รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 7:45 am
จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 8:05 am
จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 9:04 am
ขอบคุณ คุณน้องใหม่ครับสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีมาให้ชมครับ
จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 11:59 am
อะระหัง พุทโธ อิติปิโส ภควา นะมามิหัง
ภาวนาเรื่อยๆ ตอนเช้า แม่ถามว่ามีตังค์ไหม แต่ไม่รอคำตอบ ยื่นให้ 1,000 บาท
สบายๆ
จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 12:56 pm
ขอบคุณมากเลยครับที่นำเรื่องราวดีๆมานำเสนอ
อังคาร 23 ธ.ค. 2008 1:04 am
สุรเทพ เขียน:พี่ต่อครับ ในพระเจดีย์มีอัฐิธาตุพ่อท่านลีด้วยเหรอครับพี่
สังขารท่านยังเก็บไว้อยู่นี่ครับพี่
หรือเป็นพระธาตุที่เสด็จมาที่เกศาท่านครับ ที่เรียกว่าพระธาตุเทพนิมิตร ใช่ป่าวครับ
"อัฐิธาตุ" ไม่มีแน่นอนครับ เพราะสรีระของท่านพ่อลียังไม่ได้รับการประชุมเพลิง จึงเป็นที่แน่นอนว่าจะมี "อัฐิธาตุ" ไม่ได้เลย เพราะ "อัฐิ" แปลว่า กระดูก
แต่ถ้าหมายถึงว่า นำเส้นเกศาของท่านมาบูชาไว้ยังสถานที่อันควร แล้วเส้นเกศาบางส่วนหรือทั้งหมดเกิดแปรเป็น "พระธาตุ" ถ้าอย่างนี้ล่ะพอเป็นไปได้ครับ ก็ต้องเรียกธาตุที่แปรสภาพนั้นแล้วว่า "เกศาธาตุ" ครับ
ลักษณะนี้เกิดขึ้นมากกับครูบาอาจารย์หลาย ๆ รูปที่เป็นพระสุปฏิบัติครับ
ส่วนเรื่อง "พระธาตุเทพนิมิต" ที่มาเกิดกับท่านพ่อลีนั้น ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่ครับ
อังคาร 23 ธ.ค. 2008 1:42 pm
พูดถึงเรื่อง พระธาตุท่านพ่อลีแล้ว มีเรื่องที่ผมเพิ่งรับรู้มาเมื่อเร็วนี้ๆมาเล่าสู่กันฟังครับ
เมื่อปีที่แล้ว (พศ. 2550) ทางวัดบรมนิวาส กทม. ได้จัดสร้างล็อกเก็ตพ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่นรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อทดแทนของเดิมที่หมดไปแล้ว ทางพระที่ดูแลรับผิดชอบในการอุดผง มวลสาร เกศา ด้านหลังล็อกเก็ต เกิดคิดอยากนำพระธาตุ (เป็นพระธาตุที่ท่านพ่อลีอัญเชิญเสด็จมาประมาณ 1 โถ เล็กๆ แล้วทางวัดบรมนิวาสเก็บรักษาไว้ ) บรรจุติดลงไว้ด้านหลังล็อกเก็ตด้วย ขณะที่กำลังทำการบรรจุอยู่นั้น ปรากฏว่าท่านก็ได้ยินเหมือนเสียงวัตถุอะไรหล่นดัง แก็ก ท่านก็เลยเหลียวไปดูปรากฏว่าเป็นพระธาตุหล่นลงมาจากพาน 1 องค์ ท่านก็เลยเก็บใส่พานไปใหม่ แล้วก็หันไปบรรจุผงต่อ เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที ก็ได้ยินเสียงแบบเดิมอีก หันไปดูก็ยังเป็นพระธาตุหล่นลงมาอีก แต่เป็นคนละองค์กับที่หล่นคราวแรก คราวนี้ท่านก็รู้สึกเฉลียวใจว่า ท่านพ่อคงมาเตือนและไม่อนุญาติให้นำพระธาตุมาติดที่หลังล็อกเก็ตนี้ เนื่องจากพานที่บรรจุพระธาตุนั้น ขอบพานนั้นมีขนาดที่สูงมากเป็นไปไม่ได้ที่ พระธาตุที่มีขนาดเล็กจะร่วงหล่นมาลงได้เอง ท่านก็เลยเลิกใช้พระธาตุบรรจุ เปลี่ยนมาเป็นข้าวสารหินแทนครับ
