจนสว่างโดยไม่รู้สึก พอออกจากที่จึงต้องมาถามท่านเพราะอยากรู้เรื่องของหมู่คณะมานาน สบายไหม ? ... อัศจรรย์ไหม ?”

คราวนี้หลวงปู่ไม่กล้าเรียนตอบท่าน ได้แต่นิ่งเงียบไปด้วยความยำเกรงเป็นที่สุด นึกในใจว่าจะตอบไปเพื่ออะไรในเมื่อท่าน ส่อง มาเห็นตับเห็นปอดเราหมดแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนก็เชื่ออยู่แล้วว่าท่านพระอาจารย์มั่นสามารถรู้วาระจิตความคิดคน สัตว์ และวิญญาณได้ พอมาเจอเข้ากับตัวเช่นนี้ก็เพิ่มความระมัดระวังจิตเจ้าของยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งเกรงกลัวท่านเป็นเท่าทวี

เมื่ออยู่ด้วยท่านพระอาจารย์ใหญ่กระทั่งท่านลงใจซึ่งกันและกัน หลวงปู่ขาวก็ได้รับอนุญาตให้ญัตติเป็นพระธรรมยุติได้ โดยท่านทำญัตติจตุตถกรรมพร้อมกับหลวงปู่หลุย จันทสาโรโดยหลวงปู่หลุยเป็นนาคขวาบวชก่อนท่าน 15 นาที และหลวงปู่ขาวเป็นนาคซ้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับ แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีฉลู มีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์

พอเป็นธรรมยุติก็สะดวกในการประกอบสังฆกรรมต่าง ๆ การอยู่จำพรรษาร่วมกันก็ราบรื่นไม่เป็นอุปสรรค หลวงปู่จึงทำความเพียรได้อย่างหมดห่วงกังวล และในที่สุดท่านก็ จบกิจพระศาสนา ลงที่กระต๊อบเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ณ บ้านโหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ จะพูดอีกทีว่าหลวงปู่ขาวเป็น...

พระอรหันต์ องค์หนึ่งก็ไม่ผิด

ไปดูอัฐิท่านได้

กระดูกคนทั่วไปมีหรือจะแปรเปลี่ยนให้มีลักษณ์ดังเพชร-พลอยได้ อย่าว่าแต่กระดูกเลย แม้เส้นเกศา... แม้เล็บมือ... แม้ชานหมาก หรือแม้แต่ อึ ของท่านก็เป็น...
พระธาตุ !

นี่คือเรื่องจริงซึ่งเกิดขึ้นในโลกที่ปกคลุมด้วยกิเลสตัณหาใบนี้ หลักฐานมีให้ดูอยู่พร้อมสรรพที่วัดถ้ำกลองเพลในปัจจุบัน เรื่องจริงอย่างนี้ใครเชื่อก็จริง หรือใครไม่เชื่อก็จริงอยู่อย่างนั้น เพราะสัจจะความจริงนั้นไม่ขึ้นกับเชื่อหรือไม่เชื่อของใคร

แต่อย่าปรามาสแล้วกัน

พระผู้หมดกิเลสดังนี้ จะหยิบจับอะไรก็เป็นมงคลไปหมดสิ้น นึกถึงคำหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ คำหนึ่งท่านบอกพวกเราว่า “ข้าแตะอะไรก็เป็นพระไปหมด”

อย่างนี้นี่เอง

เพราะจิตบริสุทธิ์ไร้มลทิน ฉวยอะไรสิ่งนั้นก็บริสุทธิ์ตาม ตรงข้ามคนมีกิเลสก็เหมือนคนเลอะโคลนหยิบจับอะไรย่อมเปรอะเปื้อนไปหมด

จึงนึกกระหยิ่มใจจนพองฟูว่า เมื่อพระบริสุทธิ์อย่างนี้ กำหนดจิตอธิษฐานฤทธิ์ด้วยความบริสุทธิ์ อำนาจแห่งความพิสุทธิ์นั้นย่อมซึมแทรกลงไปในทุกปรมาณูของวัตถุนั้น ๆ ที่ถูกอธิษฐาน และเชื่ออีกว่าจะไม่มีเสื่อมคลายลงได้เลยเสมือนจิตวิสุทธิ์ของท่านที่ไม่อาจกลับมาสกปรกอีกเพราะทุกสิ่งสำหรับท่านเป็น สุญญตา

