"ยิ่งลักษณ์" ไม่รู้จัก "พระเจ้าอยู่หัว" ?!
พุธ 07 ธ.ค. 2011 5:20 pm
การที่เฟซบุ๊คของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อความ "5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล" เมื่อเวลา 10.15 น. ของเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่แทนที่จะอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน ประกอบการเชิญชวนดังกล่าวนั้น กลับอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ซึ่งเสด็จสู่สวรรคาลัยไปนานแล้วขึ้นแทน
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นกับคนที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารของประเทศ ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์ และนางสาวยิ่งลักษณ์ก็มิใช่เด็กสาววัย 16 ปี ที่ไม่ประสีประสา
นำมาซึ่งเสียงโจษจันและวิพากษ์วิจารณ์มากในสังคมไทย ในเวลานี้ 12 ชั่วโมงของการเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ที่ผิดพลาดของเธอ มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนไทยที่มีความจงรักภักดีต้องการคำตอบ บัดนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ยังไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำขอโทษ สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย
แต่ด้านหนึ่งได้มอบหมายให้นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานอภัยโทษในข้อผิดพลาดดังกล่าวแล้ว นับเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควร
คราวนี้ก็เหลือแต่ "ประชาชน" ที่รอฟังคำอธิบายของเธอละ ที่ยังเฝ้ารอ และเธอยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเลย
เมื่อครั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ครั้งแรก เธอพูดว่ารัฐบาลมีแนวทางจะปลูก "หญ้าแพรก" เพื่อการชะลอน้ำ ทำให้สังคมโจษจันถึง "มันสมอง" ของยิ่งลักษณ์ที่มีต่อความรู้ขั้นพื้นฐาน และงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แม้แต่เด็กนักเรียนยังได้เรียน ยังได้รู้ ครั้งนั้นเธอใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ ปล่อยให้ผู้คนก่นด่าบ้าง ล้อเลียนบ้าง สงสารบ้าง จึงมาชี้แจงในสัปดาห์ต่อมา
มาดูกันว่า เรื่องนี้ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอย่างมหาศาล ยิ่งลักษณ์จะซ่อนตัวอยู่หลังทีมงาน ไม่เผชิญหน้ากับประชาชนได้นานแค่ไหน และใช้วิธี "โทษทีมงาน" แล้วหลบหายไม่ชี้แจงหรือเปล่า
หากเราย้อนดูพฤติกรรมของยิ่งลักษณ์ และคณะตลอดการทำงานที่ผ่านมา กระบวนการ "ดึงยิ่งลักษณ์ออกจากความผิด" ด้วยการโยนให้เป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนยิ่งลักษณ์เล่นบท "หนูไม่รู้" นั้นมีมาโดยตลอด เริ่มจากเมื่อครั้งที่ยังไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็มีข่าวว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานและรับรองกับรัฐบาลญี่ปุ่น ว่ารัฐบาลไทยไม่มีนโยบายห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าญี่ปุ่น จึงขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ทักษิณ สื่อมวลชนนำเรื่องนี้ไปถามยิ่งลักษณ์ เธอบอกว่าไม่รู้ เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
เช่นเดียวกับเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แอ็คอาร์ตว่าจะต้องนิรโทษกรรมให้ทักษิณ เมื่อสื่อมวลชนไปถาม ยิ่งลักษณ์ตอบว่าไม่รู้ ไม่ใช่นโยบาย
