ข้อเขียนนี้นำมาจาก
หนังสือประสบการณ์ทางวิญญาณ ฉบับที่13 ของคุณ
ทองทิว สุวรรณทัตครับ
ราว พศ. 2510 ไปแล้ว เสริมศรีไปราชการของสำนักงานเยาวชนแห่งชาติของสภาวิจัยแห่งชาติ ที่ยะลา มีพัฒนานิเทศจังหวัดปัตตานี ซึ่งเคยเป็นศิษย์ ศ.อ.ศ.อ. มาเยี่ยมแล้วพาเสริมศรีขึ้นรถจิ๊ปไปนมัสการหลวงพ่อทวดที่วัดช้างไห้ จ. ปัตตานี ตอนนั้นเพิ่งได้
พระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาจากประเทศสเปนใหม่ๆจึงไม่มิได้เชิญ พระหลวงพ่อทวด ติดตัวกลับกรุงเทพเลย แต่ได้เสี่ยงใบเซียมซี ใบเซียมซีที่นั่นใช้ถ้อยคำสำนวนเรื่องราวแปลกว่าที่อื่น เท่าที่จำได้ เสริมศรีได้ใบที่บอกว่า
"การจะวางบาตรรอรับน้ำฝนกลางหาวนั้น ย่อมสู้ผู้ที่เขาเอาภาชนะตักน้ำในแม่น้ำลำคลองมิได้" ครั้นกลับมาถึงกรุงเทพจึงได้ข่าวเหตุการณ์อย่างใบเซียมซีนั้นเกิดขึ้นแก่สำนักงานเยาวชนแห่งชาติจริงๆ ต่อมาเสริมศรีได้ไปราชการสำนักงานเยาวชนแห่งชาติอีกครั้งหนึ่งคือไปดูสถานที่เพื่อตั้งศูนย์ฝึกผู้นำเยาวชนบทในภาคใต้ คราวนี้ได้บูชาอาราธนา
"พระหลวงพ่อทวด"มาหลายองค์ เสริมศรีได้เลี่ยมทองมีสายสร้อยติดตัวอยู่พักใหญ่จนกระทั่งต่อมานึกว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่กับตัวแล้วจึงงดสวมสายสร้อยห้อยพระ
วันหนึ่งในปีพศ. 2515
พี่ส่องศรี เทพหัสดิน ณ อยุธยา (ภริยาคุณนาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา )ได้ชวนเสริมศรีไปนมัสการ
พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร วัดท่าลาดใต้ จ. ฉะเชิงเทรา แพทย์หญิงเทียมจันทร์ เจียมประเสริฐ หลานสาวพี่หมออวย เกตุสิงห์ เป็นผู้ขับรถของเธอมาพี่น้องสองคนนี้ไป รวมเป็นผู้หญิงสามคนเท่านั้น
วันก่อนออกเดินทางตอนค่ำ เสริมศรีจัดกระเป๋าถืออยู่ในโต๊ะทำงานรู้สึกได้ยินเสียงกระซิบที่หูว่า
"อาราธนาหลวงพ่อทวดไปด้วย อาราธนาหลวงพ่อทวดไปด้วย" จิตก็เถียงว่า
"พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่กับตัวแล้ว" จึงเข้านอนไป รุ่งเช้าเป็นวันเดินทางไขกุญแจลิ้นชักโต๊ะทำงานจะหยิบเงินใส่กระเป๋าไปด้วย ก็ได้ยินเสียงกระซิบอีกว่า
"อาราธนาหลวงพ่อทวดไปด้วย อาราธนาหลวงพ่อทวดไปด้วย" ตอนนี้เสริมศรีจึงยอมเชื่อ จึงอาราธนาหลวงพ่อทวดขึ้นจบเหนือเศียรเกล้าว่าคาถาของท่าน รวมทั้งอธิษฐานว่า "ถ้าจำเป็นจะต้องมีอุบัติเหตุ ก็ให้หลวงพ่อทวดช่วยกรุณาช่วย....
อย่าให้มีใครตายเลย ขอให้มีคนมาช่วยเร็วที่สุด อย่าให้ของหาย อย่าให้รถเสีย"
บ่ายวันนั้นคณะเราได้ประสบอุบัติเหตุจริงๆ รถเราถูกเบียดตกถนนที่อ่างศิลาเคราะห์ที่คุณหมอเทียมจันทร์ผู้ขับรถกำชับให้พวกเราล็อกประตูไว้เสมอ รถพลิกตกถนนอย่างตะแคงลงมาและพลิกคว่ำอย่างตะแคงเช่นนั้น ครบสามครั้งก็กลับตั้งตรงเป็นปกติและหยุด เพราะหัวรถเกยคันนา เสริมศรีมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา "อ้อ! เวลารถคว่ำนี่ รู้สึกอย่างนี้นี่เอง"
เสริมศรีเปิดประตูรถออกมายืนมองหาผู้เมตตาช่วยเหลือ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บซี่โครงมาก มีคนมาล้อมดูรอบ และมีผู้ถามว่า
"คุณมีของดีอะไรน่ะ" พวกเราไม่ตอบ พอดี
คุณเอนก บุโรดม ผู้ที่พวกเราพบที่ร้านอาหารและเพิ่งจากมา ได้ลงมาพบเข้าและช่วยจัดการขอให้ศึกษาธิการจังหวัดชลบุรีพาผู้หญิงสามคนที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลชลบุรี สิ่งของที่เคลื่อนที่ได้ในรถเราแม้แต่ทุเรียน คุณเอนกก็ขนไปไส่รถของเธอจนหมด
ครั้นคุณเอนกมาดูแลพวกเราที่โรงพยาบาล เสริมศรีจึงเรียนเรื่องคนเจ็บใคร่ขอไปเข้าเฝือกที่โรงพยาบาลศิริราช คุณเอนกได้กรุณาโทรศัพท์ขอรถโรงพยาบาลของโรงพยาบาลชลบุรีนำคนเจ็บสามคนไปส่งโรงพยาบาลศิริราชในค่ำวันนั้น
ผลของอุบัติเหตุครั้งนี้คือ
1. ไม่มีใครตาย
2. มีผู้มาช่วยเร็วที่สุด (ไม่ถึง 10 นาที)
3. ของไม่หายเลย แม้แต่ทุเรียนก็ได้คืน
4. รถไม่เสีย เครื่องรถอยู่ท้าย มีกระจกหน้าต่างรถบานหนึ่งตกลง ไขไม่เลื่อนขึ้นมา ตั้งแต่นั้นมาทุกวันที่ตั้งต้นจะขับรถยนต์ เสริมศรีต้องอาราธนาหลวงพ่อทวดช่วยทุกครั้ง จนกระทั่งเลิกขับรถ ตั้งแต่ มีนาคม พศ.2520 เป็นต้นมา