อังคาร 04 พ.ย. 2008 4:19 pm
คัดมาจากหนังสือประสบการณ์เรื่องวิญญาณของคุณทองทิว สุวรรณทัต เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปคุยกับ คุณณัฐชัย หงษ์ยนต์ ผู้จัดทำหนังสือ "ประมวลประวัติและภาพวัตถุมงคล ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" ที่มีเนื้อหาสาระและภาพประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด คุณณัฐชัยได้เล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดแก่ตัวคุณณัฐชัยให้ผู้เขียนฟังอยู่สองเรื่อง ซึ่งขออนุญาตนำมาเปิดเผยเล่าสู่กันฟังดังนี้
เรื่องแรก ได้แก่ความฝัน กล่าวคือ อยู่ๆ คุณณัฐชัยก็ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ มาร้องเรียกให้ไปอยู่ด้วยกัน เสียงเรียกนี้แม้เมื่อตื่นจากความฝันก็ยังได้ยินอยู่ นัยว่าคุณณัฐชัยเคยเป็นคนชาวบ้านบางระจันที่เคยรบกับพม่าร่วมกับเจ้าของเสียงมาอย่างโชกโชน และด้วยเหตุนี้ชาวบ้านบางระจันจึงเรียกร้องให้คุณณัฐชัยกลับไปอยู่กับพวกเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง
ความฝันดังกล่าวมิใช่เกิดขึ้นคืนเดียวแล้วก็จางหายไป แต่เป็นความฝันที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอีกนับเป็นปีๆ จนคุณณัฐชัย อดทนไม่ไหวก็พาบุตรและภรรยาขึ้นรถไปยังอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
- .jpg (61.55 KiB) เปิดดู 2928 ครั้ง
เมื่อไปถึงยังสถานที่ค่ายของชาวบ้านบางระจันเคยตั้งอยู่ คุณณัฐชัยก็มีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูคุ้นลูกหูลูกตาไปหมด ซึ่งถ้าพูดไปทางธรรมะก็หมายถึง สัญญาเก่า คือ ความทรงจำมั่นหมายมั่นหวนกลับมาโดยมิคาดฝัน
แต่คุณณัฐชัยยังมีสติ จึงจุดธูปปักกลางแม่ธรณี แล้วบอกว่า ถึงตัวเคยเป็นชาวบ้านบางระจัน เคยรบทัพจับศึกกับพม่าร่วมกับพี่น้องชาวบางระจันทั้งหลายมาก็จริง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ ปัจจุบันนี้มันคนละภพคนละชาติกันแล้ว จะให้ไปอยู่ร่วมกันอีกก็คงจะไม่ได้ แต่คุณณัฐชัยจะทำบุญถวายสังฆทาน อุทิศกุศลให้แก่บรรดาชาวบางระจันที่ล่วงลับไปทุกตัวตน
ครั้นอธิษฐานดังนี้เรียบร้อย คุณณัฐชัยก็พาบุตรภรรยาขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ในใจก็คิดว่าหมดเรื่องหมดราวแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอตกกลางคืน คุณณัฐชัยหลับไปงีบเดียวก็ฝันว่า มีคนตะโกนร้องเรียกให้คุณณัฐชัยกลับบ้านเหมือนเดิม
เสียงเรียกคุณณัฐชัยดังเข้าไปในหูอยู่หลายปีก็ยังไม่หายจนหมดหนทางที่จะแก้ไขอยู่แล้ว ก็พลันนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมจนสามารถติดต่อกับ "พ่อปู่"ได้
คุณณัฐชัยก็เดินทางไปหาเพื่อนคนดังกล่าว และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พลางขอให้เพื่อนช่วยเหลือสักครั้ง
เพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมได้ฟังความทุกข์ของคุณณัฐชัยแล้วก็พาคุณณัฐชัยเข้าห้องพระ นั่งทำสมาธิติดต่อ "พ่อปู่" อยู่ครู่ใหญ่ก็บอกคุณณัฐชัยว่า เรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นคนละภพคนละชาติกันแล้ว แต่คุณณัฐชัยนั้น เคยเป็นระดับหัวหน้า ถึงจะตายไปแล้วเกิดใหม่ พวกลูกน้องที่ยังจงรักภักดีก็ยังอาลัยอยากให้ไปอยู่เป็นหัวหน้าพวกเขาเหมือนเดิม เรื่องถึงได้ยุ่ง
วิธีแก้ก็คือ ให้หาพวงมาลัยสี่ชายที่ปลายผูกด้วยดอกจำปามาหนึ่งพวงแล้วให้คุณณัฐชัยจุดธูปเก้าดอกปักลงที่พระแม่ธรณี บอกกล่าวพวกเขาเสียว่ามันเป็นเรื่องชาติเดิม ภพเดิม ตนได้มาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้วจะหวนกลับไปร่วมไม่ได้ ได้แต่จะทำบุญอุทิศกุศลไปให้เท่านั้น