เมื่อครั้งของบริจาคลอยฟ่องอยู่ในน้ำหลังน้ำท่วมสนามบินดอนเมือง และศปภ.ย้ายศูนย์หนี นักข่าวไปถามยิ่งลักษณ์เรื่องของบริจาคที่ไม่ถึงมือคน แต่กลับเหลือทิ้งเกลื่อนกลาดที่สนามบินดอนเมือง เธอก็ใช้วิธีย้อนถามนักข่าวว่า"ที่ไหนนะคะ ของบริจาคอะไรเหรอคะ" แล้วเล่นบท "หนูไม่รู้" อีกตามระเบียบ
มาซับซ้อนขึ้นก็อีตอนแสร้งไปติดค้างอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี กลับมาประชุมคณะรัฐมนตรีไม่ทัน แล้วรองนายกฯ เป็ดเหลิมก็นำพระราชกฤษฎีกาเข้าที่ประชุมแบบวาระจรนี่แหละ ที่บทหนูไม่รู้ดูจะคิดเยอะขึ้น แต่ก็ไม่แนบเนียน เพราะกองทัพบกชี้แจงว่า ทีมงานนายกฯ ระบุว่าเป็น "ภารกิจค้างคืน" มาตั้งแต่ต้น
มารยาสาไถยครั้งกระนั้น ยิ่งลักษณ์ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อพี่น้องประชาชน หรือแม้แต่แสดง "ความอาย-ละอาย" ออกมาให้เห็น มาครั้งนี้คอยดูกันซิครับว่า ยิ่งลักษณ์จะไปอีท่าไหน จะหนูไม่รู้ จะบีบน้ำตา จะโทษว่าเป็นความผิดของทีมงาน หรือจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยไม่ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งลักษณ์สมควรจะต้องชี้แจง เพราะ
1. ยิ่งลักษณ์อายุ 40 กว่าแล้ว คนวัยนี้ไม่มีทางไม่รู้จัก "พระเจ้าแผ่นดิน" ของตนเอง หรือหากจะกล้าบอกว่า "ไม่รู้จัก" ก็ขอให้บอกมา
2. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ หลายครั้ง เป็นไปไม่ได้เลยที่ยิ่งลักษณ์ไม่อาจจำแนกแยกแยะระหว่างล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 8 กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
3. ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 8 ไม่เคยมี "ฉลองพระเนตร" (แว่นตา) เฉกเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
4. ถึงแม้จะบอกว่า คณะทำงานจัดการให้ ความรับผิดชอบก็มิได้พ้นไปจากยิ่งลักษณ์ เพราะหน้าเพจดังกล่าวเผยแพร่ในนาม "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
5. พระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีอยู่มากมาย ทำไมจะต้องเลือกใช้ภาพที่ยากเกินกว่า "หัวสมอง" ของตนจะจำแนกแยกแยะ
6. ทำไมปล่อยให้ผิดพลาดอยู่เช่นนั้นนานถึง 12 ชั่วโมง
7. หรือว่ายิ่งลักษณ์ถูกใคร "วางยา" หากพิจารณาเรื่องการใช้สื่อ ทีมงานของยิ่งลักษณ์มักจะมีการ "จัดฉาก" อย่างดีเสมอ แต่ก็มีข้อผิดพลาดอยู่เสมอเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงหาเสียงจนถึงการลงพื้นที่แจกเงินเยียวยาหลังน้ำท่วม คนกลุ่มนี้ใช้วิธี "ขายภาพลักษณ์" ของยิ่งลักษณ์มากกว่าการทำงานจริงมาโดยตลอด
เริ่มตั้งแต่จัดฉากถ่ายภาพยิ่งลักษณ์ไถนากับจิรายุ ห่วงทรัพย์ ทั้ง ๆ ที่ข้าวกำลังตั้งท้องเขียวขจี คนจึงมีคำถามว่า จะไถหาพระแสงวิมานอะไร ถัดมายิ่งลักษณ์ไปหาเสียงพร้อมบัตรเครดิตเกษตรกร ปรากฏว่าเกษตรกรที่ถ่ายรูปกับยิ่งลักษณ์เสื้อผ้าใหม่เอี่ยม หมวกใหม่เอี่ยม มีผ้าผูกเอวผิดธรรมชาติ และยืนถือบัตรเครดิตอย่างรู้งาน คือคนที่ยืนทางซ้ายก็ชูบัตรมือซ้าย คนที่ยืนทางขวาก็ชูบัตรมือขวา
ล่าสุดการไปแจกเงินเยียวยาน้ำท่วมที่นครสวรรค์กับพระนครศรีอยุธยา แทนที่จะนำเงินใส่ซองมอบให้ประชาชน ภาพที่ออกมากลับเป็นประชาชนคลี่ธนบัตรโชว์อย่างกับหวีกล้วย
ผมคิดว่า ไม่ว่ายิ่งลักษณ์จะถูกวางยาหรือไม่ ยิ่งลักษณ์ควรจะได้เข้าใจจากความผิดพลาดครั้งนี้ว่า "ถ้าเรามีปัญญาไม่เพียงพอต่อการทำงานแล้ว คณะทำงานของเราก็ไม่ควรโง่ด้วย" ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะสับสนวุ่นวาย และฉิบหายลงเมื่อไรก็ไม่รู้ คุณยิ่งลักษณ์ครับ ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะเอาจริงเอาจังกับการเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าการเป็นเสมือน "พริตตี้ประจำพรรค"
