โดย รณธรรม ธาราพันธุ์ ในวันร่าเริงของเด็กชายวัย 6 ขวบคนหนึ่งที่บ้านห้วยไผ่ เมืองอุบลฯ ขณะที่เล่นเพลิดเพลินอยู่นั้นเอง สุนัขฝรั่งตัวใหญ่เกิดนึกหมั่นเขี้ยวเด็กอย่างไรไม่ทราบได้ มันตรงรี่เข้ากัดเด็กน้อยจนจมเขี้ยวแล้วสะบัดไปมากระทั่งเด็กล้มลง เมื่อผู้ใหญ่หายตะลึงเข้ามาไล่สุนัขไปก็รีบสำรวจบาดแผลเพื่อพาแกไปปฐมพยาบาล
ไม่มีแผล !ที่เหลืออยู่คือรอยเขี้ยวคมซึ่งจมลงในหนังเป็นหลักฐานทิ้งไว้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเรื่องจริง
ในวันที่ควรสนุกสนานจากการเดินทางของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งแห่งบ้านห้วยไผ่ เมืองอุบลฯ เขาเฮฮาไปกับครอบครัวและคนรู้จักในรถตู้โดยหารู้ไม่ว่ามีโศกนาฏกรรมใหญ่รออยู่เบื้องหน้า อุบัติเหตุที่ทำให้รถตู้ของเขาพลิกคว่ำระเนระนาดลงข้างทางทำให้คนในรถตายมากกว่ารอด ที่รอดได้ก็อาการสาหัสบาดเจ็บทั่วกัน เขาเป็นคนเดียวที่ช่วยคนนั้น ดูคนนี้ได้
เพราะเขาไม่เป็นอะไรเลย ! ทั้งสองเหตุการณ์ย่อมมีความต่างกัน ทั้งตัวบุคคล วันเวลา และสถานที่ แต่มีเพียง 3 สิ่งที่เหมือนกันราวนัดไว้คือ
เด็กสองคนใส่เหรียญรุ่นแรกพิมพ์กลมหลวงปู่พรหมา
เด็กสองคนเป็นคนบ้านห้วยไผ่
และเด็กทั้งสองได้รับเหรียญจากเพื่อนบ้านห้วยไผ่เหมือนกัน...คือ...
คุณอำพล เจน คุณอำพลได้รับมอบหมายโดยตรงจากหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ให้เป็นผู้ดำเนินการกับเหรียญรุ่นแรกพิมพ์กลมครึ่งองค์นี้ตามที่เห็นควร ด้วยความเป็นผู้มากน้ำใจเมื่อได้มาท่านก็แบ่งปันเหรียญให้คนรู้จักทั้งประเภท ‘ใกล้ชิด’ และ ‘ไกลชิด’ ได้แขวนบูชาทั่วกัน
แจกมากประสบการณ์ก็มาก โดยเฉพาะวัตถุมงคลในหลวงปู่พรหมา เขมจาโร นี้ถือได้ว่าแปลกกว่าหมู่ เพราะถ้าแจกหรือเปิดให้บูชาเมื่อใดจะมีประสบการณ์ตอบกลับมาให้ได้ยินในทันทีที่ของกระจายตัวออกไป บางทีก็เป็นประสบการณ์ธรรมชาติ บางทีก็เป็น...
สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเสียเอง
ยุคนั้นคนแจ้งข่าวการทดลองยิงพระหลวงปู่พรหมาเข้าสู่หูคุณอำพลมากพอ ๆ กับรายงานข่าวการยิงกันทางภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผมได้ยินว่าปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจแทบทั้งสิ้น จะมียิงออกบ้างหรือไม่ไม่ทราบ เพราะที่ทราบได้ยินแต่ว่าไม่ออก
ส่วนตัวผมไม่เคยได้ทดลองยิงเสียที ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีอะไรดอก แต่มันไม่มีปืน ครั้นจะซื้อไว้เพื่อทดลองพระก็ดูจะเกินไป เลยเงี่ยหูคอยฟังข่าวขลังน่าจะ ‘เวอร์ค’ กว่า ถึงแม้มันจะไม่ ‘เวอร์ค’ เท่ากับโทรคุย 1 ชั่วโมงแต่จ่ายเพียง 3 นาทีก็เถิด
พระหลวงปู่พรหมาใช่ว่าจะเด่นแต่ทางบู๊ เรื่องโชคลาภเงินทอง รุ่งเรืองบารมี ก็ปรากฏให้เห็นไม่ด้อยไปกว่ากันเลย เพียงแต่มันไม่ ‘ดัง’ อย่างเสียงปืนเท่านั้นเอง
อภินิหารในหลวงปู่พรหมาขจรขจายไปทั่ว ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยบ้านเราเท่านั้น ยังแผ่บารมีไปในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ และที่สำคัญ
ไปถึงอเมริกา เพื่อนคุณอำพลท่านหนึ่งคือ
คุณเชอรี่ ได้ไปเปิดกิจการร้านอาหารไทยในย่านฮอลลีวูดชื่อร้าน
‘แบมบูเฮ้าส์’ บรรดาดาราที่ชื่นชอบรสชาติอาหารไทย อาทิ พอล นิวแมน ไมเคิล เจ ฟอกซ์ ก็มาทานบ่อยครั้ง ด้วยอัธยาศัยอันดีทำให้คุณเชอรี่มีลูกค้าและคนรู้จักมาก
วันหนึ่งลูกค้าชาวอเมริกันก็ปรับทุกข์กับเธอว่า ที่บ้านเขานั้นมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว แรก ๆ ก็ได้ยินเสียงกุกกักคล้ายคนรื้อของอยู่ในครัว นานเข้าคนรื้อก็เริ่มปรากฏตัว เมื่อใดก็ตามที่ใครอยู่บ้านเพียงลำพัง จะได้เห็นใครบางคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเขาเองยืนนิ่งอยู่ในครัวอย่างน่าสยองใจ ตอนหลังยิ่งหนัก ชักเห็นพร้อมกันเป็นหมู่คณะ ทีแรกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อคำบอกเล่าของลูกเมียเท่าใดนัก แต่ในที่สุดเขาก็เจอเข้ากับตัวเอง ทำให้เกิดความหวาดกลัวบ้านที่อาศัยอยู่ จะเข้าบ้านคราวใด ทั้งเขาและลูกเมียก็ต้องลุ้นตัวโก่งว่าวันนี้จะเจอหรือไม่ ซึ่ง
‘ใครคนนั้น’ ก็ไม่ทำให้ครอบครัวนี้ผิดหวัง
เพราะมายืนให้เห็นแทบทุกวัน
คุณเชอรี่รับฟังอย่างเห็นใจ แม้ชายคนนั้นจะไม่เอ่ยปากว่าสิ่งที่เห็นนั่นเป็นอะไร แต่ความที่เป็นคนไทยชาวพุทธ คุณเชอรี่บอกกับตัวเองได้ทันทีว่าเขาและลูกเมียกำลังเผชิญหน้ากับ..
ผี..!ค่าที่คุณเชอรี่เป็นศิษย์หลวงพ่อชาและเป็นเพื่อนกับคุณอำพล ก่อนมาอเมริกาคุณอำพลก็ให้พระไว้ไม่น้อย คุณเชอรี่เลยแบ่งพระผงว่านทรงกลมของหลวงปู่พรหมา ซึ่งเป็นพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 และเป็น ‘พระผงรุ่นแรก’ ของหลวงปู่ให้กับเขาไป 1 องค์ แม้เขาจะเป็นชาวคริสต์และไม่รู้จักเรื่องพระเครื่อง แต่เมื่อเห็นคุณเชอรี่ให้ด้วยน้ำใจ กอปรกับหมดที่พึ่งแล้วในยามนั้นก็รับไว้ด้วยดี
