จันทร์ 22 ธ.ค. 2008 7:17 pm
เหล็กไหลฤาเหล็กเหลวไหล
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์เรื่องของธาตุมหัศจรรย์ที่ใคร ๆต่างก็ใฝ่หาอยากมีไว้ในครอบครอง แร่ใดคงไม่มีความหมายเท่ากับแร่ “เหล็กไหล” โลหะที่ผู้คนต่างเชื่อถือว่าศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์นานาประการในยุคปัจจุบันมีหลายคนที่ออกมาแสดงตนเป็นผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องของเหล็กไหล บ้างก็ว่าเคยเห็น บ้างก็ว่าเคยสัมผัสถึงแหล่ง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนที่บอกว่ามีอยู่ในครอบครอง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีศรัทธาในเหล็กไหลว่าเป็นของมีอยู่จริง ละสร้างความหงุดหงิดให้กับคนที่ไม่เชื่อว่ามีอยู่จริงเป็นยิ่งนัก
ใครจะชี้ชัดลงไปได้เข้าใจว่าจะยากมีศิษย์หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ท่านหนึ่งเคยทำใจกล้า ออกปากถามหลวงปู่ว่าเหล็กไหลมีจริงหรือไม่ ท่านตอบกลับในทันที
“มีจริง”ยังแถมอีกว่า
“ให้ไปดูที่หัวลำโพงสิ ไหลขึ้นเหนือก็ได้ ไหลลงใต้ก็ได้ มีให้ดูอยู่ทุกวัน”ศิษย์คนนั้นคงหมดกำลังใจค้นคว้าเรื่องเหล็กไหลไปอีกนาน
ผมเองไม่ใช่คนเชื่ออะไรง่าย แต่จะให้ปฏิเสธทีเดียวก็ใช่ที่ เพราะเรื่องของเหล็กไหลถ้าไม่มีเค้ามูลอยู่จริงบ้างละก็ คนพูดจะพูดเรื่องนี้มาจากไหน จะกล่าวลอย ๆ ขึ้นด้วยสาเหตุอะไร ทว่า ผมเองก็ไม่มีปัญญาที่จะตะลุยเข้าป่า บุกถ้ำ ค้นหาเหล็กไหลเพื่อเอามาไว้ในครอบครองแล้วประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นของมีอยู่จริง ผมจึงคิดหาทางลัดด้วยการถามคนที่เคยบุกป่าฝ่าดงมาโชกโชนแล้ว และที่สำคัญต้องเป็นคนมีศีลมีสัตย์พอที่จะไว้เนื้อเชื่อใจในถ้อยคำได้
ก็คงไม่พ้นครูบาอาจารย์คราวที่หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี คิดจัดสร้างพระผงขึ้นเป็นพุทธานุสสติในปี พ.ศ. 2510 ท่านก็ได้เสาะแสวงหาของมงคลต่าง ๆมาผสมเป็นองค์พระ ทั้งที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ และเป็นของที่สร้างขึ้นด้วยมือผู้ทรงวิทยาคุณ ผมจะไม่กล่าวถึงของอื่น ๆ ที่มีมากมายเป็นร้อยชนิด แต่จะกล่าวถึงของสูงค่าในถ้ำเขาหลวง จ.นครสวรรค์ ที่หลวงพ่อดั้นด้นไปเอานั้นคือ
“เหล็กไหล”เมื่อหลวงพ่อจุดเทียนเดินเข้าไปในถ้ำ ผู้รักษาด่านแรกคือ งูใหญ่น้อยมากมาย ทั้งจงอาง งูเห่า งูสามเหลี่ยม ล้วนชูคอแผ่พังพานกันสลอนประมาณไม่ได้ว่ามีสักกี่ร้อยกี่พันตัว หากหลวงพ่อก็มิได้หวั่นไหว ด้วยใจท่านซื่อตรงต่อตนเองชนิด
“สักขี ภูโต” คือเอาตนเองเป็นพยานได้ว่า ไม่ได้มาที่นี่เพราะความโลภโมโทสันแต่อย่างใด ที่จะมาเชิญของศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อสร้างอุทเทสิกเจดีย์สืบทอดพระศาสนาเท่านั้น
คิดดังนั้นแล้วท่านก็แผ่เมตตาออกไปอย่างไม่มีประมาณ ปรากฏว่าอสรพิษผู้ดุดันกลับหลบหลีกให้โดยดี ไม่มีอาการข่มขู่คุกคามเช่นทีแรก ครั้นท่านเดินลึกเข้าไปในถ้ำก็ต้องตะลึงลาน ด้วยบัดนี้ ผนังถ้ำตรงหน้าล้วนแล้วไปด้วยแร่ธาตุชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นมันเลื่อมวาววับฝังตัวอยู่ตามแผ่นหินเปล่งประกายล้อแสงเทียนอยู่ไปมา