โดยเฉพาะการเอาจริงเอาจังต่อการเคารพ เทิดทูน ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าคุณคิดว่าถึงเวลาแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจากการแถลงขอโทษพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเป็นทางการในกรณีเฟซบุ๊คนี้ ถัดมา จงสั่งการให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เร่งปราบปรามเว็บหมิ่นทั้งหลายให้จริง ๆ และรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำรัฐมนตรีและคณะมารายงานตรงต่อพี่น้องประชาชนทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน และเชิญชวนประชาชน เอกชน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาช่วยกันติดตามจับตัวผู้กระทำการให้ได้ภายในเร็วมัน ถึงแม้จะมีอุปสรรค จะยากแสนเข็ญ แต่คุณจะวิริยะ อุตสาหะ ให้ประชาชนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์
จงเร่งจัดการกับสื่อเสื้อแดงที่ยังไม่วายปลุกปั่นประชาชนว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดจากโครงการฝนหลวงและเขื่อน 2 เขื่อน โดยจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านชื่อเขื่อนซึ่งเป็น "พระนาม" ขององค์พระประมุขทั้งสอง จงแสดงจุดยืนและประกาศจุดยืนที่ชัดเจนต่อ "กฎหมายอาญามาตรา 112" ที่ระบุว่า หรือที่เรียกกันว่า "กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ระบุว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย (1) พระมหากษัตริย์ (2) พระราชินี (3) รัชทายาท หรือ (4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" ที่กำลังมีขบวนการรุกเร้าให้แก้ไขหรือยกเลิกอยู่ในเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นกฎหมายที่ถวายความคุ้มครองแด่องค์พระประมุข ซึ่งเป็น "เสาหลักค้ำจุนแผ่นดิน" ว่าตนเองมีจุดยืนอย่างไร และจะดำเนินการอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของคนบางฟากบางฝ่าย
จงเดินหน้า ดึงเอาผู้รู้ เอกชน ประชาชน มาร่วมกับรัฐบาล ดำเนินโครงการป้องกันปัญหาน้ำท่วม ตามแนวพระราชดำริในทันที ตามขั้นตอน เพราะอีกไม่กี่เดือนก็เข้าสู่หน้าฝนครั้งใหม่อีกแล้ว รัฐบาลได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเองแทนการ "ป้ายขี้" ให้คนอื่นหรือยัง
จับตัวคนทุจริตคดโกงในช่วงน้ำท่วมมาลงโทษแล้วหรือยัง เฉพาะกรณีเฟซบุ๊คผมเห็นด้วยกับ ส.ว.ตรึงใจ บูรณสมภพ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ที่ชี้แนะว่า "ต่อไปรัฐบาลต้องระมัดระวังโดยเฉพาะ กิจกรรมเทิดพระเกียรติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิด และแม้รัฐบาลจะขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว แต่ต่อไปต้องระวังและถือว่ายังไม่พอ นายกฯ ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษกับประชาชนด้วย ที่จริงเรื่องผิดพลาดแบบนี้เป็นเรื่องน่าละอาย"
ปัญหาอยู่ที่ว่า ยิ่งลักษณ์ "ละอาย" หรือไม่ ?
และคุณยิ่งลักษณ์ครับ ผมขอถามคำถามสุดท้ายในวันนี้ว่า คุณจะปล่อยให้ตนเองและทีมงาน "ผิดพลาด" อีกกี่ครั้ง ประเทศไทยเป็นของเล่น เป็นสนามเด็กเล่น เป็นที่ทดลองงาน เป็นที่ฝึกงานของพวกคุณมานานพอหรือยัง ?
ถึงเวลาเดินหน้า ใช้ "ปัญญา" แก้ปัญหาและพัฒนา "บ้านเกิดเมืองนอน" ที่ชื่อประเทศไทยนี้ได้หรือยัง ?
ถึงเวลาทำเพื่อประชาชนโดยไม่เลือกเหล่าเลือก "สี" แล้วหรือยัง ?
ถึงเวลารู้จัก จดจำ และเดินตามรอยพระยุคลบาทที่ดีงามแล้วหรือยัง?
