Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

"ศาลา นารี วิถี คงคา"

เสาร์ 17 ม.ค. 2009 9:27 am

"ศาลา นารี วิถี คงคา ไม่เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด" ดูเหมือนจะเป็นคำเปรียบเปรยของคนเก่าคนแก่ ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดไปจากความจริงเท่าใดนัก อย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งกระโน้น ราวปี2520 ย่างเข้าปีมะเส็ง
ทิดแก้ว เดินทางกลับมาจากไปทำงานที่ตะวันออกกลาง ปีที่สามล่วงมาทิดแก้วให้คิดถึงลูกน้อยและเมียรักเป็นยิ่งนัก ทิดแก้วส่งจดหมายมาบอก ประภา เมียที่อยู่กินกันมาสองปีก่อนที่ทิดแก้วจะไปทำงานที่บาเรน ตะวันออกไกล ด้วยว่าที่นั่นมีแต่ทรายกับอูฐ และคนชาติอื่นที่คอยจะเอาเปรียบคนไทยและคนไทยที่คอยจะหลอกลวงกันเอง ทิดแก้ว ให้แสนคิดถึงบ้านเป็นกำลัง ทิดแก้วกลับมาถึงแผ่นดินเกิดก่อนกำหนด 1อาทิตย์ ลงเครื่องบิน ก็เหมารถมาที่บ้านในกลางดึก บอกให้รถจอดที่หน้าวัด คืนเดือนมืดสงัดแสงเดือน หากแต่ยังพอมีแสงตะเกียงจากด้านบนกุฏิพรอมแพรมลงมาให้เป็นเพื่อนทาง ทิดแก้วเดินเข้าไปกราบรูปปั้นหลวงพ่อสุรินทร์ ด้วยว่าก่อนไปก็ได้มาร่ำลาท่าน หากแต่มิได้ทันได้เห็นหน้าฝากของ หลวงพ่อท่านก็ผ่าพิธีพระราชทานเพลิงศพ(2519)ไปแล้ว จะคงเหลือให้พอคิดถึงก็เพียงรูปปั้นที่ท่านดำริให้สร้างเมื่อคราวฉลองศาลา หลังจากกราบหลวงพ่ออันเป็นที่รักเสร็จ ทิดแก้วก็บ่ายหน้ากลับบ้าน โดยเดินลัดเลาะทุ่งของชาวบ้าน ตัดตรงดิ่งไปยังบ้านที่ตนส่งเงินมาสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ทิดแก้วให้รู้สึกผิดไปเสียในทันที เสียงหมาเห่าเกรียวขึ้น บางตัวจำกลิ่นเขาได้ก็วิ่งมาพันแข้งพันขา แต่ที่ว่าผิดไป เพราะเขารู้สึกว่าเห็นเงาของผู้ชายคนนึงวิ่งออกจากในบ้านไป ทิดแก้วพยายามคิดเป็นอย่างอื่น อาจจะเป็นโขมยหรือโจร พลันคิดได้ก็เป็นห่วงเมียรักและลูกน้อยซึ่งป่านนี้คงจะได้อายุสักสี่ขวบแล้ว วางเป้ลงพื้น นางประภาก็โผล่หน้ามา พร้อมกับแสงตะเกียงในมือ
"พี่แก้ว........."
"ภา.....เอ็งสบายดีหรือ.."
"สบายดีพี่...เข้ามาก่อนซิพี่....เห็นพี่บอกว่ากลับอาทิตย์หน้า ภาไม่ได้เตรียมตัว........"
"เมื่อกี้พี่เห็นมีคนลงมาจากบ้านวิ่งไปทางนู้น....."
"ใครกันพี่ตาฝาดไปรึเปล่า....ฉันนอนอยู่ของฉันคนเดียว..."
"อ้าวแล้วลูกล่ะภา........."
"เอ่อ.....ฉันเอาไปฝากแม่พี่เลี้ยงที่ปลักแรตน่ะพี่.."
"ทำไมล่ะภา...ทำไมถึงเอาไปให้แม่เลี้ยงล่ะ..."
ประภาเมียรักตอบคำถามโดยไม่สบตา ทิดแก้วให้ข่อนใจหนัก รู้สึกว่าอะไรๆไม่เหมือนเดิมซะแล้ว ทิดแก้วฉวยตะเกียงเดินเข้าไปในห้องนอน เขาเลิกมุ้งดู และก็พบว่าสภาพที่นอนเหมือนมีคนนอนอยู่สองคน เพิ่งจะลุกไปสดๆร้อนๆ
"พี่แก้ว..พี่ไม่ไว้ใจฉันเหรอ...."
"ฮึ..ภาบอกพี่มา ว่าใครมันมานอนกับเอ็ง..."
"ก็ๆ......นัง..เอ่อนังเดือนน่ะมันมานอนเป็นเพื่อนฉัน...."
"แล้วมันไปไหน ทำไมต้องวิ่งหนีข้าด้วย....."
ทิดแก้ว จับพิรุธ ประภาเมียรักได้แล้ว ดึงแขนประภาเข้ามาและตะคอกถาม
"บอกมานะใครมานอนกับเอ็ง..ไม่บอกกูจะตบให้ตายคามือ.............ฉาด.........."