จิตที่ฝึกฝนมานานปีบอกให้ท่านทราบว่าสิ่งนี้คือ “เหล็กไหล” เมื่อท่านเข้าที่กำหนดขอผู้เป็นเจ้าของ ปรากฏว่าผู้ดูแลรักษาไม่ยอมยกให้ เพราะเหล็กไหลแท้เป็นของที่มีอานุภาพมาก ผู้ครอบครองต้องล้นพ้นด้วยบารมี และประกอบบุพกรรมกับกับเทพผู้รักษาอยู่เท่านั้น
แต่ผู้ดูแลก็อนุญาตให้นำ “ขี้เหล็กไหล” ซึ่งเป็นธาตุที่สำรอกออกมาจากเหล็กไหลไปได้ และอานุภาพของขี้เหล็กไหลนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเหล็กไหลแท้สักเท่าใดหลวงพ่อจรัญจึงขูดแคะขี้เหล็กไหลจากผนังถ้ำมาในปริมาณที่มากพอสมควร จากนั้นก็นำมาสร้างพระเนื้อดินผสมผงขึ้นสำเร็จในปี พ.ศ. 2511 ใครที่ได้พระชุดนี้ไว้ในครอบครอง ก็ชื่อว่ามีบุญเก่าใช่ย่อยเหมือนกัน
พูดถึงเรื่องหลวงพ่อจรัญไปพบเหล็กไหลจนได้ขี้เหล็กไหลมา ก็ให้นึกถึงเรื่อง
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย ซึ่งท่านก็ได้พบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับหลวงพ่อจรัญเช่นกัน
ในช่วงสงครามเวียดนาม ท่านพระอาจารย์จวน ได้ขึ้นไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำบูชา บนภูวัว ซึ่งเป็นภูเขาที่มีความลี้ลับอัศจรรย์อยู่หลายประการ วันนั้นเครื่องบินพันธมิตรที่จะทิ้งระเบิดยังฝั่งเวียดนามได้บินกลับมาพร้อมระเบิด 4 ลูก
เมื่อจะลงจอดยังสนามบินต้องปลดระเบิดให้หมดเสียก่อน มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายได้ บริเวณภูวัวเป็นป่าทึบ เครื่องบินพันธมิตรเห็นปลอดคนจึงปลดระเบิดลงในป่าทันที
ลูกแรกตกลงไปในเหวไม่ไกลจากถ้ำบูชาเท่าใดนัก เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวราวป่าจะถล่มถลาย ไม่นานนักเสียง
“ตุ้บ” หนัก ๆเหมือนกระทุ้งดินจนธรณีสะเทือนก็มาลั่นอยู่บริเวณถ้ำถึง 3 ครั้งด้วยกัน ท่านอาจารย์จึงออกไปดู
ปรากฏว่าเป็นระเบิดขนาดใหญ่ 3 ลูกหล่นมาปักดินอยู่ใกล้ถ้ำ แน่ละว่าหากระเบิดทั้ง 3 ลูกทำงานตรงตามหน้าที่ ภูวัวบริเวณนั้นทั้งแถบย่อมแหลกรานถล่มราบเป็นหน้ากลอง รวมถึงถ้ำบูชา และท่านอาจารย์ในคืนหนึ่ง ณ ถ้ำบูชา ท่านพระอาจารย์จวนปรากฏเห็นนิมิตเห็นเทพบุตรตนหนึ่ง มีรัศมีเรืองรองสวยงามนัก เข้ามาน้อมอภิวาท แล้วกล่าวถวายของสำคัญให้สิ่งหนึ่งนั้นคือ
“ขี้เหล็กไหล” โดยที่พวกเขาปรารถนาจะบำเพ็ญทานบารมีกับท่าน จึงขอให้ท่านอาจารย์เก็บไปแจกผู้มีศรัทธาด้วย
รุ่งขึ้นท่านก็เดินไปดูยังสถานที่ที่ปรากฏในนิมิตพบว่าเป็นหลืบถ้ำ และมีวัตถุบางอย่างไหลเลื่อนตกลงมา เมื่อกำหนดดูท่านก็ทราบว่าสิ่งนี้เป็น
“ขี้เหล็กไหล” วัตถุธรรมชาติที่ทรงอานุภาพไม่แพ้เหล็กไหล เพียงมีรูปร่างสีสันที่ไม่งดงามเท่าและไม่อาจเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวเคลื่อนที่ไปมาได้เองดังเช่น เหล็กไหล
ท่านเก็บมาได้เกือบเต็มย่าม เมื่อแจกจ่ายออกไปก็ปรากฏอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัย ปัดเป่าอันตรายให้แก่ผู้พกพาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นเหตุให้มีคนแสวงหากันมาก
- หน้าถ้ำบูชา ภูวัว จ.หนองคาย
- .jpg (53.81 KiB) เปิดดู 5789 ครั้ง
- หลืบหิน ด้านหลังพระพุทธรูปนี้แหละ ที่ขี้เหล็กไหลเคลื่อนตัวออกมาหาท่านพระอาจารย์จวน