จิตกร บุษบา วันที่ 7/12/2011
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นกับคนที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารของประเทศ ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์ และนางสาวยิ่งลักษณ์ก็มิใช่เด็กสาววัย 16 ปี ที่ไม่ประสีประสา
นำมาซึ่งเสียงโจษจันและวิพากษ์วิจารณ์มากในสังคมไทย ในเวลานี้ 12 ชั่วโมงของการเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ที่ผิดพลาดของเธอ มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนไทยที่มีความจงรักภักดีต้องการคำตอบ บัดนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ยังไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำขอโทษ สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย
แต่ด้านหนึ่งได้มอบหมายให้นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานอภัยโทษในข้อผิดพลาดดังกล่าวแล้ว นับเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควร
คราวนี้ก็เหลือแต่ "ประชาชน" ที่รอฟังคำอธิบายของเธอละ ที่ยังเฝ้ารอ และเธอยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเลย
เมื่อครั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ครั้งแรก เธอพูดว่ารัฐบาลมีแนวทางจะปลูก "หญ้าแพรก" เพื่อการชะลอน้ำ ทำให้สังคมโจษจันถึง "มันสมอง" ของยิ่งลักษณ์ที่มีต่อความรู้ขั้นพื้นฐาน และงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แม้แต่เด็กนักเรียนยังได้เรียน ยังได้รู้ ครั้งนั้นเธอใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ ปล่อยให้ผู้คนก่นด่าบ้าง ล้อเลียนบ้าง สงสารบ้าง จึงมาชี้แจงในสัปดาห์ต่อมา
มาดูกันว่า เรื่องนี้ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอย่างมหาศาล ยิ่งลักษณ์จะซ่อนตัวอยู่หลังทีมงาน ไม่เผชิญหน้ากับประชาชนได้นานแค่ไหน และใช้วิธี "โทษทีมงาน" แล้วหลบหายไม่ชี้แจงหรือเปล่า
หากเราย้อนดูพฤติกรรมของยิ่งลักษณ์ และคณะตลอดการทำงานที่ผ่านมา กระบวนการ "ดึงยิ่งลักษณ์ออกจากความผิด" ด้วยการโยนให้เป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนยิ่งลักษณ์เล่นบท "หนูไม่รู้" นั้นมีมาโดยตลอด เริ่มจากเมื่อครั้งที่ยังไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็มีข่าวว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานและรับรองกับรัฐบาลญี่ปุ่น ว่ารัฐบาลไทยไม่มีนโยบายห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าญี่ปุ่น จึงขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ทักษิณ สื่อมวลชนนำเรื่องนี้ไปถามยิ่งลักษณ์ เธอบอกว่าไม่รู้ เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
เช่นเดียวกับเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แอ็คอาร์ตว่าจะต้องนิรโทษกรรมให้ทักษิณ เมื่อสื่อมวลชนไปถาม ยิ่งลักษณ์ตอบว่าไม่รู้ ไม่ใช่นโยบาย
เมื่อครั้งของบริจาคลอยฟ่องอยู่ในน้ำหลังน้ำท่วมสนามบินดอนเมือง และศปภ.ย้ายศูนย์หนี นักข่าวไปถามยิ่งลักษณ์เรื่องของบริจาคที่ไม่ถึงมือคน แต่กลับเหลือทิ้งเกลื่อนกลาดที่สนามบินดอนเมือง เธอก็ใช้วิธีย้อนถามนักข่าวว่า"ที่ไหนนะคะ ของบริจาคอะไรเหรอคะ" แล้วเล่นบท "หนูไม่รู้" อีกตามระเบียบ
มาซับซ้อนขึ้นก็อีตอนแสร้งไปติดค้างอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี กลับมาประชุมคณะรัฐมนตรีไม่ทัน แล้วรองนายกฯ เป็ดเหลิมก็นำพระราชกฤษฎีกาเข้าที่ประชุมแบบวาระจรนี่แหละ ที่บทหนูไม่รู้ดูจะคิดเยอะขึ้น แต่ก็ไม่แนบเนียน เพราะกองทัพบกชี้แจงว่า ทีมงานนายกฯ ระบุว่าเป็น "ภารกิจค้างคืน" มาตั้งแต่ต้น
