อาทิตย์ 26 ต.ค. 2008 4:19 pm
หลวงพ่อสมชาย พุทธสโร วัดโพรงอากาศ ตอน "รอดตายด้วย อัตตาหิ อัตตโนนาโถ"
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/04/03/entry-2
- 01.jpg (20.49 KiB) เปิดดู 1804 ครั้ง
ผมได้รับการติดต่อจากคณะศรัทธาของคุณสมศักดิ์ ศักดิ์วิเศษชัยกุล ว่าจะไปกราบนมัสการ
ท่านพระอาจารย์ สมชาย พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดโพรงอากาศ ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ....
แวบหนึ่งในความคิดจำได้ว่าหลวงพ่อสมชาย องค์นี้แหละที่ถูกโจรใจบาปบุกเข้ากุฎิเพื่อปล้นเงินและได้ทำร้ายท่านจนได้รับบาดเจ็บสาหัตแต่ความอัศจรรย์มีจริง มีดที่ว่าคมกริบไม่อาจทำอันตรายท่านได้ พอหันมาใช้ปืนยิงอนิจจากระสุนไม่ออก สุดท้ายพวกมันต้องหันมาใช้อุปกรณ์ข้างเคียงเช่นโคมไฟ กระโถน ตีเข้าบริเวณท้ายทอยท่านจนสลบ แต่ก็ไม่ได้อะไรออกไปเนื่องจากบรรดาพระลูกวัดและชาวบ้านแห่กันมาช่วย....ด้วยเหตุฉะนี้แหละรถของคุณสมศักดิ์ก็ได้เพิ่มผู้โดยสารหน้าตาน่ารักอย่างผมไปอีกคน...แฮ่ะ..แฮ่ะ....
คณะศรัทธาของเราออกจากกรุงเทพ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ไปเข้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าตัวจังหวัดจะมีทางแยกเป็นสะพานลอย มีป้ายบอกว่าไปกรุงเทพกับไปฉะเชิงเทรา ก็ตรงไปทางเข้ากรุงเทพนั้นแหละ(อย่าพึ่งงงครับ)
เพราะวิ่งไปทางนั้นสักพักก็จะถึงเขตอำเภอบางน้ำเปรี้ยว ขับถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาสังเกตจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดจากจุดนี้ไปอีกประมาณซัก 3 กิโลก็จะถึงวัดโพรงอากาศครับ หลวงพ่อสมชาย ท่านจะนั่งรับแขกอยู่ใต้ถุนโบสถ์ที่กำลังก่อสร้างอยู่ครับ
- 02.jpg (30.01 KiB) เปิดดู 1806 ครั้ง
หลวงพ่อสมชาย ท่านหันมาเห็นพวกเราก็ยิ้มและเอ่ยปากให้พวกเรานั่งคอยท่านก่อน (อาจเป็นเพราะท่านรู้ว่าคณะนี้พูดไม่หยุด) ท่านเลยขอเวลาไปคุยกับญาติโยมท่านอื่นที่เข้ามากราบนมัสการท่านครับ
สิ่งที่ผมชอบใจคือหลวงพ่อสมชายท่านจะทักทุกคน(ขอย้ำว่าทักทุกคน)ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กๆ แต่ที่
ประหลาดใจคือท่านจะทักเด็กๆ เป็นภาษาอังกฤษครับ เช่น Where are you come from? What is your name? What is your nickname? ไม่ใช่ทักเฉยๆ ท่านขอคำตอบด้วย เช่น เอ้า.!!!...ตอบหลวงตาซิ ตอบอย่างนั้นผิด หนูต้องพูดอย่างนี้ เพราะว่ามันเป็นอย่างนี้.........ฯลฯ พวกผมนั่งฟังเด็กๆตอบจนเพลินเลยครับ พอเห็นเด็กตอบไม่ได้ขยับจะเข้าไปช่วย เหลือบเห็นท่านจ้องมาทางเราเป็นเชิงปราม เลยต้องนั่งสงบเสงี่ยม(แบบทำตัวลีบๆ นะครับ) จนญาติโยมที่มีหนาแน่นได้กลับกันไปหมดก็เป็นเวลาที่คณะของเราได้เข้าไปกราบท่านครับ
