หลวงพ่อสมภพ เตชะปุญโญ หรือหลวงพ่อสาลีโข แห่งพุทธอุทยานธรรมโกศล จังหวัดปทุมธานี
ท่านเป็นพระคณาจารย์องค์หนึ่งของเมืองไทย ที่มีคนเคารพกราบไหว้และนับถือในเรื่องของวิชาอาคมอย่างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีคตินิยมในแนวทางนี้ ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จะมีผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านเดินทางไปกราบนมัสการท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่เสมอๆ
แต่เนื่องจากหลวงพ่อท่านมีสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่ชอบให้ใครรบกวนและชอบที่จะอยู่อย่างสงบๆในสมณเพศ
หลายคนจึงอาจผิดหวังในยามที่ไปแล้วไม่ได้กราบนมัสการท่าน หลวงพ่อเคยบอกผมว่า
“
การที่ท่านจะให้ของขลังแก่ใครหรือจะทำสิ่งใดให้ใคร ท่านจะต้องดูความเหมาะสมหรือดูฤกษ์ยามในการให้ที่ดี
ลักษณะอุปนิสัยนี้มีอยู่ในตัวท่านจนถึงวันที่ท่านมรณภาพ....”
ประสบการณ์จากคนที่มีวัตถุมงคลของท่านติดตัว มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ ถึงตอนนี้เพื่อนๆ ลองถามใจตัวเองดูสิครับ
เรา “
เชื่อ” เรื่องของพุทธานุภาพในวัตถุมงคลกันขนาดไหน แน่นอนครับร้อยทั้งร้อยต้องตอบว่าเชื่อ
เพราะถ้าไม่เชื่อก็คงไม่มาเที่ยวเสาะหาวัตถุมงคลกันขนาดนี้
พุทธานุภาพในวัตถุมงคลที่หลวงพ่อได้จัดสร้างขึ้นมีปรากฏให้เห็นชัดเจน ประเภทดังโป้ง กระสุนไม่ระคายผิว มีให้เห็นประจำ
หรือจะเป็นเมตตามหานิยม โชคลาภก็เด่นชัดหากหมั่นบูชาและระลึกถึง บางรายเห็นว่าขนาดนี้ต้องตายแน่ๆ ก็ไม่เป็นอะไรเสียอย่างนั้นแหละ
จะว่าไปแล้วผมก็เป็นคนหนึ่งละครับที่เชื่อในเรื่องของอภินิหาริย์และเรื่องของพุทธานุภาพ ไม่ใช่เชื่อแบบธรรมดานะครับ
แต่เชื่ออย่างที่เรียกว่า “
สนิทใจ” ถึงตอนนี้อาจมีเพื่อนๆ บางท่านคิดว่าผมช่างเป็นคนงมงาย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
เพียงแต่ผมรู้ตัวเองว่าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องงมงายโดยปราศจากเหตุผล ผลที่ได้จากการทดลองใช้ด้วยตนเองจนประจักษ์ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ ลองดูได้ครับถ้าเราทำจริงและปฏิบัติได้จริง เราก็จักได้เห็นผลจริง อย่างที่หลวงพ่อสมภพท่านมักพูดเสมอๆ ครับ
“คนจริงและทำจริงเท่านั้น จึงจักพบของจริง...”
ก็อย่างที่บอกไปในตอนต้นแหละครับว่าหลวงพ่อสมภพ ท่านเป็นพระที่พิถีพิถันในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ
เริ่มตั้งแต่อักขระเลขยันต์ ที่ต้องมีการกำหนดวันลง บางทีบางวันก็ลงได้แค่ไม่กี่ตัว หรือบางทีวันนี้ลงยันต์ตัวนี้เอาไว้
และข้ามไปลงยันต์อีกตัวในโลหะแผ่นใหม่ ทำแบบนี้ๆ จนกว่าจะครบตามสูตรของวิชา พอลงได้ครบทุกแผ่น
ท่านก็นำทั้งหมดมาหลอมรวมกันแล้วรีดออกมาเป็นแผ่นใหม่
“
เขียนก็ดูฤกษ์ ม้วนก็ดูฤกษ์ เจิมก็ดูฤกษ์ หล่อก็ดูฤกษ์”
ท่านเคยบอกผมเสมอๆว่า ท่านอยากจะทำวัตถุมงคลชุดหนึ่ง ซึ่งมีรูปธรรมคือเนื้อหา และนามธรรม คือคุณภาพสูง
“....
สูงยิ่งกว่าเหรียญขี่สิงห์ เหนือยิ่งกว่าสีหบันลือ...”
ผมเชื่อครับว่าหลวงพ่อทำได้ ไม่ใช่เพียงแต่หลวงพ่อจะเก่งขึ้นทุกวัน
หากแต่หลวงพ่อแตกฉานและเข้าใจความเป็นไปในหลายๆ เรื่องเพิ่มมากขึ้นทุกวันอีกด้วย....