เสียงฝ่ามือหนาหนักสัมผัสกับแก้มบางดังสนั่น และทีที่สองสามก็ตามมา จากนั้นก็เป็นอาวุธอื่น จนนางประภาถลาเหมือนนกปีกหัก ฟุบลงบนที่นอน และแล้ว
"พอเถอะแก้ว....ข้าเอง.."
เสียงคนเดินปังขึ้นมาบนบ้าน ชายหนุ่มคนนึงเดินเข้ามา ทิดแก้วเห็นกำพอจะรู้ทันที
"ไอ้เวท....ไอ้เพื่อนทรยศ......"
ทุกอย่างก็แจ้งกระจ่างเมื่อ เวทเพื่อนรักสมัยแก้ผ้าเล่นน้ำด้วยกันมา ประคองร่างประภาเมียรักของเขาขึ้นมากอดเอาไว้ต่างตน น้ำตาลูกผู้ชายที่กำลังจะไหลออกมาหากแต่ ทิดแก้วกลืนมันเอาไว้ในอก
"ชาติชั่วทั้งสองคน....ทั้งไอ้และอี...."
ขาดคำด้วยความโมโห ทิดแก้วหยิบมีดจากมในเป้ออกมาหมายจะเอาเลือดของไอ้และอีทั้งสองล้างตีน หากแต่ช้ากว่า ปืนในมือของไอ้เวทชายชู้ที่ชักออกมาจากชายพก
"ปัง..............."
ร่างของทิดแก้ว กระเด็นออกไป จนชนฝาบ้านดังโครม
"ปัง..............."
เสียงปังที่สองเพื่อต้องการหยุดลมหายใจของทิดแก้ว หากแต่การณ์ไม่เป็นดังคาด ทิดแก้วลุกขึ้นมาในขณะที่ควันปืนในนัดที่สองยังไม่จาง
"ยิงกูไอ้สัตว์เวท...ยิงกูอีก....คราวนี้ทีกูบ้าง....."
"ไอ้แก้ว...มึง......โอ๊ย.........."
มีด้ามไม้ลายสลัก ยาวเกือบฟุต ใบเงาอย่างเกล็ดปลาตะเพียน บัดนี้ครึ่งนึงของมีดปักเข้าไปที่หน้าอกของ ไอ้เวทเพื่อนรักผู้ทรยศ นางประภาพอเห็นชายชู้ถูกมีดของผัวรักลงไปชักดิ้นชักงอ ก็วิ่งออกจากบ้านไป สักพักใหญ่เสียงคนหลายคนเดินขึ้นบันไดมา ทิดแก้ว ตอนนี้ฟื้นสติกลับมา ปล่อยมีดลงพื้น คุกเข่าอย่างทอดอาลัยในชะตาชีวิต
ผู้ใหญ่สุก ผู้แก่ที่ผู้คนในหมู่บ้านให้ความเคารพนับถือ บัดนี้ยืนอยู่ต่อหน้าทิดแก้ว พยักหน้าและเอื้อมมือไปดึงทิดแก้วให้ลุกขึ้น และสั่งการให้คนอุ้มร่างของไอ้เวทลงไปข้างล่าง
"เอ็งไม่ต้องพูดแก้วเอ้ย...ข้าคิดอยู่แล้วว่าถ้าเอ็งกลับมา มันก็ต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นสักวัน..."
หลังจากให้ปากคำกับตำรวจ และเรื่องราวผ่านไปตามกระบวนยุติธรรม ไอ้เวท ชายโฉด ยังไม่ถึงฆาตจากปลายมีดของทิดแก้ว แต่ก็ได้รับกรรมของมันแล้ว เมื่อบาดแผลทำท่าว่าจะไม่หายกลับลุกลามจนใกล้เน่าทั้งๆที่พยายามรักษาอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ส่วนทิดแก้ว เล่าเรื่องทั้งหมดให้ญาติๆและคนแถววัดฟัง มือก็กำเหรียญหมูขวางของหลวงพ่อสุรินทร์เอาไว้
"ข้ารู้สึกว่าต้องตาย ตอนที่ไฟแลบออกจากปากกระบอกปืนของไอ้เวท มันจุกแน่นนไปหมด จนนัดที่สอง เหมือนกลับปลุกความรู้สึกข้ากลับมา จนข้าลุกขึ้นไปแทงมันนั่นแหละ..."
ทิดแก้วชี้ให้ดูรอบปื้นแดงๆจากคมกระสุนลูกโม่.38ของไอ้เวท ซึ่งไม่ได้คารานาผิวของทิดแก้ว หากชาวบ้านเชื่อว่าวันนั้นทิดแก้วไม่ได้แขวนเหรียญหลวงพ่อสุรินทร์ วัดลาดบัวขาว ที่หลวงพ่อมอบให้ก่อนเดินทางไปตะวันออกกลาง ร่างของทิดแก้วคงจะพรุนกระสุนทั้งสองนัดนั้นอย่างแน่นอน ส่วนนางประภา มิดแก้วก็สาปส่งไม่ขอเอากลับมาทำเมียอีก ขอเลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพัง "ศาลา นารี วิถี คงคา" ไม่มีใครเป็นเจ้าของจริงๆ และที่ว่า "ช้างสาร งูเห่าข้าเก่า เมียรัก" ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
แนบไฟล์
1223 002.jpg
1223 002.jpg (148.74 KiB) เปิดดู 2414 ครั้ง