- 03.jpg (40.11 KiB) เปิดดู 1804 ครั้ง
- 04.jpg (26.78 KiB) เปิดดู 1803 ครั้ง
หลวงพ่อสมชาย พุทธสโร ท่านเป็นพระผิวขาว บุคลิกดี สง่างาม พูดจาสุภาพเรียบร้อย อัธยาศัยใจดี เพียงแต่วันนี้สังขารของท่านเสื่อมโทรมลงค่อนข้างมากเนื่องมาจากการโดนทำร้ายบริเวณท้ายทอย กระทบถึงเส้นประสาท
ทำให้ท่านไม่สามารถเดินได้เหมือนคนปกติ ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง แต่ท่านก็ยังมีเมตตาบอกพวกเราด้วยน้ำเสียงสดใส
“
ใครคิดว่าอาตมาเดินสำรวม(ยิ้ม)
จริงๆแล้วเดินเร็วไม่ได้ต้องค่อยๆเดิน มันเลยเหมือนสำรวม”(ยิ้ม)
ประทับใจครับ สังขารเสื่อมลงตามสภาพแต่จิตใจที่ต่อสู้ จิตใจที่เมตตา ของท่าน ไม่เสื่อมลงไปตามสังขาร
หลังจากถวายพวงมาลัยมะลิสดและน้ำดื่มแล้ว คำถามแรกที่ทุกคนสนใจอยากรู้คือทำไมท่านต้องทักเด็กๆเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องนี้ท่านเมตตาตอบคำถามพวกเราว่า
“อาตมาเห็นว่าเด็กไทยสมัยนี้เรียนภาษาอังกฤษเฉพาะในตำรา ขาดการปฏิบัติทำให้ไม่กล้าพูดเวลาเจอชาวต่างประเทศ เลยเห็นว่าควรจะปลูกฝังให้เด็กๆได้กล้าแสดงออก อาตมาก็ใช้คำพูดง่ายๆตามที่เคยเรียนนั่นแหละ
เป็นการกระตุ้น อีกอย่างพวกโยมสังเกตดูให้ดีเด็กๆเหล่านี้เป็นลูกหลานของชาวบ้านในละแวกนี้ เรียนหนังสือตามโรงเรียนวัด โอกาสที่จะได้พูดก็ไม่มี ญาติโยมเหล่านี้เป็นเหมือนญาติของเรา ลูกหลานของเขาก็เหมือนลูกหลานของเรา อะไรที่เราสามารถทำให้ท้องถิ่นเราเจริญขึ้น ดีขึ้น อาตมาก็จะทำให้ทุกอย่าง"ผมมานั่งทบทวนดู เออ...เห็นถ้าจะจริงตามนั้นเพราะญาติโยมที่เข้ามากราบนมัสการท่าน ท่านจะรู้จักทุกคน รู้หมดว่าอยู่บ้านไหน อยู่บางอะไร(เช่นบางน้ำเปรี้ยว บางคล้า ฯลฯ) พอจะสรุปได้เลาๆว่าบรรดาญาติโยมที่มาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคนในท้องที่ทั้งหมด ลองวัดไหนได้คนในท้องที่ขึ้นละก็รับรองได้ว่าไม่ธรรมดา หากวัดไหนมีแต่คนต่างถิ่นเข้าวัดแต่คนรอบๆวัดไม่เอา นี่ต้องพิจารณาให้ดีมันมีเหตุให้คิดครับ
นอกจากการเป็นพระนักพัฒนาแล้วในเรื่องของการศึกษาวิชาอาคม ท่านก็มีดีมิใช่น้อยครับ ปฐมอาจารย์ของท่านคือหลวงปู่แจ๋ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์(ลูกศิษย์หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน / เหรียญของหลวงปู่ไข่ปัจจุบันราคาซื้อขายในวงการประมาณ สามล้านบาท) หลวงปู่แจ๋ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ลือชื่อของเมืองแปดริ้วและเป็นผู้สร้างเหรียญนางกวักมีพุทธคุณสูง สนนราคาประมาณเหรียญละสามแสนบาท