มารยาสาไถยครั้งกระนั้น ยิ่งลักษณ์ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อพี่น้องประชาชน หรือแม้แต่แสดง "ความอาย-ละอาย" ออกมาให้เห็น มาครั้งนี้คอยดูกันซิครับว่า ยิ่งลักษณ์จะไปอีท่าไหน จะหนูไม่รู้ จะบีบน้ำตา จะโทษว่าเป็นความผิดของทีมงาน หรือจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยไม่ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งลักษณ์สมควรจะต้องชี้แจง เพราะ
1. ยิ่งลักษณ์อายุ 40 กว่าแล้ว คนวัยนี้ไม่มีทางไม่รู้จัก "พระเจ้าแผ่นดิน" ของตนเอง หรือหากจะกล้าบอกว่า "ไม่รู้จัก" ก็ขอให้บอกมา
2. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ หลายครั้ง เป็นไปไม่ได้เลยที่ยิ่งลักษณ์ไม่อาจจำแนกแยกแยะระหว่างล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 8 กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
3. ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 8 ไม่เคยมี "ฉลองพระเนตร" (แว่นตา) เฉกเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
4. ถึงแม้จะบอกว่า คณะทำงานจัดการให้ ความรับผิดชอบก็มิได้พ้นไปจากยิ่งลักษณ์ เพราะหน้าเพจดังกล่าวเผยแพร่ในนาม "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
5. พระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีอยู่มากมาย ทำไมจะต้องเลือกใช้ภาพที่ยากเกินกว่า "หัวสมอง" ของตนจะจำแนกแยกแยะ
6. ทำไมปล่อยให้ผิดพลาดอยู่เช่นนั้นนานถึง 12 ชั่วโมง
7. หรือว่ายิ่งลักษณ์ถูกใคร "วางยา" หากพิจารณาเรื่องการใช้สื่อ ทีมงานของยิ่งลักษณ์มักจะมีการ "จัดฉาก" อย่างดีเสมอ แต่ก็มีข้อผิดพลาดอยู่เสมอเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงหาเสียงจนถึงการลงพื้นที่แจกเงินเยียวยาหลังน้ำท่วม คนกลุ่มนี้ใช้วิธี "ขายภาพลักษณ์" ของยิ่งลักษณ์มากกว่าการทำงานจริงมาโดยตลอด
เริ่มตั้งแต่จัดฉากถ่ายภาพยิ่งลักษณ์ไถนากับจิรายุ ห่วงทรัพย์ ทั้ง ๆ ที่ข้าวกำลังตั้งท้องเขียวขจี คนจึงมีคำถามว่า จะไถหาพระแสงวิมานอะไร ถัดมายิ่งลักษณ์ไปหาเสียงพร้อมบัตรเครดิตเกษตรกร ปรากฏว่าเกษตรกรที่ถ่ายรูปกับยิ่งลักษณ์เสื้อผ้าใหม่เอี่ยม หมวกใหม่เอี่ยม มีผ้าผูกเอวผิดธรรมชาติ และยืนถือบัตรเครดิตอย่างรู้งาน คือคนที่ยืนทางซ้ายก็ชูบัตรมือซ้าย คนที่ยืนทางขวาก็ชูบัตรมือขวา
ล่าสุดการไปแจกเงินเยียวยาน้ำท่วมที่นครสวรรค์กับพระนครศรีอยุธยา แทนที่จะนำเงินใส่ซองมอบให้ประชาชน ภาพที่ออกมากลับเป็นประชาชนคลี่ธนบัตรโชว์อย่างกับหวีกล้วย
ผมคิดว่า ไม่ว่ายิ่งลักษณ์จะถูกวางยาหรือไม่ ยิ่งลักษณ์ควรจะได้เข้าใจจากความผิดพลาดครั้งนี้ว่า "ถ้าเรามีปัญญาไม่เพียงพอต่อการทำงานแล้ว คณะทำงานของเราก็ไม่ควรโง่ด้วย" ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะสับสนวุ่นวาย และฉิบหายลงเมื่อไรก็ไม่รู้ คุณยิ่งลักษณ์ครับ ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะเอาจริงเอาจังกับการเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าการเป็นเสมือน "พริตตี้ประจำพรรค"
โดยเฉพาะการเอาจริงเอาจังต่อการเคารพ เทิดทูน ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าคุณคิดว่าถึงเวลาแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจากการแถลงขอโทษพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเป็นทางการในกรณีเฟซบุ๊คนี้ ถัดมา จงสั่งการให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เร่งปราบปรามเว็บหมิ่นทั้งหลายให้จริง ๆ และรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำรัฐมนตรีและคณะมารายงานตรงต่อพี่น้องประชาชนทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน และเชิญชวนประชาชน เอกชน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาช่วยกันติดตามจับตัวผู้กระทำการให้ได้ภายในเร็วมัน ถึงแม้จะมีอุปสรรค จะยากแสนเข็ญ แต่คุณจะวิริยะ อุตสาหะ ให้ประชาชนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์
