ทำไมต้องฤาษี
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์ถูกถามบ่อยเหลือเกิน เมื่อเห็นแขวนหรือสักการะรูปหล่อพระฤาษีที่บ้านทำไมแขวนฤาษี ?
ทำไมไหว้ฤาษี ?
ฤาษีคือใคร ?ฤาษีคือนักบวชผู้อยู่ในป่าเป็นผู้ถือพรหมจรรย์ ไม่ข้องแวะกับสตรี ไม่มีครอบครัว สละซึ่งสมบัติโภคทรัพย์ทั้งปวง มีวัตรปฏิบัติหลายประการคล้าย ๆ พระสงฆ์
เพียงแต่ไม่ใช่พระด้วยรูปกาย
ฤาษีมีมาแต่นาน ก่อนพระบรมศาสดาจะอุบัติขึ้นในโลก เมื่อทรงประสูติแล้ว ก็ฤาษีนี่แหละที่เข้ามาพยากรณ์ว่า สิทธิธัตถะราชกุมารนี้จะได้ออกบวชเป็นศาสดาเอกของโลก
เมื่อเจริญพระชนม์มากขึ้นก็ทรงไปศึกษากับ 2 ฤาษีผู้มีชื่อเสียงคือ
อาฬารดาบส กาลามโคตร กับ
อุทกดาบส รามบุตร เหตุที่ต้องศึกษาถึง 2 อาจารย์ก็เพราะ ท่านอาฬารดาบสสอนการภาวนาให้พระองค์ได้ถึง ฌาน 7 หรืออรูปฌาน 3 โดยที่ฌานทั้งหมดมี 8 ขั้น พระองค์จึงต้องทรงศึกษาต่อกับท่านอุทกดาบสจนจบขั้นที่ 8 คือ อรูปฌาน 4
จบแล้วก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ทางเพราะขณะอยู่ในฌาน สมบัติและบริวารเรื่องราวต่าง ๆก็พากันมุดมอดหายไปหมด แต่เมื่อพระองค์ออกจากฌาน พระนางพิมพาและพระราหุลราชโอรส ก็ยกขบวนกันเดินออกมาก่อกวนอยู่ในจิตดวงเดียวกันกับที่เคยสงบระงับนี้เอง
จึงตัดสินพระทัยหนีออกไปบวช บวชทีแรกจะเป็นอะไรไปถ้าไม่ใช่ฤาษีดี ๆ นี่แล เพราะยุคสมัยนั้นก็มีแต่ ฤาษี โยคี และพราหมณ์ จะหาพระสงฆ์มาจากที่ไหน ในเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะยังเป็นปุถุชนอยู่ทั้งพระองค์
กระทั่งบรรลุพระโพธิญาณก็ทรงน้อมนึกว่า จักโปรดใครเป็นประเดิม แว่บแรกก็ทรงระลึกถึงพระฤาษีผู้เป็นอาจารย์ทั้งสององค์คือ ท่านอุทกดาบส และ อาฬารดาบส เพียงแต่เมื่อเดินทางไปโปรดก็ปรากฏว่าท่านอุทกดาบสละขันธ์ก่อนพระองค์มาถึง 1 วัน ไปท่านอาฬารดาบสก็ละขันธ์ก่อนพระองค์เสด็จไปถึงเช่นกัน เมื่อส่องด้วยพระญาณจึงทรงทราบว่าฤาษีผู้อาจารย์ไปอุบัติอยู่ในอรูปภพ เป็นพรหมไร้รูปที่มีอายุยืนถึง 8,400 มหากัป ทำให้สุดที่จะทรงโปรดให้สำเร็จมรรคผลนิพพานได้เสียแล้ว ด้วยท่านอาฬารดาบส และ ท่านอุทกดาบส 2 พระมหาฤาษีขาด
“เครื่องมือ” ที่จะสื่อสารรับธรรมจากพระพุทธองค์ได้นั่นเอง