หลวงพ่อสมชายท่านศึกษาและปรนนิบัติจนหลวงปู่แจ๋ ท่านมรณภาพครับ นอกจากนี้ก็มีหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว(ลูกศิษย์หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก ที่สร้างปลัดขิกได้เข้มแข็งพอๆกับหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ) หลวงพ่อสีหมอก วัดวังตะโก (ลูกศิษย์หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา ลพบุรี อาจารย์หลวงพ่อโอภาสี บางมด) นอกจากสายวิทยายุทธแล้วหลวงพ่อสมชาย ท่านยังเป็นลูกศิษย์ท่านพระครูสันติวรญาณ หรือที่เรารู้จักท่านในชื่อหลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ครับ
- 05.jpg (19.38 KiB) เปิดดู 1802 ครั้ง
ในเรื่องของการศึกษาวิชาอาคมกับการศึกษาในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐาน หลวงพ่อสมชายท่านชอบในเรื่องอย่างหลังมากกว่า แต่เนื่องจากชีวิตในวัยรุ่นท่านเป็นคนจริง เคยเป็นนักเลง มีประสบการณ์กับเรื่องตีรันฟันแทงทำให้น้ำหนักความเชื่อในช่วงแรกโน้มเอียงมาทางด้านคาถาอาคมครับ เราลองมาฟังความคิดเห็นของท่านกันครับ
“อาตมาเป็นคนรุ่นใหม่ มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ต้องรู้ ต้องเห็นกับตัวเองถึงจะเชื่อ เพราะเราต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้เพื่อที่เราจะไปตอบคำถามคนอื่นต่อไป ดังนั้นวิชาอาคมที่ได้เรียนมากับพระอาจารย์องค์อื่นๆมันจึงมีลักษณะที่ก่ำกึ่งในจิตอยู่ ยังเป็นข้อสงสัยของอาตมาอยู่(คงไม่ค่อยใช้/อันนี้ความคิดของผม) แต่กับหลวงปู่แจ๋ อาตมาไม่มีข้อสงสัยเพราะอาตมาศรัทธาท่าน.....ความศรัทธาทำให้อาตมาไม่มีจิตสงสัยตรงนั้น ดังนั้นวิชาอาคมที่เสกเป่าอาตมาจึงใช้วิชาของหลวงปู่แจ๋ เป็นหลัก แต่เมื่ออาตมาไปศึกษากรรมฐานกับหลวงปู่สิม อาตมากลับชอบเพราะไม่ต้องศึกษาอะไรมาก ไม่ต้องท่องจำ หมั่นฝึกจิต หมั่นภาวนา อย่างเดียว พอได้ลองปฏิบัติดูรู้สึกสบายเลยชอบ ก็ได้มีบุญฝึกอยู่กับท่านประมาณสี่เดือนก่อนเข้าพรรษา”ครับ
ศรัทธาทำให้ไม่สงสัย เมื่อไม่สงสัยจึงเกิดความเชื่อมั่น เมื่อผู้เสกพระ เสกของมีความมั่นใจของทุกอย่างที่ออกมาจึงมีคุณภาพ คำว่าคุณภาพตรงนี้วัดเป็นรูปธรรมได้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่นำพระของท่านไปบูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตาค้าขาย ขึ้นโรงขึ้นศาล ที่เด่นสุดๆคือเรื่องอุบัติเหตุทั้งทางรถ ทางเรือ มีเรื่องให้เล่ากันไม่ขาดสายและเมื่อมาผนวกรวมกับประสบการณ์ด้านคงกระพันของท่านเอง เลยยิ่งดังไปใหญ่ ดังนั้นอย่าแปลกใจเลยครับที่วัตถุมงคลของวัดนี้จะถูกบูชาหมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว ….
