พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 12:24 pm
พศ. 2497 ที่บ้านนางแกละ ต.ลาดบัวขาว จ.ราชบุรี
"แต๋วเอ้ย?........อยู่ไหนลูก???????........."
"แต๋วๆ.....เลิกเล่นแล้ว ออกมาเถอะ......"
"แต๋ว............???????????????????????.......... ......."
ใกล้พลบค่ำเต็มที ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มไปด้วยกลุ่มพยับเมฆ ที่เริ่มตั้งเค้าก่อตัวตั้งแต่ตอนเย็น พายุเริ่มแรงขึ้นๆ เสียงหมาเห่าหอนโหยหวนเป็นที่ ชวนให้สงกาแก่ชาวบ้าน บริเวณแถววัดลาดบัวขาวยิ่งนัก
และที่บ้านยายแกละ ซึ่งห่างจากวัดไม่ไกล คนในบ้าน กำลังร้องกู่เรียก เด็กหญิงคนนึง ซึ่งเธอกำลังเล่นซ่อนหาอยู่กับพี่ๆน้อง4คนอยู่ใต้ถุน บ้าน จวบจนเพลาเย็นใกล้ย่ำ ก็ยังหามิเห็นตัว
"พวกเอ็งไปเล่นกันถึงไหน น้องนุ่งถึงได้หายไป?...."
"พวกหนูเล่นกันอยู่แต่ใต้ถุน นี่แหละแม่ ไม่ได้ออกไปไหนเลย ไอ้เชา ไอ้ติ่งก็เล่นอยู่นี่...."
นางยมลูกสาวคนรอง ร้องบอกกับนางแกละผู้เป็นมารดา
"จริงแม่..พวกหนูไม่ได้ออกไปไหนเลย........."
น้องชายอีกสองคนช่วยกันสำทับด้วยเพราะกลัวจะมีความผิ ด
นางแกละ ให้อาทรร้อนใจ เพราะลูกสาวคนเล็กำ วัยเพียง7ขวบ หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม่ว่าใต้ถุนบ้าน จะไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก และนางกับลูกคนอื่นๆก็ได้ค้านหาจนทั่ว
สายลมดูเหมือนยิ่งกระโชกแรง เสียงหมาหอนกระโชกดังขึ้นๆเป็น
ชาวบ้านข้างเคียงพอรู้ข่าวก็ช่วยกันออกตามหา หลายคนพยายามคิดในทางที่ดี ไม่คิดว่านังแต๋ว ลูกสาวนางแกละจะลงไปเล่นน้ำที่ตีนท่าโดยลำพัง
"มันไม่ลงไปหรอก...."
"น้องเล่นกับพวกหนูอยู่ที่นี่แหละไม่ได้ไปไหนเลย.... ......"
เสียงนังยมบอกกล่าวกับทุกคน บัดนี้ไอ้เชา ไอ้ติ่งผู้เป็นพี่ เริ่มร้องไห้กันแล้วเพราะว่าเริ่มรู้สึกถึงอะไรที่ผิ ดปรกติ ตามประสาเด็กๆ
"ลงไปดูที่ตีนท่ากันก่อน เผื่อจะมีร่องรอยอะไรบ้าง........."
ชาวบ้านแถววัดก็เดินลงไปช่วยกันดูริมแม่น้ำ แสงตะเกียงวับๆแวมๆจำนวนมาก พอช่วยให้เห็นอะไรได้ชัดเจน แต่ก็ยังหาเงาของนังแต๋วลูกสาวนางแกละได้พบไม่ นางแกละผู้มารดา ตอนนี้ให้รู้สึกร้อนรุ่มในอก ลูกสาวคนเล็กหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ และแล้วก็มีเสียงชาวบ้านคนนึงร้องบอกว่า
"ไปถามหลงพ่อดูเถอะวะ นี่ก็พายุกำลังมา ข้าว่าอีกไม่นานฝนก็จะลงแล้ว...ลมมาอู้ๆแบบนี้...ไปๆ ไปหาหลงพ่อกัน.........ไอ้หมาเวรนี่ก็หอนทำไมไม่รู้ ข้าใจคอไม่ดีเลย......"
สิ้นเสียงพูด ทุกคนก็บ่ายหน้าจากริมท่า ขึ้นไปที่ทางเดิน และตรงไปยังวัดลาดบัว
"นังแต๋วหายไป...อะไรกัน เอ็งดูแลลูกเต้ายังไง........"
หลวงพ่อเอ็ดอึงเอากับนางแกละผู้เป็นมารดา เพราะหลวงพ่อถือว่า ทุกคนในลาดบัวเป็นเสมือนลูกเหมือนหลาน
"นังยมมันบอกว่าเล่นกันอยู่แต่ใต้ถุน แล้วนังแต๋วก็หายไป..........."
"พวกเอ็งรอข้าตะเดี๋ยว................"
หลวงพ่อสุรินทร์ นั่งสงบนิ่งเข้าสมาธิ ชั่วเพียงไม่ถึงนาที หลวงพ่อลืมตาขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้อง หยิบผ้าออกมาเป็นเศษจีวรผืนเล็กๆผืนนึง หลวงพ่อดึงให้ขาดและม้วนเป็นเส้น สักพักท่านก็ถักเป็นคล้ายกับที่คล้องข้อมือ และท่านก็ลุกขึ้นยืน
"ไปๆ นังแต่วไม่ได้ไปไหนหรอก มันอยู่ในบ้านเอ็งนะแหละ นั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ใต้เตียงไม้นั่นแหละ.......... .."