หลวงปู่ขาวเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นอีกองค์หนึ่งที่ทรงเมตตาธิคุณเป็นล้นพ้น ความเมตตาเช่นนี้เองที่ทำให้เกิดวัตถุมงคลในท่านเป็นจำนวนมากต่อมาก ซึ่งท่านก็ยินดีอธิษฐานจิตให้ด้วยเมตตานั่นแล

พระเครื่องของหลวงปู่ขาวมีประสบการณ์มากมายปรากฏแก่คนนับถือ ผมอยู่ในวงการนี้มานานย่อมได้ยินไม่น้อยทีเดียว เรื่องยิงไม่เข้า แทงไม่เข้า รถคว่ำรถชนไม่เป็นอะไรหรือเป็นก็น้อยมากเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน เราลองฟังดูสิว่ามีใครเคยเจอแบบนี้บ้างหรือเปล่า

คุณอำพล เจน เป็นนักเขียนชื่อดังท่านหนึ่ง (วาดการ์ตูนก็ดังใช่เล่น) เมื่อภายหลังท่านเลียบเคียงลงเดินบนถนนสาย พระ พร้อมใช้ความถนัดเชิง เขียน ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ให้นักนิยมพระได้อ่าน ด้วยฝีมือและสำนวนที่เด็ดขาด มีเสน่ห์ชวนติดตาม ทำให้เกิดแฟนานุแฟนเป็นจำนวนมากเดินร่วมถนนไปด้วย

เมื่อผมเลี้ยวซ้ายจากซอยเดิมที่เคยเดินมานานก้าวลงสู่ถนนสายขลัง ก็พบกับกลุ่มคนที่เดินล้อมหน้าล้อมหลังคุณอำพลอยู่ก่อนแล้ว สงสัยว่ารุมอะไรกันก็เข้าไปดูบ้าง พอได้เห็นตัวตนของคุณอำพลผมก็ติดใจ ขออนุญาตเดินรวมกลุ่มไปด้วยมาจนบัดนี้

และในกลุ่มนี้เองผมก็ได้เพื่อนตลอดจนพี่น้องจากคนเก่าก่อนที่เดินอยู่แล้วและที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบ เสียงแนะนำให้รู้จักกันยังคงดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย และผมก็ได้รู้จักใครคนหนึ่งจากการแนะนำของคุณอำพล

นายแพทย์จิมมี่ คงเจริญ

เป็นแพทย์เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะและโรคไต ปัจจุบันประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่น่าเชื่อว่าหมออะไรจะชอบพระเครื่องได้ขนาดนี้ เรื่องราวซึ่งคุยกันในแต่ละครั้งที่เจอเป็นเรื่องพระเสีย 96% อีก 4% แบ่งเป็นเรื่องสารทุกข์สุกดิบและตับ ๆ ไต ๆ บ้าง

ครูอำพลเคยบอกว่าคนพกพระมากมี อ.อนันต์ อ.เบิ้ม และคุณตี๋ ผมเห็นจะเพิ่มคุณหมอจิมมี่อีกคนคงไม่ว่ากัน ในคอคุณหมอคล้องสร้อยเส้นเดียวก็จริง แต่มีพระ 9 องค์ บางเส้น 11 องค์ก็มี ไม่นับตะกรุดที่คาดเอว พระที่ใช้แหนบเหน็บในกระเป๋าเสื้อ และใส่รวมในซองยาอย่างใหญ่เป็นสิบ ๆ รายการซุกอยู่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเช่นกัน

ทำนองรักพี่เสียดายน้อง

คราวหนึ่งคุณหมอได้เหรียญหลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล มาใหม่ ๆ อารามดีใจก็นำมาพกรวมไว้ในซองยา และออกปฏิบัติหน้าที่ไปตามเรื่อง ผมจำไม่ถนัดว่าท่านพกไว้ได้นานกี่วัน เพราะวันเกิดเหตุนั้นเหรียญยังอยู่กับตัว

ความเป็นหมอย่อมต้องมีการอยู่เวร วันที่ไร้คนไข้ยามดึกคืนหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะลอย อ.ศรีราชา คุณหมอเดินไปเดินมาเมื่อเห็นว่าไม่มีคนไข้ด้วยเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว จึงเดินขึ้นชั้นสองเข้าไปพักในห้องแอร์ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้หมอพักผ่อน