แต่ถึงกระนั้นก็ตามหลวงพ่อสมชาย ท่านยังได้
เขย่าประเด็นในเรื่องของการพุทธาภิเษกไว้อย่างน่าคิดครับ ท่านว่าเป็นเรื่องของการฝึกหัด
นั่งสมาธิแบบมีต้นทุน“การเข้าร่วมพุทธาภิเษกเป็นการฝึกหัดสมาธิอย่างหนึ่ง เราจะสังเกตได้ว่าของที่คณาจารย์ยุคเก่าท่านทำไว้มีประสบการณ์อย่างมาก มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมคลาย เพราะแต่ละองค์ท่านทำด้วยใจกุศล มุ่งมั่นจรรโลงพระศาสนา ถึงจะเป็นการหารายได้มาสร้างถาวรวัตถุแต่ก็นำรายได้เหล่านั้นมาสร้างจริงๆ ไม่ได้นอกลู่นอกทาง ของถึงคงความเป็นอมตะ....แต่สมัยนี้จัดพุทธาภิเษกกัน ต้องมีรายจ่ายเกิดขึ้น เงินที่ได้ก็ไม่รู้ว่านำไปก่อสร้างตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ บางองค์เข้ามาในงานก็นั่งกันแป๊ปๆ พอรับปัจจัยแล้วก็กลับ(ยิ้ม) อย่างนี้เราพอจะเรียกว่าเป็นการฝึกสมาธิอย่างมีต้นทุนพอได้มั๊ง แต่จะทำยังไงได้ก็ยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปเราต้องยอมรับมัน”อย่างนั้นหลวงพ่อปฏิเสธที่จะรับปัจจัยไหมครับ?
“อาตมารับ ไม่ปฏิเสธ เมื่อรับแล้วเราก็ถวายเขากลับ เพื่อให้เขาไปสร้างสาธารณะกุศลต่อไป เรื่องนี้อาตมาจะบอกกล่าวไว้อย่างชัดเจนกับเจ้าภาพ แต่ถ้าเห็นไม่ชอบมาพากลก็เอาปัจจัยนั้นกลับมาสร้างวัดเราดีกว่า วัดเราก็กำลังสร้างเหมือนกัน” (หัวเราะ)
ฟังท่านเล่าแล้วก็ต้องอมยิ้มครับ เห็นจะจริงเพราะวัดท่านก็กำลังก่อสร้างโบสถ์อยู่ สร้างใหญ่โตมากผมเห็นครั้งแรกยังตกใจ จะสร้างอะไรกันปานนั้น นั่งรถมาเห็นโบสถ์อยู่ไกลๆกลางท้องนานึกว่าเป็นภูเขาทอง วัดสระเกศ อร่ามไปหมด พอเข้ามาดูใกล้ๆก็ต้องแหงนคอมองจนเมื่อยแหละครับ ใหญ่จริงๆ แต่...เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ
- 06.jpg (30.8 KiB) เปิดดู 1801 ครั้ง
“อาตมาตั้งใจสร้างโบสถ์แห่งนี้ให้เป็นสถานที่สำคัญของเมืองแปดริ้ว ให้บางน้ำเปรี้ยวที่ซึ่งเป็นสถานที่เกิด ที่ศึกษาของอาตมาได้มีชื่อเสียง แต่เดิมที่นี่กันดารมากพอตกลงใจสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ความเจริญในเรื่องของสาธารณูปโภคก็ตามเข้ามา ทำให้ชาวบ้านแถบนี้มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตั้งใจว่าจะสร้างให้เสร็จทันตอนยังมีแรงมีชีวิตอยู่”พวกเราสนทนากับหลวงพ่อสมชายกันพอสมควรแก่เวลาครับ ก่อนจะกราบลาท่านกับผมได้ถามท่านถึงเรื่องที่ตนเอง
เก็บความสงสัยมานานหลวงพ่อครับ ตอนที่เกิดเหตุโจรปล้น
หลวงปู่แจ๋.......... มาช่วยหลวงพ่อหรือเปล่าครับ?เพื่อนๆผมพากันตกใจ คิดว่าผมจะพาซวยซะแล้ว มีเรื่องให้ถามเยอะแยะดันผ่าไปตั้งคำถามซะจะแจ้งปานนั้น