ทุกคนลุกตามหลวงพ่อลงจากกุฏิไป เสียงหมาหอนดังฝ่าความมืดเป็นระยะๆ จนถึงบ้านนางแกละ หลวงพ่อสุรินทร์หยุดเดิน ชาวบ้านที่ตามมาก็หยุด พอหลวงพ่อท่านก้าวเดินลงไปในเขตธรณีบ้านเท่านั้น เสียงดังเปรี๊ยะ ลั่นสนั่นหูของทุกคน จากกิ่งขนุนใหญ่ที่หักโค่นลงมากิ่งนึง หลวงพ่อท่านเดินเข้าไปในบ้าน แล้วเรียกให้นางแกละเดินเข้ามา
"นั่นไง อีแต๋วอยู่นั่น ไปอุ้มออกมาซิ ข้าจะทำธุระอื่นซักหน่อย....."
นางแกละวิ่งโผเข้าไปดึงลูกสาวออกมา ซึ่งนั่งร้องให้อยู่ใต้เตียงไม้เก่าหลังนึง
"แม่จ๋า............"
หลวงพ่อ สุรินทร์ ยืนบริกรรมอะไรสักอย่างนึง ลมพายุที่โหมกระพือ ก็เริ่มสงบนิ่ง เสียงหมาเห่าหอนที่ดังมาตลอดเวลาก็ปาลาสไปจนหมดสิ้น หลวงพ่อเดินมาเอาผ้าจีวรที่ถัก มาส่งให้นังแกละ และพูดกับนังแต๋วลูกสาว
"ผู้ข้อมือให้นังแต๋วมันด้วย....ทีหลังเอ็งตะโกนเรีย กข้านะ รู้ไม๊นังแต๋ว............ฮึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........."หลว งพ่อหัวเราะเบาๆแล้วก็ขยับจีวรทำท่าว่าตจะกลับวัด
"ไห้วหลวงพ่อซิ นังแต๋วเอ้ย ....."
นางแกละบอกลูกสาวคนเล็ก
"ขอบคุณหลวงพ่อนะเจ้าคะ นี่ถ้าไม่ได้หลวงพ่อ ไม่รู้จะเป็นยังไงเลย
แล้วทำไมถึงไม่มีใครเห็นนังแต๋วเลยละหลวงพ่อ........ ."
"เอาเถอะวะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แยกย้ายกลับบ้านกลับช่องไปก่อน ฝนจะลงแล้ว พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน..........."
หลวงพ่อสุรินทร์กลับไปวัดแล้ว ชาวบ้านยังมาออกันอยู่ที่บ้านนางแกละ คอยฟังเรื่องราวต่างๆจากนังแต๋ว
"หนูนั่งหลบอยู่ที่ใต้เตียง แล้วก็มีคนมานั่งลงบนเตียง มีเสียงบอกว่า
"นังหนูเอ็งไปอยู่กับข้า..........." หนูไม่รู้ว่าใครพูด รุ้แต่ว่ามีคนนั่งลงบนเตียง หนูเรียกพี่ยม พี่ติ่ง พี่เชา ไม่มีใครได้ยิน ทุกคนก้มลงมามองที่ใต้เตียงแต่ไม่มีใครพาหนูออกไปเลย ....."
รุ่งขึ้น เช้ามืด หลวงพ่อให้คนมาที่บ้านนางแกละ และบอกกับนางแกละว่าให้ขนเตียงไม้หลังนั้นออกจากบ้าน ไปไว้ที่วัด
นางแกละ ก็อนุญาติ และเดินตามไปที่วัด
"เอ็งเอาเตียงนี้มาจากไหน.."
"ซื้อมาจากบ้านคนรู้จักกันค่ะ ที่ท่าเสา เอามาตั้งให้เด็กๆมั่นนั่งเล่นกันที่ใต้ถุน....ทำไมเ หรอคะหลวงพ่อ........."
" เขาจะมาเอาคืน และจะเอาลูกสาวเอ็งไปด้วย นี่ถ้าข้าไปไม่ทันมีหวังอีแต๋วตายแน่ๆ มันร้ายไม่ใช่เล่นนะ ทีหลังเอ็งจะไปเอาอะไรมา สอบถามเขาให้กระจ่าง เดี๋ยวยุ่งอีก........"
"แล้วเจ้าของเขาว่ายังไงคะ......"
"ข้าอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว แหมแต่ดื้อน่าดู ข้าว่าจะเอาไว้เฝ้าวัดกุฏิเหมือนกัน แต่ไม่อยากทำบาป............"
หลังจากวันนั้น เรื่องราวต่างๆก็ได้รับการถ่ายทอด มาจนถึงปัจจุบัน เรื่องที่หลวงพ่อสุรินทร์ ไปช่วยลูกนางแกละให้พ้นจาก "ผีลักซ่อน"
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงๆที่แม่ผมเป็นคนเล่าให้ฟัง และน้าคนนี้ก็เล่าให้ฟังอีกทีเมื่อคราวเจอกันที่งานบวชน้องชายเมื่อปีกลาย
- แนบไฟล์
-
- %E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%20%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%20040.jpg (125.84 KiB) เปิดดู 1107 ครั้ง