Re: "ศาลา นารี วิถี คงคา"

เสาร์ 17 ม.ค. 2009 9:55 am

:mrgreen: :mrgreen:
แค่ชื่อเรื่องก็กินขาดแร้ววววว....
อ่านแล้วต้องสอนใจเลยครับ "ศาลา นารี วิถี คงคา" ไม่ใช่ของเราจริงๆ
ครอบครองไว้เห็นทีจะต้องมีเรื่อง...จะว่าไปเหรียญหมูขวางนี่มีประสบการณ์
มากเลยนะครับ....แต่ตอนนี้ผมชักสนใจรูปหล่อบูชาขอลหลวงพ่อสุรินทร์ซะแล้ว
รบกวนช่วยลงรูปถ่ายและประวัติคร่าวๆ หน่อยครับ จักขอบพระคุณมาก
:ilu: :ilu:

Re: "ศาลา นารี วิถี คงคา"

เสาร์ 17 ม.ค. 2009 10:12 am

ขอบคุณครับคุณศิษย์กวง รูปหล่อบูชามีแต่ไม่ทันท่านครับ ที่ทันก็จะเป็นเนื้อปูน เท่าที่พบก็จะชำรุดทั้งนั้นครับ คุณศิษย์กวงสบายดีนะครับ :D

Re: "ศาลา นารี วิถี คงคา"

เสาร์ 17 ม.ค. 2009 10:22 am

:P :P
ขอบคุณครับ ผมสบายดีตามอัตภาพที่ค่อนข้างอัตคัตแหละครับ :lol:
ช่วงนี้คิดถึง "หลวงปู่มี" และเพื่อนๆ(ร้านพี่ช้าง) ชมัดเลย
:cry:

Re: "ศาลา นารี วิถี คงคา"

เสาร์ 17 ม.ค. 2009 12:14 pm

:ydie: :ydie: :ydie: (ไอ้) เวทททททท

:mrgreen:

Re: "ศาลา นารี วิถี คงคา"

อาทิตย์ 18 ม.ค. 2009 12:39 am

อู๊ด อู๊ด เขียน::ydie: :ydie: :ydie: (ไอ้) เวทททททท

:mrgreen:

....................
:agy: เดี๋ยวเถอะ ล้อเลียนผู้ใหญ่....
:lol: :lol:
ตอบกระทู้