ในห้องนั้นก็เหมือนคอนโดนี่แหละ โซฟาอยู่ใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ซึ่งไม่มีช่องระบายอากาศ คุณหมอเปิดทีวีนอนเอกเขนกบนโซฟาดูบอลโลกอย่างสบายใจ รอเสียงกริ่งหากจะมีเหตุฉุกเฉินอะไร

ขณะนั้นก็รู้สึกเหมือนจะง่วง จิตเรียวลงคล้ายเข้าสู่ภวังค์ หากคุณหมอยืนยันว่ายังไม่ได้หลับแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังเห็นนักเตะลูกหนังวิ่งกันขวักไขว่ไปมาในจอ

ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏมือลึกลับทะลุกระจกที่หนาหนักเข้ามา คุณหมอตกใจสุดขีดเพราะมือนั้นมีขนาดใหญ่โตมโหฬารดังมือยักษ์ และเป็นมือที่มีผิวดำมะเมื่อมน่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด มือปีศาจนั้นทำอาการกำหมัดเงื้อง่าจะชกโครมลงบนตัวหมอจิมมี่ซึ่งกำลังนอนตัวแข็ง มีแต่ตาที่เบิ่งดูภาพสยดสยองนั้นอยู่ไม่กะพริบ

วินาทีนั้น อาจเป็นด้วยจิตที่เพิ่งปีติจากการได้เหรียญหลวงปู่ขาวมาทำให้ประหวัดระลึกถึงหลวงปู่ขาวทันที ตะโกนอยู่ในใจว่า“หลวงปู่ขาวช่วยด้วย”

สิ่งอัศจรรย์ก็พลันเกิด เมื่อเหรียญหลวงปู่ขาวที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตกระโดดออกมาได้เหมือนมีชีวิต แล้ววิ่งเข้าไปอยู่ที่ฝ่ามือขวาซึ่งยกกำอยู่ข้างอก ครั้นมือปีศาจนั้นใกล้จะถึงตัวเหรียญก็แสดงปาฏิหาริย์วิ่งไปวิ่งมาระหว่างมือซ้ายและขวาเร็วจี๋ คล้ายจะปกป้องช่วงลำตัว

ทันทีเช่นกัน มือลึกลับนั่นก็ผงะแล้วถอยกลับออกไปทางเดิม ทิ้งให้คุณหมอนอนตะลึงอยู่ลำพัง ครั้นได้สติมองไปที่โทรทัศน์ นักบอลก็ยังเล่นกันต่อเนื่องจากที่เห็นก่อนมือดำจะโผล่

ชัดเจนว่าไม่ได้ฝัน !!

แล้วที่เหรียญเข้ามาอยู่ในมือวิ่งไป-มาเล่า พอแบมือออกดูก็ไม่ปรากฏอะไร เหรียญหลวงปู่ขาวยังอยู่ในกระเป๋าเสื้ออย่างเดิม

นี่มันอะไร ?

คุณหมอเผ่นออกจากห้องตัวปลิวลงมาข้างล่างซึ่งดูจะอบอุ่นกว่า เมื่อได้เลียบเคียงถามกับพยาบาล ปรากฏว่าหมอจิมมี่ไม่ใช่คนแรก

แทบทุกหมอโดนมานักต่อนัก

มีสารพัดรูปแบบ เป็นผู้หญิงมาเดินให้เห็นก็มี มาร้องเรียกให้ออกจากห้องก็มี

โอ้...พระเจ้า

เหตุนี้อีกหรือเปล่าที่ทำให้คุณหมอรักพระเครื่องจับจิตจับใจ ไปไหนพกเยอะไว้ก่อนเป็นได้เปรียบ ใครจะว่าอย่างไรไม่สนหรอก ก็เจอมาเองนี่นา

เสียดายว่าขณะเขียนต้นฉบับนี้คุณหมอเดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นจะกลับอีกทีคงปลายตุลา มิฉะนั้นจะเอารูปท่านมาลงคู่กับเหรียญเสียหน่อย ใครเจอตัวจริงจะได้สัมภาษณ์สดพร้อมกับขอดูเหรียญสุดขลังนี้ด้วย เป็นรุ่นสมทบทุนสร้างถังน้ำของวัดถ้ำกลองเพล สร้างในปี พ.ศ. 2517 แน่ะ หลวงปู่ยังแข็งแรงดีเสียด้วย คง เสก เต็มที่

