นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 27 พ.ย. 2024 1:06 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 22 ม.ค. 2009 9:32 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 16 ก.ย. 2008 11:16 am
โพสต์: 94
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุตตโม) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ต.ส่องดาว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พระอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาสูงล้ำ
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


อุตตโมre1.jpg



สมัยผมยังเด็ก มันเด็กไปหมดทั้งกำลังร่างกาย และความนึกคิด ทั้งที่ชอบเรื่องทุกเรื่องอันจะเกี่ยวกับพระ ก็ยังมีพระกลุ่มหนึ่งที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย คือพระในสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ไม่ชอบทั้งหมด

ผมคิดของผมไปว่า ท่านเห็นแก่ตัว เอาแต่บำเพ็ญภาวนาจนสำเร็จแล้วหนีไปตัวใครตัวมัน พระเครื่องของขลังก็ไม่ยอมทำทั้งที่ตัวเองก็เก่ง หรือบางทีคงไม่เก่งละมังเลยไม่กล้าสร้าง สู้พระอย่างหลวงพ่อเดิม หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อจง ก็ไม่ได้

คิดได้น่ารักดีมะ

โง่ขนาดที่กล้าเถียงใครต่อใครว่า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พอคู่กรณีถามเหตุผลว่า ทำไมจึงคิดอย่างนั้น ก็ตอบฉาดฉาน

หลวงปู่แหวนดังกว่า!

คนเถียงถึงแก่ ‘อึ้งกิมกี่’ ตะแกคงนึกไม่ถึงว่า ‘อ้ายเด็กบ้า’ นี่มันจะบ้าจริง ๆ ก็จริงไหมล่ะ ใคร ๆ ก็รู้จักหลวงปู่แหวน แต่พอถามถึงหลวงปู่มั่น ก็ส่ายหน้ากันโม้ด

ชนะ(แบบโง่) เห็น ๆ

จนวันนี้ วันที่แก่ไปหมดทั้งกำลังร่างกายและความนึกคิด ทั้งที่ชอบเรื่องทุกเรื่องอันจะเกี่ยวกับพระ ก็ยังมีพระกลุ่มหนึ่งที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย คือพระที่มุ่งแต่ซื้อ-ขายพระ ไม่สนใจเป้าหมายอันเลิศ คือความพ้นทุกข์

ไม่รู้คิดแบบโง่ ๆ อีกหรือเปล่า

‘สุปฏิปันโน’ ที่เป็นศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมีมากมายหลายร้อยองค์ ในหลายร้อยองค์นั่นก็มีหลายแบบ ทั้งปรากฏชื่อลือชาไปทุกหย่อมหญ้าของแดนสยามดัง หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หรือ ก้องกำจายไปทั่วโลกดัง หลวงพ่อชา สุภัทโท แม้กระทั่งไม่มีใครรู้จักเลยตั้งแต่เกิดขึ้นจนดับไปอย่าง หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล ก็มี

นั่นในแบบบารมีด้านชื่อเสียง ส่วนบารมีด้านขลังยังไม่รู้จะชี้ชัดที่ใคร เพราะส่วนใหญ่ไม่นิยมสร้างวัตถุของขลัง จึงทำให้ผมมองไปว่าท่านคงเก่งแต่ ‘บุ๋น’ ไม่เก่ง ‘บู๊’ ใครหลายคนที่ผมรู้จักก็คิดดังนี้

แท้จริงไม่ใช่เลย

ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ถือได้ว่าเป็นศิษย์รุ่นเล็กของท่านพระอาจารย์มั่น ได้อยู่ปรนนิบัติและรับการอบรมจากท่านพระอาจารย์ใหญ่ เมื่อคราวที่ท่านมาพำนักอยู่ ณ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส บ้านหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นการอยู่อย่าง ‘เป็นที่เป็นทาง’ ชนิดยาวนานที่สุดตั้งแต่เป็นพระของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นด้วยเวลาถึง 8 ปี

ในการนี้ท่านพระอาจารย์วัน ได้มาอาศัยอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น 5 ปี นอกจากท่านพระอาจารย์วันที่ได้อุปัฏฐากอย่างใกล้ชิดที่สุดแล้ว ก็ยังมี หลวงปู่หล้า เขมปัตโต แห่งภูก้อจ้อ ด้วยอีกท่านหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่หล้ากับท่านพระอาจารย์วันนั้น เรียกว่าเป็นแม่แบบของการอุปัฏฐากครูบาอาจารย์เลยทีเดียว

เมื่อสิ้นท่านอาจารย์ใหญ่ ในปี พ.ศ.2492 ท่านพระอาจารย์วันก็ออกธุดงค์ไปเรื่อย โดยยึดหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง เป็นหลักชัยต่อมาจากองค์พระอาจารย์ใหญ่