จนท่านถึงแก่มรณภาพ วัตถุมงคลชุดนี้ยังคงเป็นเพียง
“
จินตนาการบนชนวนโลหะและแผ่นยันต์ที่ต้องใช้คำว่ามากมายมหาศาล”
๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ พุทธอุทยานธรรมโกศล ได้สานต่อจินตนาการและความตั้งใจของหลวงพ่อสมภพให้เป็นจริงขึ้นมาครับ ชนวนโลหะและแผ่นยันต์ทั้งหมดของหลวงพ่อ รวมเข้ากับแผ่นยันต์จากพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศอีกหลายร้อยแผ่น เช่นหลวงพ่อตัด วัดชายนา หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ ฯลฯ ได้ถูกหล่อหลอมออกมาเป็น
รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อสมภพ ขนาดหน้าตัก ๗ นิ้ว และเหรียญ “
นารายณ์ปราบยุค”เหรียญนารายณ์ปราบยุค เป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีสองขนาดคือ ขนาดใหญ่ด้านหน้าเป็นนารายณ์ทรงครุฑ
ด้านหลังเป็นพ่อขุนรามคำแหง
ส่วนเหรียญขนาดเล็ก ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อสมภพ หันข้าง
ด้านหลังเป็นพญาลิไท....
จะว่าไปแล้วเหรียญ “นารายณ์ปราบยุค” นี้คือ “ความตั้งใจ” ของหลวงพ่อสมภพอย่างแท้จริง
เพราะรูปแบบที่เราเห็นคือการออกแบบโดยหลวงพ่อ ชนวนมวลสารก็คือของหลวงพ่อ ก็อย่างที่บอกละครับ
แต่เดิมทุกอย่างยังคงเป็นจินตนาการบนชนวนโลหะและแผ่นยันต์
แต่เพื่อนๆ ทราบไหมครับว่า “ชนวนโลหะและแผ่นยันต์เหล่านี้” หลวงพ่อได้นำไปปลุกเสกตามฤกษ์ ตามสถานที่ต่างๆ มากว่าห้าปีแล้ว โดยเฉพาะที่อุทยานจังหวัดสุโขทัย เล่าถึงตรงนี้คงถึงบางอ้อสำหรับลูกศิษย์บางท่านที่สงสัยว่าทำไมหลวงพ่อสมภพในช่วงระยะห้าปีก่อนมรณะภาพนี้ท่านเดินทางไปจังหวัดสุโขทัยอยู่บ่อยๆ นอกจากไปนั่งปฏิบัติสมาธิแล้วท่านยังปลุกเสกชนวนโลหะเหล่านี้ไปด้วยตลอดเวลา เรียกว่าได้
“ฤกษ์ดีก็เดินทางไปกันทันที..”
ถามผมว่า “ผมเชื่อมั่น” ในเหรียญนี้ขนาดไหน จริงอยู่ครับที่ว่าเหรียญนี้หลวงพ่อไม่ได้ปลุกเสก แต่เหรียญนี้ก็ได้ผ่านการพุทธาภิเษกเรียบร้อยแล้ว ในคืนวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ หลังจากเสร็จสิ้นการปลุกเสก “หลวงพ่อสารันต์ วัดดงน้อย” บอกผมว่า
“เหรียญนี้ดีมาก หลวงพ่อเจ้าของเหรียญชัดเจน..” หรือ
“หลวงพ่อนพวรรณ วัดเสนานิมิต” ที่กล่าวเย้าเล่นๆ กับพวกผมว่า
“ครบเครื่องโว๊ย ไอ้ทิด....” ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับวัด
ในความรู้สึกส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อว่า “
ความศักดิ์สิทธิ์” ของหลวงปู่เผือกและหลวงพ่อสมภพ ยังคงดำรงอยู่เสมอในพุทธอุทยานแห่งนี้
เพราะในวันเททองหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงพ่อสมภพในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
“
ทันทีที่เริ่มเททองได้เกิดเหตุการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดและมีนกสีขาว บินวนแบบประทักษิณารอบบริเวณพิธี” จนเสร็จสิ้นงาน
ท่ามกลางสายตาและเสียงอื้ออึงของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง แต่สำหรับผมแล้ว ผมเชื่ออย่าง “
สนิทใจ” ว่าหลวงปู่เผือก หลวงพ่อจำปาและหลวงพ่อสมภพ “
รับรู้”
เพราะตลอดเวลาทั้งสองวันได้มีการโยงสายสิญจน์ไปยังธรรมาสน์ที่ตั้งรูปของหลวงพ่อสมภพ รูปหล่อหลวงปู่เผือก และรูปหล่อหลวงพ่อจำปา เรียกว่าทั้งเสก ทั้งหล่อ จะใช้สายสิญจน์ที่โยงมากจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้
เป็นความจริงครับว่า ความนิยมของนักสะสมพระเครื่องหรือกลุ่มลูกศิษย์ ถือว่า เหรียญรุ่นเก่าๆ ของหลวงพ่อสมภพ ที่ได้จัดสร้างขึ้นมีคุณค่าและราคาที่สูง “
นารายณ์ปราบยุค” ถึงจะไม่ใช่เหรียญที่หลวงพ่อสมภพท่านเสกโดยตรง แต่ผมอยากให้ข้อสังเกตสักนิดครับว่า..
“
แก่นของเหรียญ” มันคือ “
ชีวิต จิตใจและความต้องการ” ของหลวงพ่อเลยนะครับ...