แต่หลวงพ่อสมชายท่านยิ้มครับ (ท่ามกลางแววตาตื่นตะหนกของพวกเรา) พร้อมตอบด้วยความเมตตา
“ตอนที่โดนโจรเอามีดแทง อาตมาก็นึกขอให้หลวงปู่มาช่วยด้วยพร้อมกับภาวนาคาถาของท่าน “อิ กะ วิ ติ”ซึ่งเป็นหัวใจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ สู้ไปภาวนาไป .....นึกขึ้นได้ว่าท่านตายไปแล้วจะมาได้อย่างไร....(หัวเราะ)
ก็เลยใช้หลัก “อัตตาหิ อัตตโนนาโถ” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้นแหละ(ยิ้ม)
เลยมีแรงสู้จับพวกมันได้หนึ่งคน ก็เอามุ้งที่กางอยู่นั่นแหละจับมัด สรุปได้ว่าการที่อาตมาภาวนาคาถา ทำให้อาตมามีสติ เลยมีแรง (ยิ้ม)
แต่ก็ต้องมาแพ้ไอ้กระโถนใบนี้ (ใบที่ตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของท่านในรูป)
เล่นเอาซะแย่ ส่วนที่ปืนยิงไม่ออกน่าจะเป็นที่คาถา เพราะหลวงปู่ท่านสอนไว้เวลาเหตุร้ายจวนตัวให้ใช้ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จะได้คุ้มครอง นี่อาตมาช่วยเหลือตัวเองด้วยตัวเองนะนี่ ” (หัวเราะ)
- 07.jpg (33.72 KiB) เปิดดู 1799 ครั้ง
ครับจากเหตุการณ์เฉียดมรณะภาพของหลวงพ่อสมชาย เป็นสิ่งเตือนใจให้ผมได้ข้อคิดในเรื่องของคำว่า
“จิต” และ
“สติ” จิตที่เป็นสมาธิทำให้เกิดเป็นพลัง การครองสติตลอดเวลาทำให้เราเกิดปัญญา เมื่อมีเหตุอะไรเข้ามากระทบเรา หากเรามี
“จิต” และ
“สติ” แล้วปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆสามารถแก้ไขได้แน่นอน แต่ทั้ง
“จิต” และ
“สติ” นี้ขึ้นอยู่กับตัวเราต้องหมั่นฝึก หมั่นปฏิบัติ สรุปง่ายๆว่าเรื่องแบบนี้ต้องช่วยตัวเองแหละครับ ใครทำ ใครได้
“อัตตาหิ อัตตโนนาโถ” ......ครับ
ภาพพระอุโบสถที่กำลังก่อสร้างครับ
- 08.jpg (32.61 KiB) เปิดดู 1799 ครั้ง
- 09.jpg (31.27 KiB) เปิดดู 1796 ครั้ง
- 10.jpg (42.38 KiB) เปิดดู 1794 ครั้ง
- 11.jpg (19.7 KiB) เปิดดู 1795 ครั้ง
- 12.jpg (45.98 KiB) เปิดดู 1790 ครั้ง
- 13.jpg (32.2 KiB) เปิดดู 1788 ครั้ง
- 14.jpg (26.25 KiB) เปิดดู 1786 ครั้ง
- 15.jpg (25.05 KiB) เปิดดู 1787 ครั้ง
- 16.jpg (30.36 KiB) เปิดดู 1784 ครั้ง
- 17.jpg (21.29 KiB) เปิดดู 1781 ครั้ง
- ภาพนี้ชื่อว่า "ช่างเหงา" ครับ
- 18.jpg (28.05 KiB) เปิดดู 1777 ครั้ง
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ร้านเบญจพรที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายสวยๆครับ เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำต่างๆ ที่มีประโยชน์ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายอ้อ สระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอมาและผมหวังว่าจะได้รับตลอดไปครับ