จนเมื่อท่านเที่ยววิเวกมาพบ ‘ถ้ำพ่อคำพา’ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนภูผาเหล็ก จ.สกลนคร ท่านจึงได้พักบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่นั้น และที่สุดก็ได้ตัดสินใจสร้างเป็นวัดขึ้นมา

มีเกร็ดเล็กน้อยเล่าสู่กันฟัง กล่าวคือ เป็นที่ทราบกันดีในหมู่พระกัมมัฏฐานว่า ครูบาอาจารย์แต่ละองค์เมื่อท่านตกลงใจจะสร้างวัดเพื่ออยู่เป็นการถาวร ณ ที่ใด แทบร้อยทั้งร้อย ท่านบอกว่า

‘สำนึกในบุญคุณ’ ของสถานที่นั้นในที่สุด

‘สำนึกในบุญคุณ’ มีความหมายว่า ท่านแต่ละองค์ ๆ จบกิจพระศาสนาลงที่แห่งนั้นนั่นเอง
ใครจะรู้ได้ว่าท่านอาจารย์วัน ‘จบกิจ’ ที่ใด ด้นเดากันก็ได้เพียงน่าจะเป็นที่แห่งนี้ ท่านอาจารย์เองก็เคยเล่าว่าที่ถ้ำพวงนั้น มีพระอรหันตเจ้านามว่า ‘นรสีห์’ มานิพพานนานแล้วในอดีต

ผมคิดเอาว่า “มีท่านอีกสักองค์ จะเป็นไรไป”

เมื่อท่านอาจารย์วันมาอยู่ถ้ำอภัยดำรงธรรมใหม่ ๆ ในปี พ.ศ. 2504 ลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังเริ่มมีบทบาทและขยายตัวจนกว้างขวางมากยิ่งขึ้นในปี พ.ศ. 2507 บริเวณถ้ำอภัยดำรงธรรมที่ท่านอาจารย์อยู่ถูกทางการกำหนดให้เป็นพื้นที่สีแดง

ปกติลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นลัทธิที่ไม่นับถือศาสนาใด ๆ ในโลก เมื่อพวกเขาพบพระและไม่เชื่อว่าเป็นพระ โดยมั่นใจว่าเป็นสายลับของทางราชการเขาจะยิงทิ้งทันที มีพระธุดงค์มากมายที่ต้องมรณภาพเพราะพวก ‘ปลดแอกประชาชน’

ในเมื่อคอมมิวนิสต์ไม่นับถือพระ แล้วเหตุไฉนท่านอาจารย์วันจึงไปอยู่ในดงคอมมิวนิสต์ได้ หนำซ้ำพวกคอมมิวนิสต์ยังให้ความเคารพอีกต่างหาก สายลับของราชการจึงเข้าใจว่าท่านน่าจะเป็น

‘หัวหน้าคอมมิวนิสต์’

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ ๆ ขณะที่ท่านอาจารย์และคณะศิษย์ประกอบด้วยพระ-เณร กับญาติโยมบางส่วนกำลังเดินเท้ากลับจากงานสวดมนต์เย็นที่บ้านส่องดาว
พอออกจากหมู่บ้านเข้าป่าได้ราว 200 เมตร ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากแนวป่าว่า

“หยุด”

ท่านอาจารย์ที่ถือตะเกียงนำหน้าอยู่ก็หาหยุดไม่ คงนำหมู่คณะเดินต่อไปอย่างสงบ เสียงตะโกนซ้ำเข้ามาอีกว่า

“หยุด”

ท่านยังคงเดินเหมือนไม่ได้ยิน และแล้วเสียงต่อมาก็คือ ปืนเอ็ม.16 รัวดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งป่า ผสมผเสกับเสียงปืนอาการ์จนแทบแยกไม่ออก

พระและชาวบ้านถลาทรุดตัวลงหมอบ ใจคิดแต่ว่าตายเสียแล้ววันนี้ เณรองค์หนึ่งถึงกับวิ่งไปกอดขาท่านอาจารย์แน่น

ผู้อยู่ในเหตุการณ์ท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ทหารรัวปืนใส่กลุ่มท่านอาจารย์เป็นแนวครึ่งวงกลม น่าอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลูกปืนที่วิ่งแดงเป็นเส้นพุ่งตรงออกจากปากกระบอกแล้วก็พลันหยุดกึกห่างจากองค์ท่านอาจารย์ราว 5 เมตร เหมือนลูกกระสุนกระทบกับบางสิ่งที่มองไม่เห็นก่อนที่จะตกลงมาแดงยังกับถ่านไฟอยู่บนดินรอบ ๆ ท่าน กว่าเสียงปืนจะสงบก็เล่นเอาหูอื้อเลยทีเดียว