จงเร่งจัดการกับสื่อเสื้อแดงที่ยังไม่วายปลุกปั่นประชาชนว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดจากโครงการฝนหลวงและเขื่อน 2 เขื่อน โดยจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านชื่อเขื่อนซึ่งเป็น "พระนาม" ขององค์พระประมุขทั้งสอง จงแสดงจุดยืนและประกาศจุดยืนที่ชัดเจนต่อ "กฎหมายอาญามาตรา 112" ที่ระบุว่า หรือที่เรียกกันว่า "กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ระบุว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย (1) พระมหากษัตริย์ (2) พระราชินี (3) รัชทายาท หรือ (4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี" ที่กำลังมีขบวนการรุกเร้าให้แก้ไขหรือยกเลิกอยู่ในเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นกฎหมายที่ถวายความคุ้มครองแด่องค์พระประมุข ซึ่งเป็น "เสาหลักค้ำจุนแผ่นดิน" ว่าตนเองมีจุดยืนอย่างไร และจะดำเนินการอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของคนบางฟากบางฝ่าย
จงเดินหน้า ดึงเอาผู้รู้ เอกชน ประชาชน มาร่วมกับรัฐบาล ดำเนินโครงการป้องกันปัญหาน้ำท่วม ตามแนวพระราชดำริในทันที ตามขั้นตอน เพราะอีกไม่กี่เดือนก็เข้าสู่หน้าฝนครั้งใหม่อีกแล้ว รัฐบาลได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเองแทนการ "ป้ายขี้" ให้คนอื่นหรือยัง
จับตัวคนทุจริตคดโกงในช่วงน้ำท่วมมาลงโทษแล้วหรือยัง เฉพาะกรณีเฟซบุ๊คผมเห็นด้วยกับ ส.ว.ตรึงใจ บูรณสมภพ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ที่ชี้แนะว่า "ต่อไปรัฐบาลต้องระมัดระวังโดยเฉพาะ กิจกรรมเทิดพระเกียรติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิด และแม้รัฐบาลจะขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว แต่ต่อไปต้องระวังและถือว่ายังไม่พอ นายกฯ ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษกับประชาชนด้วย ที่จริงเรื่องผิดพลาดแบบนี้เป็นเรื่องน่าละอาย"
ปัญหาอยู่ที่ว่า ยิ่งลักษณ์ "ละอาย" หรือไม่ ?
และคุณยิ่งลักษณ์ครับ ผมขอถามคำถามสุดท้ายในวันนี้ว่า คุณจะปล่อยให้ตนเองและทีมงาน "ผิดพลาด" อีกกี่ครั้ง ประเทศไทยเป็นของเล่น เป็นสนามเด็กเล่น เป็นที่ทดลองงาน เป็นที่ฝึกงานของพวกคุณมานานพอหรือยัง ?
ถึงเวลาเดินหน้า ใช้ "ปัญญา" แก้ปัญหาและพัฒนา "บ้านเกิดเมืองนอน" ที่ชื่อประเทศไทยนี้ได้หรือยัง ?
ถึงเวลาทำเพื่อประชาชนโดยไม่เลือกเหล่าเลือก "สี" แล้วหรือยัง ?
ถึงเวลารู้จัก จดจำ และเดินตามรอยพระยุคลบาทที่ดีงามแล้วหรือยัง?
จิตกร บุษบา วันที่ 7/12/2011
Re: "ยิ่งลักษณ์" ไม่รู้จัก "พระเจ้าอยู่หัว" ?!
พุธ 07 ธ.ค. 2011 5:36 pm
- DSC003071.JPG (97.84 KiB) เปิดดู 3041 ครั้ง
ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องดีดี ที่พวกชั่วไม่เคยสำเหนียก
Re: "ยิ่งลักษณ์" ไม่รู้จัก "พระเจ้าอยู่หัว" ?!
ศุกร์ 09 ธ.ค. 2011 11:26 am
อู๊ด อู๊ด เขียน:
ขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องดีดี ที่พวกชั่วไม่เคยสำเหนียก
พักนี้หน้าดูกลมๆนะฮะ น้ำหนักขึ้นหรือเปล่าฮะ
Re: "ยิ่งลักษณ์" ไม่รู้จัก "พระเจ้าอยู่หัว" ?!
ศุกร์ 09 ธ.ค. 2011 12:00 pm