ครั้นกลับถึงบ้านและเข้านอน ในคืนนั้นเอง เขาก็ฝันเห็นชายชราคนหนึ่งไม่มีผมไม่มีคิ้ว แต่งตัวด้วยผ้าสีเหลืองหน้าตาใจดี เดินเข้ามาในบ้านและตรงเข้ามาหาเขา ผู้เฒ่าคนนั้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ปรากฏให้เห็นครู่ใหญ่แล้วหายไป
นับตั้งแต่วันนั้น เขาและลูกเมียก็ไม่เคยพบเห็นวิญญาณสยองในครัวนั่นอีกเลย ทั้งเสียงแปลก ๆ ในบ้านก็พลอยเงียบหายไปด้วย เขามั่นใจว่าต้องเป็นด้วยอานุภาพของพระเครื่ององค์น้อยนี้แน่ ๆ จึงเดินทางมาที่ร้านและลงมือเล่าประสบการณ์ให้คุณเชอรี่ฟัง ขณะกำลังเล่าอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นหิ้งพระที่คุณเชอรี่ตั้งบูชาอยู่หน้าร้าน เขาก็เอะอะขึ้นทันทีว่า นี่แหละ ๆ คนแก่ที่เขาฝันเห็น หน้าตารูปร่างลักษณะแต่งตัวเหมือนอย่างในรูปนี้เปี๊ยบเลย คนนี้เป็นใคร ? ชื่ออะไร ? คุณเชอรี่มองตามมือที่ชี้ไป แล้วหันกลับมาตอบอย่างใจเย็นว่า
“หลวงปู่พรหมา เขมจาโร”เมื่อเห็นฝรั่ง ‘ขนคิงลุก’ คุณเชอรี่ก็อธิบายให้ฟังว่า หลวงปู่พรหมาเป็นพระสงฆ์ไทย เป็นนักบวชที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ มีพลังจิตแก่กล้า และท่านได้ถ่ายพลังจิตบรรจุไว้ในรูปเคารพที่ให้คุณไปนั้นแหละ พระนั้นจึงมีพลังงานขึ้นมา ฝรั่งคนนั้นรับฟังอย่างเชื่อถือแน่นแฟ้น เพราะ
สิ่งที่เขาทำต่อมาคือเดินเข้าไปไหว้แบบไทย ๆ แสดงความเคารพต่อรูปหลวงปู่พรหมา และทุก ๆ วันในตอนเช้าก่อนที่เขาจะไปทำงาน เขาจะขี่มอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์มาจอดที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นเช้าตรู่ที่ยังไม่มีลูกค้าแล้วตรงเข้าไปไหว้รูปหลวงปู่พรหมาอย่างนอบน้อม จากนั้นก็จะกลับออกมาควบมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน
เป็นอย่างนี้ทุกวันผมรับฟังเรื่องนี้อย่างนึกอัศจรรย์ในบารมีครูบาอาจารย์ ดูทีหรือเขาไม่ใช่ชาวพุทธสักหน่อย แม้นับถือสักนิดในเบื้องต้นก็ไม่มี แต่ท่านก็ยังแผ่เมตตาไปปรากฏร่างให้เขาเห็นเป็นกำลังใจทั้งยังช่วยขับสิ่งไม่เป็นมงคลออกจากบ้านเขาด้วย
อัปปะมาโณ สังโฆ คุณแห่งพระสงฆ์ไม่มีประมาณ... จริง ๆ คุณเชอรี่เองแม้จะเป็นผู้มีอัธยาศัยดีและไม่เคยที่เรื่องวิวาทบาดหมางให้เกิดศัตรูกับใครเลยก็ตาม วันหนึ่งในชีวิตก็ยังถูกลอบยิงจนได้
วันนั้นเธอกำลังเดินเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้าในร้าน ขณะที่ยืนหันหลังไปหน้าร้านเจรจากับลูกค้าก็มีเสียงปืนดังสนั่นขึ้นหนึ่งนัด กระสุนทะลุกระจกเข้ามาดังเพล้ง เป็นรูตรงกับแผ่นหลังของเธอพอดี ลูกค้าคนหนึ่งร้องว่าเธอถูกยิงพร้อมกับจับเธอให้หมอบลง และพยานในร้านก็ทันเห็นคนยิงว่าเป็นวัยรุ่นผิวสีคนหนึ่งกำลังวิ่งหนี