อังคาร 23 ธ.ค. 2008 10:38 pm
อนุโมทนาด้วย และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะพระธาตุที่ท่านพ่อลีอาราธนาได้มานั้นเป็น "พระบรมสารีริกธาตุ" ซึ่งก็คือ "อัฐิของพระพุทธเจ้า" ครับ ซึ่งของสูงขนาดนั้นย่อมไม่สมควรที่จะนำมาแขวนคอติดตัว เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีความเคารพ แต่บางครั้งที่เราต้องลอดใต้บันได ลอดราวตากผ้า เข้าห้องน้ำห้องส้วม บ้วนน้ำลาย พูดจาหยาบคาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะทำให้พระธาตุเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ก็หาไม่ แต่จะเป็นเหตุให้เราผู้กระทำนั่นแหละเสื่อม เสื่อมจากคุณงามความดี เป็นบาปเป็นกรรม เป็นเวรเป็นภัยติดตัวไปอย่างไม่จำเป็นเลย ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการนำพระบรมสารีริกธาตุติดตัว
เมื่อหลายปีก่อนผมเคยจัดนิทรรศการ "พระพุทธศาสนาสู่พระธาตุ" ในมหาวิทยาลัยบูรพา ให้กับชมรมพุทธศาสน์ ม.บูรพา โดยงานมีด้วยกันสองวัน วันแรกนิมนต์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ซึ่งตอนนั้นท่านยังเป็น "พระครูญาณปรีชา" มาเป็นองค์แสดงธรรมและตอบปัญหาธรรมะโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับพระบรมธาตุและพระธาตุ วันที่สองเชิญ"ป้าอิ๊ด" ซึ่งก็คือ "ทมยันตี" หรือคุณป้าวิมล ศิริไพบูลย์ มาปาฐกถา เพราะท่านก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ปฏิบัติธรรมภาวนาจริงจัง ทั้งยังเป็นศิษย์ของ "อาเตีย" หรือเซียนสู พรหมเชยธีระ ยอดนักปฏิบัติแห่งชลบุรี อีกทั้งป้าอิ๊ดยังมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ "พระธาตุเสด็จ" มาที่ห้องพระเป็นจำนวนมาก
ทั้งที่จัดงานกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็ยังไม่วายมีรุ่นพี่ทั้งที่เรียนอยู่และทำงานแล้วซึ่งเป็นพวก "รู้มาก" กลุ่มหนึ่งมาป่วนในงาน โดยด่าทอป้าอิ๊ดและพวกผมว่าไม่รู้เรื่องแต่แค่นจะจัด แค่นจะมาพูด ผมต้องออกไปรับหน้าแล้วถามว่าต้องการอะไร ซึ่งหนึ่งในนั้นชื่อ พี่โก้ เป็นพนักงานสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ทั้งที่สนิทกับผม แต่ด้วยความตามเพื่อนที่เป็นนักเลงใหญ่ในตลาดหนองมน ก็ยังไม่เห็นแก่มิตรภาพของเรา กลับช่วยเพื่อนนักเลงด่าว่าโจมตีงานของผม