เห็นความกตัญญูของพระองค์ไหมขนาดพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์และเทวดาทั้งปวง ยังไม่เคยประมาณคาดหน้าพระฤาษี แล้วเราผู้เป็นคนเดินดินธรรมดา ลูกก็มี เมียก็มี ทรัพย์สมบัติก็โลภเอา ๆ มีดีอะไรไปจาบจ้วงล่วงเกินนักบวชอย่างฤาษีจริงอยู่ที่พระองค์ตรัสสอนว่า ไตรสรณคมน์ ได้แก่ ที่พึ่งอันเกษมทั้ง 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสิ่งที่ควรยึดเหนี่ยวสูงสุด แต่พระองค์ก็ไม่ได้ปิดกั้นว่าใครที่เป็นครูบาอาจารย์แล้วเราจะสักการบูชาไม่ได้
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน แก่วุฑฒะบุคคล 3 ประเภท ประกอบด้วย-
วัยวุฑฒะ คือ คนที่แก่กว่าเรา เช่น พี่ ป้า น้า อา คนเฒ่า คนแก่ ทั้งหลาย
-
ชาติวุฑฒะ คือ ผู้มีชาติกำเนิดอันสูงกว่าเรา เช่น พระมหากษตริย์ พระราชินี
-
คุณวุฑฒะ คือ คนที่มีคุณธรรมสูงกว่าเรา เช่น พระภิกษุ สามเณร หรือ ผู้ที่มีบุญคุณกับเรา เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์
รวมถึงฤาษีนี้ด้วยพระองค์ตรัสถึงผลบุญของการอ่อนน้อมถ่อมตน กับวุฑฒะบุคคลทั้ง 3 ประเภท เป็นภาษาบาลีว่า
อภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลังพร 4 ประการ คือ ความมีอายุยืน ผิวพรรณผ่องใส
การมีความสุขกายสุขใจ การมีกำลังกายกำลังใจอันดี
ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้ต่อวุฑฒะบุคคล (คือผู้ใหญ่) อยู่เป็นนิตย์ไม่เห็นพระองค์บอกให้อ่อนน้อมกับพระสงฆ์แต่เพียงอย่างเดียวสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอริยเจ้าแห่งวัดเทพศิรินทราวาส ยังสอนให้ไหว้ 5 ครั้งอยู่เสมอก่อนนอน 5 ครั้งอย่างไร
ครั้งแรกคือ พระพุทธ สองพระธรรม สามพระสงฆ์ ครั้งที่ 4 ให้ระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ครั้งที่ 5 ให้ระลึกถึงพระคุณของอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์ และผู้มีบุญคุณกับเราทั่วไป ให้นึกกระทั่งต้นไม้ที่เคยให้ร่มเงาเราได้อาศัย จงอย่าไปตัด ไปทำลาย
ต้นไม้ยังให้นึกคุณ แล้วฤาษีล่ะ ประเสริฐกว่าต้นไม้ตั้งเยอะ ทำไมจะนึกถึงไม่ได้อย่างน้อยก็ให้ระลึกถึงคุณของท่านที่เป็นต้นแบบแห่งการถือพรหมจรรย์ให้พระพุทธเจ้า ระลึกว่าท่านเคยสอนพระพุทธเจ้าของเราจนได้รูปฌาน อรูปฌาน มาก่อน
หรือแม้แต่จะนึกว่า ท่านเป็นผู้ไม่เบียดเบียนใคร เป็นผู้มีศีล 8 เป็นผู้เว้นเสียจากเนื้อสัตว์ ไม่เอาเนื้อเขามาเป็นเนื้อเรา
ไม่เอาเลือดเขามาเป็นเลือดเราเป็นนักบวชที่แผ่เมตตาให้สัตว์โลกทั้งหลายได้อยู่อย่างร่มเย็น มีความปรารถนาดีต่อทุกชีวิต
คิดได้อย่างนี้เราก็เป็นสุขแล้วครับบทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 กรกฏาคม 2540