ใครพบเห็นจงคว้าไว้เลย ไม่ต้องไปห่วงเรื่องดังไม่ดัง นิยมไม่นิยมดอก มั่นใจว่าท่านเสกแล้วเป็นเก็บไปเถอะ แหม ! ของพระอรหันต์เชียวนะคุณ อย่างผมน่ะเรื่องรุ่นไม่มีเกี่ยงถ้าเคารพจริงผมเอาหมดทุกรุ่น แต่ถ้าเรื่องประสบการณ์น่ะผมเกี่ยง อย่างน้อยผมก็ไม่เอาหรอกนะ....

อย่างที่หมอเจอน่ะ !

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 4:53 pm

อื้อหือ มีภาพประกอบเรื่องด้วย ดีจัง แต่เรื่องนี้ต้องให้คุณหมอจิมมี่เข้ามาขยายถึงจะเหมาะครับ คิดว่าท่านคงได้เข้ามาในเร็ววัน เผลอ ๆ อาจจะมีเรื่อง "ผี" ใหม่ ๆ ที่เพิ่งเจอสด ๆ ร้อน ๆ มาแฉแต่เช้าให้ฟังด้วยล่ะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:01 pm

ขออนุโมทนากับคุณเด็กลึกลับ 1 ครั้งครับ :lol:

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 1:23 am

อืมม์ ทำยังกับเว็บถ้ำเมืองนะแน่ะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 1:35 am

สวัสดีครับคุณเด็กลึกลับ
ขออนุญาตท่านรณธรรมนะครับ
คืออยากให้คุณเด็กลึกลับลองก๊อปเรื่องที่ผมเคยเขียน
มาลงบ้างอ่ะครับ...จะได้ตกผลึกความคิด
ว่าถ้าจะเขียนใหม่จะต้องวางแผนยังไงครับ
เพราะที่เคยเขียนมันยาวและใช้รูปประกอบเยอะอ่ะครับ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 2:13 am

โอ ดีมากครับ ไม่ต้องขออนุญาตดอกครับ (เพราะไม่ใช่เวปผมน่ะ)

ผมจะได้อ่านบ้าง อยากมีความรู้แบบคุณศิษย์กวงบ้าง ต้องยุคุณเด็กลึกลับอีกคนแล้ว

คุณเด็กลึกลับซับซ้อน ซ่อนอยู่ไหนเอ่ย ? ช่วยทำตามคำขอหน่อยครับ..

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 2:16 am

ขออนุโมทนาคุณเด็กลึกลับอีก ๓ โมทนาครับ
แนบไฟล์
55.gif
55.gif (21.77 KiB) เปิดดู 8637 ครั้ง

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 2:22 am

คริ คริ คริ เดี๋ยวหนูขอดูก่อนนะฮะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 15 ก.ย. 2008 5:38 am

เยี่ยม ๆ ๆ ๆ เห็นด้วยครับ เอาไปอีก 2 โมทนาครับ :D :lol: :lol: :lol:

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

ศุกร์ 19 ก.ย. 2008 8:02 am

...นึกว่ากำลังอ่าน เรื่องผีจากเดอะช็อคซะอีก น่ากัวมั๊กๆ...
...เอ่ยถึงเหรียญหลวงปู่ขาวแล้ว ก็มีเหรียญรุ่นนึงจะมาแนะนำกันครับ คือเหรียญหลวงปู่ขาว อนาลโยปี2517 ซึ่งทางมกุฏวิทยาลัย จัดสร้างขึ้น ยังมีตกค้างที่ศาลาฌาปนกิจสถาน วัดมกุฏกษัตริย์ กทมนี่เอง เหรียญรุ่นนี้นอกจากถวายหลวงปู่ขาวเสกแล้วยังนำถวายหลวงปู่แหวนเสกเพิ่มอีก 1 องค์ โดยมีรูปถ่ายยืนยันอย่างชัดเจนและที่พิเศษกว่านั้น ทางวัดยังนำเหรียญทั้งหมดเข้าพิธีพุทธาพิเศกพระนางพญา สก.และสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรดา เมื่อปี 2519 อีกต่างหาก ซึ่งพิธีนี้รวบรวมครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นไว้หลายองค์ทีเดียวครับ...
...ที่สำคัญอัตราค่าบูชาเพียง 50 บาท เท่านั้นเอง ซึ่งใครที่ไปบูชาที่วัดช่วงนี้นอกจากจะได้พระดีแล้ว ยังได้ถือโอกาสไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกันด้วยแหละ...