- .jpg (43.65 KiB) เปิดดู 5783 ครั้ง
ไม่อาจชี้ชัดได้ว่าที่ลูกระเบิดไม่แตกในวันนั้นเป็นด้วยบุญบารมีของท่านพระอาจารย์จวนโดยเฉพาะ หรือด้วยอำนาจอันมหาศาลของขี้เหล็กไหลในถ้ำนั้น
นี่เป็นอีกเรื่องที่ยืนยันได้ถึงความยากลำบากในการจะได้เหล็กไหลแท้สักก้อนมาบูชา เพราะแม้แต่ผู้ทรงคุณธรรมพร้อมมูลดัง หลวงพ่อจรัญ และท่านพระอาจารย์จวน ก็ยังไม่สามารถนำเอาเหล็กไหลแท้มาไว้ในครอบครองได้
หรือท่านจะไม่เอาเองก็ไม่ทราบราวปี พ.ศ. 2518 นายแพทย์ปัญญา ส่งสัมพันธ์ เจ้าของ ร.พ.แพทย์ปัญญา ได้เดินทางไปยังเกาะล้าน จ.ชลบุรี พร้อมด้วยหลวงพ่อมั่น (คนละองค์กับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) เพื่อไปทำพิธีเชิญแร่เกาะล้าน หรืออีกนัยหนึ่งคือ
แร่เหล็กไหล ธาตุอาถรรพณ์ นั่นเอง ซึ่งผู้คุ้มครองรักษาที่นี่เป็นเทวดาฝ่ายยักษ์ เป็นที่เลื่องลือกันว่าท่านทั้งหวงของ และ
“ดุ”เรียกง่าย ๆว่า เฮี้ยนขนาดทางวัดเอาแร่เกาะล้านติดไว้ตามเจดีย์ในวัด คนไปแงะไปงัดหมายจะเอาไปบูชา ยังถึงแก่ม้วยมรณาไปง่าย ๆ เล่นเอาคนหวาดสยองไม่กล้าแตะต้องสักหลาย
เมื่อหลวงพ่อมั่น กับ นพ.ปัญญา และคณะ เดินทางไปถึงก็ทำพิธีบวงสรวงบูชาเจ้าที่สวดมนต์ภาวนาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อมีคลื่นขนาดใหญ่ผิดปกติซัดสาดเข้าสู่ฝั่งดังสนั่น พอเกลียวคลื่นซาตัวถอยลงจากหาด ทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อพบวัตถุสีดำบ้าง สีปีกแมลงทับบ้าง วางระเกะระกะอยู่บนพื้นทรายเต็มไปหมด
น่าอัศจรรย์นักที่ก้อนแร่เหล่านี้ขึ้นมาจากน้ำตามคลื่นมาได้ เพราะแร่แต่ละก้อนหนักอึ้งตึงมือเมื่อยามจับบอกให้รู้ถึงน้ำหนักในแต่ละก้อนว่าไม่ใช่น้อยเลย โดยเฉพาะก้อนหนึ่งมีลักษณะคล้ายดังเศียรหนุมาน คล้ายกันเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นของเกิดแต่ธรรมชาติ ที่สำคัญขนาดเท่าหัวคน ทั้งหนักจนยกเกือบไม่ขึ้นอย่างนี้ตามคลื่นมาบนบกได้อย่างไร!!เมื่อคณะคุณหมอได้ของมงคลอย่างนี้แล้วก็พากันกลับมาทำพิธีสมโภชที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง โดยนิมนต์
ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ กับพระเถรานุเถระซึ่งเป็นที่นับถือมาด้วยอีกหลายองค์ เฉพาะท่านพระอาจารย์จวน เมื่อได้เห็นก้อนแร่และพิจารณาจนแน่ใจแล้ว ท่านก็บอกกับ นพ.ปัญญา ว่าสิ่งนี้คือ
“โคตรเหล็กไหล”เมื่อแจกออกไปก็มีประสบการณ์ทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด ให้เห็นกันบ่อย ๆ เช่น ตำรวจคนหนึ่งถูกล้อมยิงรถจิ๊ปโดยพวก ผกค. เพื่อนตำรวจที่มาด้วยกันตายเรียบไม่เหลือ มีเพียงเขาคนเดียวที่ลูกปืนเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่ถูกสักนัด ยิงตอบโต้จนผู้ร้ายล่าถอยไปได้ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้แขวนอะไรเลย
แต่ในปากอมโคตรเหล็กไหลอยู่ก้อนหนึ่งผมยังโง่ ยังเป็นผู้เบาปัญญาไม่ฉลาดล้ำ จึงไม่อาจสรุปได้ว่าเหล็กไหลเป็นของมีอยู่จริงหรือไม่ แต่จากที่ครูบาอาจารย์ได้พบเห็นก็คงเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้ท่านผู้อ่านได้บ้างกระมัง
บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 กันยายน 2540