ครั้นทหารที่ลอบยิงเห็นเหตุการณ์กับตาลปัตรเช่นนี้ก็พากันร้องเอะอะแล้ววิ่งหนีหายเข้าป่าไปหมดสิ้น

นี่คือจิตที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่งยวด

เมื่อเรื่องนี้ถูกรายงานขึ้นไปจนถึงผู้บัญชาการสูงสุดในสมัยนั้น จึงแต่งตั้งให้ พลเอกบุญเสริม อายุวัฒน์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้นำเครื่องบูชาไปขอขมาท่านพระอาจารย์วันถึงถ้ำอภัยดำรงธรรม

พลเอกบุญเสริม เล่าให้ผมฟังว่า เมื่อท่านได้รับคำสั่ง ท่านก็ตระเตรียมของแล้วออกเดินทางไปยังภูผาเหล็กเพื่อเข้ากราบท่านอาจารย์ ทั้งนี้โดยมิได้แจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า เมื่อถึงวัดก็ขอเข้าพบปรากฏว่าท่านพระอาจารย์นั่งคอยอยู่ที่กุฏิ มีน้ำท่าและเสื่อปูรออยู่ก่อนแล้ว

เหตุนี้ยิ่งทำให้ท่านนายพลเกิดความยำเกรงในอำนาจจิตท่านมากขึ้น เมื่อกล่าวคำขอขมาจึงออกมาจากใจอย่างแท้จริง ทั้งที่พลเอกบุญเสริมไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องในครั้งนี้เลย

คราวหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปนมัสการท่านพระอาจารย์วันถึงวัด และท่านพระอาจารย์ได้นำในหลวงเสด็จทอดพระเนตรทั่วบริเวณ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งบนเขาสามารถมองเห็นพลับพลาที่ด้านล่าง และจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ได้
พลันท่านอาจารย์ก็หายองค์ไปจากเบื้องพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วไปปรากฏองค์ที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ข้างล่าง ไม่นานนัก ท่านก็กลับมายืนข้าง ๆในหลวงอีก
เหตุการณ์นี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาในองค์ท่านอาจารย์มากขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ใช่ว่าท่านอาจารย์จะอวดอุตริฯ แต่อย่างใด

ศิษย์ใกล้ชิดท่านอาจารย์วันเล่าให้ฟังว่า ขณะที่ท่านอาจารย์มองไปที่ลานคอปเตอร์ ท่านก็วิตกขึ้นมาว่าข้างล่างจะจัดของไปถึงไหน ตระเตรียมอะไรเรียบร้อยหรือไม่ นึกอยากไปดู จบความคิดท่านก็ไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น ตรวจงานสั่งงานเสร็จ ท่านก็รู้ขึ้นมาว่าในหลวงยังทรงรับสั่งกับท่านไม่เสร็จ มีพระราชประสงค์จะมีพระราชดำรัสอีก

ท่านก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นเอง

ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม ถึงแก่มรณภาพด้วยเครื่องบินตก พร้อมกับพระมหาเถระอีก 4 รูปคือ

1. หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
2. ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
3. ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
4. ท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

ใคร ๆ ก็ว่าท่านไม่เก่ง กล่าวหาว่าท่านเองยังคุ้มตัวเองไม่ได้แล้วเหรียญของท่านจะไปคุ้มครองป้องกันใครได้

คนพูดไม่ใช่คนศึกษาธรรม คนพูดไม่เชื่อเรื่อง ‘กรรม’

ขนาดภิกษุองค์หนึ่งในสมัยนั้นถึงกับบอกว่า การที่ท่านตายโหงเยี่ยงนี้ ทำให้วิญญาณพระทั้งหมดต้องติดอยู่กับที่เกิดเหตุไปเกิดไม่ได้ ร้อนถึงตัวท่านต้องไปแผ่เมตตาให้จึงหลุดออกไป เกิดดี มีสุข
แผ่ไปแผ่มาท่านเองเลยต้องห่มเขียวแล้วบินไปแผ่ต่อที่อเมริกา

ไปดีมีสุขแท้ ๆ

หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมตตาเล่าให้ฟังถึงบุพกรรมในกาลก่อนที่ทำให้พระอริยเจ้าทั้ง 5 องค์ ต้องเครื่องบินตก

ในอดีตชาติที่นานเนมาแล้ว ท่านทั้ง 5 เกิดในสกุลชาวนาที่ยากจน ต้องขวนขวายหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ ทั้งห้าคนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมา เมื่อยังเด็กได้จูงควายออกไปเลี้ยงพร้อมกัน ผูกควายกันแล้วก็พากันเล่นและออกหากบเขียดไปเป็นอาหารประสาจน