พออธิษฐานเสร็จก็ให้เด็ดดอกจำปาทั้งสี่ดอก ขว้างไปทั้งสี่ทิศ ทุกอย่างก็จะเงียบหายไปไม่เกิดขึ้นอีก
คุณณัฐชัยกลับบ้านก็มาปฏิบัติตามคำแนะนำของ "พ่อปู่" นับแต่นั้นก็ไม่มีใครมาร้องเรียกให้กลับไปบางระจันอีก
เรื่องที่สอง นี้เกิดขึ้นกับคุณณัฐชัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ในสมัยคุณณัฐชัยประสบแต่วิบากกรรม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขาดทุนไปหมด จนเกือบจะหมดทุนอยู่แล้วจะเหลียวหน้าไปหาใครก็ไม่มี จะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่เห็น
เผอิญเงยหน้าไปมองรูปถ่ายของท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ตั้งไว้บนที่สูง คุณณัฐชัยซึ่งหมดหนทางแล้วก็จุดธูปสามดอกปักที่กระถางธูป แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์บอกกล่าวว่าเจ้าคุณนรฯว่า ตนกำลังอับจนข้นแค้น ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ทำมาหากินก็ขาดทุนย่อยยับ ขอให้เจ้าคุณนรฯ โปรดเป็นที่พึ่งชี้หนทางสว่างให้พ้นจากความมืดมิดในครั้งนี้ด้วยเทอญฯ
กราบเจ้าคุณนรฯ เสร็จ ด้วยความอ่อนใจในโชคชะตาของตน คุณณัฐชัยก็เอนตัวลงนอนบนเตียงหมดเรี่ยวแรง
พอเคลิ้มไปได้หน่อยเดียว ก็ปรากฏมีพระรูปหนึ่งยิ้มอยู่บนเหนือศีรษะถามว่า "มีทุกข์อะไรหรือ"
- .jpg (25.38 KiB) เปิดดู 2917 ครั้ง
ในฝันหรือช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น คุณณัฐชัย รีบลุกขึ้นนั่งพับเพียบกราบลงไปแทบเท้าของท่าน แล้วเล่าถึงความทุกข์ยากของตนให้ท่านฟัง แล้วขอให้ท่านช่วยโปรดด้วยเถิด พระรูปนั้น หรือที่แท้จริงคือ เจ้าคุณนรฯได้บอกแต่เพียงว่า
"ทำไมมีของดีแล้วไม่รู้จักใช้ ก็ก้อนกรวดหรือปฐวีธาตุที่มีอยู่นั่นไง"
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ คุณณัฐชัยก็แหวกหน้าอกเสื้อควักก้อนกรวดขนาดปลายนิ้วก้อยหุ้มด้วยพลาสติกสี่เหลือง เลี่ยมทองจับขอบ ออกมาให้ผู้เขียนชมบอกว่า "นับแต่วันที่ผมนำปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯแขวนติดตัว ก็ค่อยกระเตื้องขึ้นจนพอมีกินมีใช้ในทุกวันนี้แหละครับ"
อันก้อนกรวดที่ว่านี้ กล่าวกันว่าเป็นวัตถุมงคลที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกเพื่อต้องการมอบให้คุณโกศล ปัทมะสุนทร หลานชายของท่านซึ่งเป็นบุตรของนางเลื่อนน้องสาวของท่านเอง ทั้งนี้เนื่องจากคุณโกศล เคยเอ่ยปากขอของดีจากท่าน แต่ท่านไม่มีให้ แต่ก่อนที่จะมรณภาพเพียง 6 วัน ท่านได้บอกแก่คุณโกศลว่า ถ้าอยากได้ของดีให้ไปเก็บก้อนกรวดที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการมาท่านจะเสกให้
แต่คุณโกศลสงสัยก็ถามว่า ถ้าที่บางบ่อไม่มี จะไปเอาที่ชลบุรีหรือสมุทรสงครามได้ไหม ท่านก็บอกว่าไม่ได้ ต้องที่บางบ่อเท่านั้น เพราะชื่อเป็นสิริมงคล เป็นบ่อเงิน บ่อทอง และจังหวัดสมุทรปราการก็เป็นชื่อที่ไพเราะ
คุณโกศลก็รีบไปหาก้อนกรวดนำไปให้ท่านปลุกเสกครั้งแรกเก้าก้อน ซึ่งท่านเจ้าคุณนรฯ ใช้เวลาปลุกเสก 15 นาที ก็ส่งให้คุณโกศลให้นำไปแจกลูกหลานห้อยคอ ทั้งบอกให้คุณโกศลไปเอาก้อนกรวดจากบางบ่อมาให้ท่านปลุกเสกอีก คราวนี้มีผู้ทราบเรื่องเป็นจำนวนมากก็พากันไปขอก้อนกรวดจากคุณโกศล จนท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกให้คุณโกศลที่นำก้อนกรวดมาถวายเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2514 ซึ่งเป็นของดี ชุดสุดท้ายจริงๆ
พอรุ่งขึ้น ท่านเจ้าคุณนรฯ ก็มรณภาพ