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

เสาร์ 20 ก.ย. 2008 12:47 am

ฮ่า ฮ่า อันแรกที่นำเสนอมีแล้วครับ

แต่อันที่สองยังไม่มีครับ

เดี๋ยวต้องรีบไปชุมนุม
:D :D

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

ศุกร์ 17 ต.ค. 2008 3:00 pm

พี่หมอจิมมี่ฮะ

อยากฟัง New Experince ของพี่หมออ่ะฮะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 2:52 am

สุึดยอดมากเรื่องนี้
จัดให้ห้ากะโหลกเลยครับ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 4:10 am

คุ้น ๆ แฮะ เหมือนอยู่ช่อง 7

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 2:09 pm

ยอดเยี่ยมครับ ชอบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเหรียญที่ศาลาฌาปนกิจสถานของหลวงปู่ขาวก็น่าสนใจครับ ไว้ว่างต้องแวะไปเอาแล้วล่ะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 3:34 pm

ghost.jpg
ghost.jpg (3.65 KiB) เปิดดู 8378 ครั้ง
คุณหมอฮ๊า....อยู่หนาย..ฮ๊า

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 3:35 pm

:hhero: สู้เค้าฮะพี่จิ้งจก

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พุธ 29 ต.ค. 2008 4:01 pm

ขอบคุณแรงเชียร์ครับ คุณเด็กลึกลับ ผมว่า ช่วงนี้ต้องรอๆ ก่อน รอเหตุการณ์สงบหน่อย ผมคิดว่า หลายคนก็คงไม่กล้าไปเหมือนกัน กลัวระเบิดแก๊สน้ำตาทำขาขาด หรือไม่ก็อกแหก ตับ ไต หัวใจระเบิด ซี่โครงหัก 12 ซี่ เฮ้อ... นี่ตกลงโดนขีปานาวุธกันหรือระเบิดแก๊สน้ำตาฟะ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

พฤหัสฯ. 30 ต.ค. 2008 8:43 am

:ilu: รออ่านด้วยคนครับ

Re: ปาฏิหาริย์แห่งหลวงปู่ขาว

จันทร์ 17 พ.ย. 2008 11:50 pm

becknui เขียน:เหรียญหลวงปู่ขาว อนาลโยปี2517 ซึ่งทางมกุฏวิทยาลัย จัดสร้างขึ้น ยังมีตกค้างที่ศาลาฌาปนกิจสถาน วัดมกุฏกษัตริย์ กทมนี่เอง เหรียญรุ่นนี้นอกจากถวายหลวงปู่ขาวเสกแล้วยังนำถวายหลวงปู่แหวนเสกเพิ่มอีก 1 องค์ โดยมีรูปถ่ายยืนยันอย่างชัดเจนและที่พิเศษกว่านั้น ทางวัดยังนำเหรียญทั้งหมดเข้าพิธีพุทธาพิเศกพระนางพญา สก.และสมเด็จอุณาโลมทรงจิตรดา เมื่อปี 2519 อีก
...
ไปถามที่วัดมาแล้วครับ เหรียญทั้งสองแบบ ไม่ได้เข้าพิธีปี 19 แต่เอาเข้าพิธีปี 22 ครับ สถานที่เสกทั้งสองพิธีคือโบสถ์คณะรังษี วัดบวรนิเวศ อัตราค่าบูชาเพียง 50 บาทเท่าเดิม พิธีปี 22 ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย แถมหลวงปู่ดูลย์ ในดวงใจหลายๆท่านเข้ามาด้วย ที่วัดฝากประชาสัมพันธ์ให้มาทำบุญกันเยอะๆ ของดีเหลือน้อยแล้ว ใครกำลังภายในสูง กวาดได้ กวาดซะ จะไม่เสียใจภายหลัง
ตอบกระทู้