พุธ 07 ม.ค. 2009 3:13 pm
- trap2.jpg (71.73 KiB) เปิดดู 2991 ครั้ง
วันนี้ขอเล่า*เรื่องเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อาจถูกใจผู้ที่สนใจในทางปาฏิหาริย์
เคยได้เรียนถามหลวงปู่เกี่ยวกับ
หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร ที่เมื่อราวยี่สิบปีก่อนกำลังกล่าวถึงกันมาก หลวงปู่ตอบยืนยันว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรมีอยู่จริง ในสมัยอยุธยา ท่านมีนามว่า
หลวงพ่อคง วัดกุฎีดาว ท่านยังเล่าต่อให้ฟังถึงที่มาของชื่อวัดอีกว่า เพราะหลวงปู่ท่านเหาะเลยไปถึงในวัง ไปเห็นพระสนมกำลังสรงน้ำ พระราชารู้เข้า จึงสั่งทหารไล่ล่าท่าน สุดท้ายพวกทหารตามมาถึงกุฏิ ร้องเรียกให้ท่านออกมา ท่านก็ไม่ยอมออก พวกทหารจึงจุดไฟเผากุฏิ ท่านก็เลยอธิษฐานเหาะไปทั้งกุฏิ กุฏิท่านลอยอยู่ในอากาศ เหมือนอยู่เทียมฟ้า พวกชาวบ้านจึงขนามนามว่าวัดกุฎีดาว นับแต่นั้นมา ทุกวันนี้ วัดกุฎีดาว ยังคงเหลือเพียงซากปรักหักพัง อยู่บริเวณใกล้ทางเข้าวัดมเหยงค์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระเถระอีกท่านหนึ่งที่หลวงปู่ยืนยันว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คือ
พระอุปคุต ผู้ที่มีวิมานอยู่ที่เรียกว่า "สะดือทะเล" ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่าอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต บ่อยครั้งที่ท่านจะฝึกนักปฏิบัติให้มีความว่องไวในเรื่องมโนมยิทธิ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ท่านก็จะให้ขอบารมี
หลวงปู่ทวดนำจิต (กายใน) ไปกราบพระอุปคุตที่สะดือทะเล ซึ่งเด็ก ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรกมักจะกลัวเพราะต้องผ่านน้ำวน ๆ ลงไป ก็จะพบวิมานอยู่ในถ้ำใต้น้ำ มีพญานาคเฝ้าดูแลเป็นทวารบาล
พระอุปคุตมีความสำคัญอย่างมาก ท่านเป็น
"อนุพุทธะ" ผู้ที่ช่วยทำให้ศาสนาพุทธที่เริ่มจะเสื่อมตั้งแต่หลังพุทธกาลเพียงประมาณ ๑๐๐ ปี ให้กลับมั่นคงขึ้นอีก ท่านผลิตพระอรหันต์ขึ้นอีกเป็นเรือนหมื่น จากนั้นท่านก็ไปเข้านิโรธสมาบัติอยู่ที่สะดือทะเล โดยอธิษฐานจะอยู่จนกว่าจะสิ้นพระศาสนาของพระสมณะโคดมองค์ปัจจุบัน
มีข้อสังเกตว่า การจะไปกราบพระอุปคุต หรือองค์ไหน ๆ ก็ดี ท่านให้เริ่มต้นโดยการขอบารมีหลวงปู่ทวดเสมอ ท่านไม่ให้ใช้กำลังจิตตัวเอง และประการที่สอง ท่านมักสรุปภายหลังการไปกราบพระ ว่าเพื่อให้เกิดความเชื่อความเลื่อมใส อันจะเป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางสมาธิและปัญญา มิใช่เพื่อความมัวเมาในฤทธิ์เดชหรือปาฏิหาริย์ต่าง ๆ
*ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่