เมื่อคนร้ายเผ่นไปแล้วทุกคนก็เข้ามาสำรวจตัวเธอว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ปรากฏว่าคุณเชอรี่ปกติดีทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่วิถีกระสุนนั้นตรงตัวเธอพอดี ครั้นตำรวจแอลเอ.มาถึงก็ทำการค้นร้านหาหัวกระสุนเพื่อนำไปเป็นหลักฐาน หาเท่าไรก็ไม่เจอ จนตำรวจนายหนึ่งมาสำรวจกระจกด้านนอกร้าน จึงพบหัวกระสุนตกอยู่บริเวณกระจกที่ถูกเจาะรูเป็นรูปหัวลูกปืนนั่นเอง
‘อะไร’ ที่ต้านกระสุนไว้ไม่ให้ทะลุกระจกเข้ามาในร้าน เพราะถ้าหากลูกปืนหลุดเข้ามาได้ แผ่นหลังของเธอต้องไม่รอดจากการเป็นเป้าอย่างแน่นอน แม้ไม่ตายก็อาจสาหัส แม้ไม่เข้าก็อาจเจ็บตัวและเสียขวัญ ในกลุ่มตำรวจแอลเอ.นั้น มีนายหนึ่งเป็นคนไทยแท้ ๆ เขามองหน้าเธออย่างฉงน โดยไม่รอช้าคุณเชอรี่ล้วงสร้อยพระในคอขึ้นโชว์ ที่จำได้แน่ ๆ ก็มีพระเครื่องของ
หลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่คำพัน โฆษะปัญโญ และ
หลวงปู่พรหมา เขมจาโร เธอพูดอย่างภูมิใจกับกลุ่มตำรวจว่า
“ไอมีของดี”และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องแจก
พระผงว่านรูปรัชกาลที่ 5 ให้แก่ตำรวจทั้งกลุ่มและทุกนายก็พกพระเครื่ององค์น้อยไว้ในเสื้อเกราะอ่อนที่สวมอยู่เป็นประจำ ทั้งยังบอกกับคุณเชอรี่ว่า “ไอเชื่อว่าของสิ่งนี้จะคุ้มภัยอันตรายให้ได้”
นี่คือหลวงปู่พรหมาความขลังของท่านเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน คนที่เคยอาราธนาวัตถุมงคลของท่านติดตัวสม่ำเสมอย่อมเห็นชัดในอานุภาพไม่สงสัย ในช่วงปี พ.ศ. 2534-2538 ที่หลวงปู่พรหมากำลังร้อนสุดขีดนั้น คณะศิษย์กรุงไทยแทรคเตอร์ได้ทำเหรียญรูปหลวงปู่ขึ้น 2 แบบ คือ ชนิดรูปไข่เต็มองค์ และ รูปกลมครึ่งองค์ อันที่จริงเหรียญหลวงปู่พรหมามีรุ่นแรกมาแต่ปี พ.ศ. 2510 กว่า ๆ ตามด้วยรุ่น 2 และ 3 ในเวลาไร่เรี่ยกัน แต่ทุกวันนี้ไม่ต้องมองหาให้เสียเวลา นอกจากจะลองข้ามไปดูสนามพระฝั่งลาว
เหรียญทั้งสามรุ่นมีจำนวนสร้างที่น้อยนิดจริง ๆ ไม่อาจค้นคว้าเสาะหาได้ จึงอนุโลมให้เหรียญรูปไข่และกลมที่ออกจากวัดสวนหินผานางคอย ภูกระเจียว นี้เป็น ‘รุ่นแรก’ ได้เต็มภาคภูมิ ในวันหนึ่งที่คุณอำพลขึ้นไปกราบหลวงปู่เป็นปกติ ท่านเอ่ยขึ้นว่า ลูกอำพลมีคนเขาทำเหรียญมาให้พ่อเยอะเลย ลูกเอาไปนะเผื่อจะเอาไปยุบทำชนวนหรือทำประโยชน์อะไร ถึงเป็นเหรียญครึ่งองค์ แต่พ่อก็สูตรให้เต็มที่ ดีเหมือน ๆ กัน
ตอนนั้นเหรียญกลมครึ่งองค์ถูกบรรจุอยู่ในลังไม้หลายใบ ๆ หนึ่งผู้ชายสองคนยกยังไม่เขยื้อน คะเนว่าน่าจะมีเหรียญกลมอยู่ประมาณ 6,000 กว่าเหรียญ ขนาดรถกระบะที่ขนเหรียญลงมาจากภูยังถึงขั้นแหนบแอ่นไปเลย
เมื่อนำเหรียญลงมาแล้ว
อาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ ก็นำไปทำชนวนจำนวนหนึ่ง ครั้นคุณอำพลจะนำไปมอบให้อีก อ.อนันต์ก็ว่าพอแล้ว ที่เอามาก็ยังใช้ไม่หมด เป็นอันว่าเหรียญยังตกค้างอยู่ที่คุณอำพลอีกราว 3,000 เหรียญเศษ และคุณอำพลก็ประกาศแจกให้ใครที่ต้องการเหรียญไปทำชนวนขลังในการสร้างพระ คราวหนึ่ง คุณบุญโรจน์ เจิมเพิ่มโรจน์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ธนพงศ์) ได้ติดต่อคุณอำพลขอเหรียญไปเป็นชนวนร่วมหล่อพระของ พระเดชพระคุณพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา คุณอำพลก็มอบให้ราว 10 เหรียญ
เมื่อคุณบุญโรจน์นำเหรียญไปถวาย
หลวงพ่อพุธ ท่านก็รับไปถือไว้ในมือนิ่งอยู่ครู่ใหญ่แล้วกล่าวขึ้นว่า
“เหรียญนี้เป็นของดี เป็นพระดี”จากนั้นก็เก็บเข้าย่ามไปเลย ทุกวันนี้จึงยังไม่รู้ว่าหลวงพ่อพุธหลอมเหรียญนั้นไปแล้วเพราะเห็นว่าดี หรือยังเก็บรักษาไว้เพราะเห็นว่าดี
ปัจจุบันคณะศรัทธานำโดยคุณอำพล เจน ได้มีมติสร้างสำนักสงฆ์ชื่อ ‘สภาบุญ’ ในจังหวัดอุบลราชธานี หมายจะรักษาผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ไว้ด้วย หมายให้เป็นที่พำนักของครูบาอาจารย์ อาทิ หลวงปู่ทองสา ด้วย อีกทั้งพระเถรานุเถระที่เที่ยวธุดงค์ผ่านมาก็แวะพักได้ รวมไปถึง อุบาสก-อุบาสิกาผู้ใคร่ธรรมก็จะได้เข้าอยู่อาศัยซึมซับความสงบของป่าเขาและเงื้อมผาเจริญพระกรรมฐานภาวนารักษาศีล แต่ด้วยเหตุที่ยังขาดปัจจัยเป็นจำนวนมาก หมู่คณะจึงพากันขอให้คุณอำพลค่อย ๆ นำเอาวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์เก่า ๆ ที่ตกค้างทยอยออกมาให้บูชา เพื่อนำปัจจัยไปสร้างเสนาสนะในสำนักสงฆ์สภาบุญ
‘แฟนานุแฟน’ ที่รักของผม อย่าไปเช่าพระตามโฆษณาชวนเชื่อนักเลยครับ พระเครื่องที่โฆษณาเกินจริงแบบนั้นน่ะ ถ้าเป็นยาน่ะหรือ โดน อ.ย. สั่งระงับการจำหน่ายไปนานแล้ว เอาพระที่แน่นอนว่าเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์กันภัยได้ 100% ดีกว่าเน้นที่ดัง พระของหลวงปู่พรหมามีประสบการณ์โชกโชนโดยเราไม่ต้องรอให้โดนกับตัวเองเพื่อเป็นการพิสูจน์อยู่แล้ว ทำไมจะมองข้ามไป ?
เหรียญรุ่นแรกที่ยังเหลืออยู่ กรรมการมีมติให้ลงขันร่วมกันสร้างบารมีที่เหรียญละ 100 บาท ค่าส่งฟรี ที่ว่าฟรีนั้นก็ใช่ว่ากรมไปรษณีย์จะออกให้ แต่นั่นคือคุณอำพลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งทั้งหมดด้วยตนเอง
ผมขออนุโมทนาด้วย
บูชาไว้เถอะครับของดีราคาเบาขนาดนี้ อายุการสร้างก็นับ 10 ปีมาแล้วไม่ใช่ของปั๊มขึ้นใหม่ ๆ ขลังหรือไม่อย่างไร ผมขอให้ลองอาราธนาติดตัวดูเถิด ติดต่อบูชาได้ที่
คุณอำพล เจน
066 / 2 ถ.กันทรลักษ์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190
มีของเก่าตกค้างอีกหลายอย่างนะครับ สนใจลองสอบถามคุณอำพลดู แต่อีกไม่นานผมจะหาชะแลงไปงัดกรุท่าน นำพระมาให้ผู้อ่านบูชาทั่วกันครับ ตอนนี้เก็บตังค์เตรียมตัวเช่ากันไว้ให้ดี เถิด สวัสดีปีใหม่ครับ.
*** เรื่องนี้ก็นานอยู่ฮะ เมื่อปลายปี 2547 ไม่แน่ใจฮะว่า พระจะยังอยู่หรือเปล่า ***