ว่าแล้วพวกเขาก็ "งัด" สายสร้อยในคอขึ้นมาให้ผมดูเป็นบุญตาว่า นี่ พระบรมสารีริกธาตุของจริงต้องอย่างนี้ นี่พระธาตุพระโมคคัลลาน์ นี่พระสารีบุตร นี่พระสิวลี ฯลฯ ซึ่งทุกคนเลี่ยมพลาสติกจับขอบทองอย่างสวยงาม บ้างก็ใส่ตลับทองคำฝังเพชร
ผมดูอย่างตกตะลึง ไม่ใช่ตื่นเต้นอะไรกับพระธาตุหรือตลับทอง แต่เพราะรู้กำพืดของพวกเขาทุกคนว่าชอบเที่ยวซ่องที่สุด ชอบกินเหล้ากินเบียร์ที่สุด ไม่เลือกลูกเขาเมียใครมากที่สุด แล้วไฉนคนเช่นนี้จึงสรรหาของสูงสุดในพระพุทธศาสนามาประดับตัว
แต่ไม่เคยเอาธรรมะมาประดับใจ
ผมจึงพยายามพูดไกล่เกลี่ยให้คนพาลเข้าใจอย่างง่ายที่สุด เมื่อทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างก็แยกกันไป ผมก็ดำเนินงานต่อจนแล้วเสร็จทำให้ชมรมพุทธศาสน์ที่ไร้คนเหลียวแลมานานมีคนสนใจขึ้นมาอย่างมากมายอีกครั้ง
นั่นเป็นเรื่องเมื่อปี พ.ศ. 2533
หลังจากนั้นอีกประมาณ 6 ปี พี่โก้ก็เป็นเอดส์ ต้องตกงาน แฟนเก่าแฟนใหม่หายกันไปหมด ทั้งที่ตนเองเป็นข้าราชการอยู่ดี ๆ ก็ต้องตกต่ำและหมดอนาคต
หลังจากนั้นอีกประมาณ 16 ปี นักเลงจอมเก๋าเจ้าของร้านก่อสร้างในตลาดหนองมนก็ถูกไฟไหม้บ้านและร้านวายวอดหมดสิ้น ไฟลามไปถึงห้องอื่น ๆ อีกนับสิบ ทำให้ตัวเองนอกจากสูญเสียทรัพย์สินแล้วยังกลายเป็น "ต้นเพลิง" ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คนอื่นอีกหลายล้านบาท
16 ปีไม่นานเลยที่จะเห็นผล
เพราะฉะนั้นผมถึงย้ำกับพี่ ๆ น้อง ๆ เสมอว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้วไม่ทำเสียเลยดีกว่า อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์เพราะปากเราเลยครับ อย่าเบียดเบียนให้คนอื่นต้องทุกข์ไปกว่าที่เขาเป็นอยู่เลย เพราะเราเองก็มีชีวิตที่ทุกข์ยากประจำวันอยู่แล้ว และยังไม่รู้อนาคตด้วยว่า วันหนึ่งข้างหน้าเราอาจต้องประสบความวิบัติเพราะบาปกรรมที่เราสั่งสมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ได้ แล้วพอถึงวันนั้นจะเหลือใครมาเห็นใจเราเล่า ในเมื่อเราไม่เคยมีความปรารถนาดีหรือจริงใจกับใครเลย
พุธ 24 ธ.ค. 2008 8:46 am
พูดได้คำเดียว " ซึ้ง"
พุธ 24 ธ.ค. 2008 9:47 am
อ่านเรื่องของอาจารย์รณธรรมจบแล้วต้องยิ่งเข้มงวดกับตัวเอง และระวังตัวระวังใจมากๆ เลยครับ
พุธ 24 ธ.ค. 2008 1:39 pm
ขอบคุณพี่ต่อครับสำหรับคำตอบเรื่องพระธาตุฯ
และขอบคุณสำหรับข้อคิดเตือนใจดีๆที่นำมาฝาก
ผมจะพยายามรักษา กาย วาจา ใจ ให้ดีครับ
จะได้ไมไปก่อเวรกับใคร
เสาร์ 27 ธ.ค. 2008 12:02 am
อนุโมทนาด้วยครับกับความเห็นของทุกท่าน และผมต้องขอประทานโทษด้วยหากจะมีคำพูดที่ไม่สุภาพหรือดูก้าวร้าวไปบ้าง เพราะผมปัญญาน้อยครับ ไม่ทราบว่าจะสื่ออย่างไรจึงจะทำให้ทุกท่านเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจ เลยต้องพูดอย่างนั้น
ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ
เสาร์ 27 ธ.ค. 2008 10:09 pm
ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลยครับพี่ต่อ
ผมต่างหากต้องขอบคุณพี่ต่อที่ถ่ายทอด ความรู้แฝงไปด้วยธรรมะ
ซึ่งปัจจุบันจะหาท่านผู้ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องขลังๆ แต่ก็แฝงไปด้วยธรรมะ
ส่วนเรื่องแนวทาง หรือวิธีในการถ่ายทอดก็ไม่แปลกครับที่จะมีในรูปแบบที่สื่อตรงๆ
นี่ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการถ่ายทอดเนื้อหาสู่ผู้อ่านครับ
ยังงัยก็จะเป็นแฟนพันธ์แท้ติดตามผลงานดีๆของพี่ต่อตลอดไปครับ
จันทร์ 29 ธ.ค. 2008 8:32 am
ภาษาพี่ต่อเข้าใจง่ายครับ เหมาะกับกระผมแล้วครับที่ปัญญาตื้นนัก กว่าจะเห็นแสงธรรมก็รอมานาน
จันทร์ 29 ธ.ค. 2008 4:27 pm
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:อนุโมทนาด้วยครับกับความเห็นของทุกท่าน และผมต้องขอประทานโทษด้วยหากจะมีคำพูดที่ไม่สุภาพหรือดูก้าวร้าวไปบ้าง เพราะผมปัญญาน้อยครับ ไม่ทราบว่าจะสื่ออย่างไรจึงจะทำให้ทุกท่านเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจ เลยต้องพูดอย่างนั้น
ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ
ถ้า อ.ต่อ ปัญญาน้อยแล้วไซร้
แล้วผมจะไปเหลืออะไร
พฤหัสฯ. 01 ม.ค. 2009 7:48 pm
พุธ 10 ก.พ. 2010 10:19 pm
วันนี้ (10 กพ.53) ผมได้ไปที่
วัดอโศกการามมา พบว่ายังมีพระผงเกสรพิมพ์สามเหลี่ยมและเหรียญใบโพธิ์ปี 2508 ตกค้างอยู่ โดยพระผงเกสรบูชา 1000 บาทและเหรียญใบโพธิ์ 300 บาท ในส่วนของพระผงจะต้องถามแม่ชีที่ดูแลอยู่เพราะทางวัดจะไม่นำออกมาวางไว้เหมือนพระรุ่นอื่น ที่สำคัญเหลือน้อยมากๆแล้วนะครับ คะเนว่าไม่กี่สิบองค์เท่านั้นครับ
ใครอยากได้ขอเชิญบูชาได้ที่ศาลาที่ประดิษฐานศพท่านพ่อลี ชั้นล่างสุดนะครับ
...
ได้พระดีและได้ทำบุญกับวัดด้วยครับ
...
พฤหัสฯ. 11 ก.พ. 2010 12:43 am
ขอบคุณครับ แหม่ ไวไฟจริง ๆ
เสาร์ 13 ก.พ. 2010 11:54 am
becknui เขียน::lcky: วันนี้ (10 กพ.53) ผมได้ไปที่
วัดอโศกการามมา พบว่ายังมีพระผงเกสรพิมพ์สามเหลี่ยมและเหรียญใบโพธิ์ปี 2508 ตกค้างอยู่ โดยพระผงเกสรบูชา 1000 บาทและเหรียญใบโพธิ์ 300 บาท ในส่วนของพระผงจะต้องถามแม่ชีที่ดูแลอยู่เพราะทางวัดจะไม่นำออกมาวางไว้เหมือนพระรุ่นอื่น ที่สำคัญเหลือน้อยมากๆแล้วนะครับ คะเนว่าไม่กี่สิบองค์เท่านั้นครับ
ใครอยากได้ขอเชิญบูชาได้ที่ศาลาที่ประดิษฐานศพท่านพ่อลี ชั้นล่างสุดนะครับ
...
ได้พระดีและได้ทำบุญกับวัดด้วยครับ
...
รบกวนคุณ becknui โชว์รูปพระผงเกสรพิมพ์สามเหลี่ยม และเหรียญใบโพธิ์ปี 2508 หน่อยสิครับ ขอบพระคุณครับ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.