อังคาร 06 เม.ย. 2010 10:37 pm

- 01211_36.jpg (37.2 KiB) เปิดดู 2804 ครั้ง
ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เดินทางไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศมหาอำนาจต่างๆหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศ
รัฐเซียซึ่งพระมหากษัตริย์ของรัฐเซียตอนนั้นคือ
พระเจ้าซาร์นิโครรัส ซึ่งพระองค์เคยเสด็จมาเยือนประเทศสยามในสมัยที่เป็นพระมกุฏราชกุมารเช่นกัน ซึ่งพระเจ้าซาร์ได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่จนถึงวันเสด็จกับ พระเจ้าซาร์ฯได้มาส่งเสด็จล้นเกล้ารัชกาลที่กลับ พระเจ้าซาร์ก็ได้ตรัสขึ้นว่า
"เราทั้งสองนี้เปรียบเสมือนพี่น้องกันก่อนจากกันก็อยากจะเเลกเปรียนสิ่งของระหว่างกัน" ล้นเกล้ารัชกาลที่5 ทรงตรัสว่า
"ท่านเปรียบพี่ได้โปรดพูดมาเถิดไม่ว่าอะไรเราก็จะให้"พระเจ้าซาร์ฯจังตรัสว่า
"อยากจะได้สิ่งที่เป็นศูนย์รวมจิตใจแล้วศุนย์รวมความศรัทธาของคนไทย อยากจะขอพระแก้วมรกตมาไว้รัฐเซีย" ล้นเกล้ารัชกาลที่5ทรงตกพระทัยกับสิ่งที่พระเจ้าซาร์ขอเป็นอย่างมากแต่เนื่องด้วยตรัสไว้เเล้วว่าไม่ว่าพระเจ้าซาร์อยากได้อะไรก็จะมอบให้ จึงทรงตอบตกลงที่จะยกพระเเก้วมรกตให้แก่พระเจ้าซาร์ ครั้งเมื่อพระเจ้าซาร์ได้คำตอบที่พอใจแล้วจึงทรงตรัสถามว่า
"แล้วน้องพี่อยากได้อะไรเล่าพี่ก็จะหามาให้เช่นกัน" ล้นเกล้าจึงตรัสว่า
"สิ่งที่หม่อมฉันอยากได้ คือศูนย์รวมจิตใจและความศัทธาของชาวสสยามคืออยากได้พระแก้วมรกตกลับไปให้ชาวสยามได้กราบไหว้บูชาต่อไป" จึงทำให้พระแก้วมรกตยังอยู่เมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นพระราชปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่งคับ ทุกท่านว่าอย่างนั้นมะคับ
เนื่องจากพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น เสมือนหนึ่งกฎหมายและมีผลบังคับในทันที ดังนั้นช่วงเวลาไม่กี่นาทีดังกล่าว ถือได้ว่าพระแก้วมรกตได้เป็นของรัสเซียแล้ว แม้มิได้อัญเชิญออกจากที่หรือเคลื่อนย้ายใดๆแม้แต่น้อย
หากวันนั้น มกุฎราชกุมารรัสเซียไม่ได้ทรงขอพระแก้วมรกต ราชอาณาจักรสยามอาจจะไม่ต้องเสียดินแดนแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม .. พระราชไมตรีอันแน่นแฟ้นของพระราชวงศ์ทั้งสองนี้ ก็ได้คานอำนาจของประเทศมหาอำนาจในยุโรปอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ ทำให้สยามดำรงเอกราชเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
ปล บางตำรากล่าวว่าฝ่ายรัสเซียได้หยอดคำหวานขอก่อน โดยที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมิได้ทรงเสนอข้อแลกเปลี่ยนใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เป็นกุศโลบายของฝ่ายรัสเซีย เพื่อที่จะทดลองน้ำพระราชหฤทัยในสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อความเป็นดังว่านั้น ฝ่ายรัสเซียจึงตระหนักดีว่าฝ่ายสยามไม่ได้มีความโลภที่จะอยากได้ทรัพย์สมบัติจากรัสเซีย นอกเสียจากน้ำใจไมตรีที่แท้จริง
ปล ปล หลังจากที่ มกุฎราชกุมารได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้ากรุงรัสเซียแล้ว ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าซาร์ นิโกลัสที่ ๒ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จฯเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นการตอบแทนเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๔๔๐ ในโอกาสเสด็จฯเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งต่อมาได้ถือวันดังกล่าวเป็นวันสถาปนาความสัมพันธ์ไทย - รัสเซีย
ปล ปล ปล การเสด็จฯเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงครั้งนั้น ได้ทรงฉายพระรูปคู่กับสมเด็จพระเจ้า ซาร์ นิโคลัสที่ ๒ ในลักษณะประทับบนเก้าอี้พระที่นั่ง ภาพดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ทั่วยุโรป (ตามภาพ)
คัดลอกมาจาก google guru ขอรับ
- แนบไฟล์
-

- 406px-Rama5-Tsar-1.jpg (52.19 KiB) เปิดดู 2532 ครั้ง