ทีนี้ 1 ใน 5 เกิดไปเห็นรังนกเข้า ก็ช่วยกันหาไม้เขี่ยรังนกให้ตกลงมาเพื่อหวังเอาไข่นกไปกิน แต่เมื่อรังนกตกลงมากลับกลายเป็นลูกนก 3 ตัวแล้วตายสิ้น ไม่ใช่ไข่นกดังที่เข้าใจ

ด้วยวิบากกรรมอันนี้ส่งผลให้ท่านทั้ง 5 ต้องตกจากที่สูงมามรณภาพ

ในเครื่องบินลำนั้นมีคุณหญิงท่านหนึ่งกลับจากไปปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์จวนมาด้วย ท่านเลยมาสิ้นชีวิตพร้อมกัน

ในอดีต ขณะที่เด็กชายทั้ง 5 กำลังเขี่ยรังนกอยู่นั้น เด็กหญิงลูกชาวนาผู้เป็นน้องสาวของ 1 ใน 5 คนก็มายืนเชียร์อยู่ข้าง ๆ

“จะหล่นแล้ว...จะหล่นแล้ว”

โดยเธอไม่ได้ลงมือทำ

เด็กหญิงในภพนั้นคือคุณหญิงในภพนี้

ก็เพียงมีจิตคิดยินดีในการประกอบอกุศลกรรมของผู้อื่น วิบากนั้นยังส่งผลมาให้เกิดในภพชาติเดียวกัน บันดาลให้ไปตกเครื่องบินพร้อมกัน

แล้วถ้าทำเองเล่า

ถึงตรงนี้ หลวงปู่หลุยก็สั่งว่า อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว
วัน ๆ ผมมีทั้งยินดียินร้ายไปทั่ว ชอบใจก็ชมมันไป เกลียดอยู่แล้วก็สมน้ำหน้ามันไป ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะได้เกิดเป็นตัวอะไร

ฉะนั้น เมื่อท่านหาวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์วันได้แล้ว ก็เชิญเอามาแขวนเถิดแล้วนึกถึงบุพกรรมของท่านอาจารย์ไว้บ้าง ขนาดเส้นเกศาเป็นพระธาตุ กระดูกเป็นพระธาตุ ยังต้องใช้กรรมโดยเครื่องบินตก แล้วเกศาเป็นเกศา กระดูกเป็นกระดูกอย่างเราจะเหลืออะไรล่ะครับ...

ถ้าไปทำแต่กรรมชั่ว


“จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ”
ธัมมวิตักโกภิกขุ


บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 กรกฎาคม 2540


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 22 ม.ค. 2009 10:59 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณมากครับ ที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าลงมือพิมพ์เรื่องมาโพสท์ให้ศรัทธาสาธุชนได้อ่านกัน ขออวยพรให้ได้พระเครื่องของท่านพระอาจารย์วันเยอะ ๆ นะขอรับ :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 11:22 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ขอบพระคุณฮะ

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 11:47 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
สมัยก่อนตอนยังไม่ค่อยชอบพระ ได้ยินข่าวนี้แว่วๆ ผมก็คิดลบอย่างบทความจริงๆ จนวันหนึ่งเริ่มอ่านหนังสือพระแล้วและได้อ่านบทความนี้จึง
ถึงบางอ้อ.....ขอบคุณข้อมูลครับ ;)

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 11:51 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 24 พ.ย. 2008 4:51 pm
โพสต์: 613
คำนี้ทำให้ผมได้คิดครับ
"ขนาดเส้นเกศาเป็นพระธาตุ กระดูกเป็นพระธาตุ ยังต้องใช้กรรมโดยเครื่องบินตก แล้วเกศาเป็นเกศา กระดูกเป็นกระดูกอย่างเราจะเหลืออะไรล่ะครับ..."
และคำนี้สอนให้ผมคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องชดใช้กรรมที่เราเคยทำไว้ แต่ถ้าต้องตาย
ก็ควรตายอย่างมนุษย์ที่มีคุณค่า ไม่เสียแรงที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาและได้เกิดมาเป็นมนุษย์

_________________
"ความทุกข์มันเข้ามาได้เพราะเราไม่ภาวนา เมื่อภาวนาแล้ว มันก็หมดลง"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 2:18 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
เห็นด้วยกับคุณ hunztong ครับ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 3:54 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
กลัวจังตอนเด็กๆมีวีรกรรมทำนองนี้เหมือนกัน เศร้าใจ

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 4:46 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
เด็กลึกลับ เขียน:
ขอบพระคุณฮะ



:?: :?: :?:

มาจากไหนเนี่ย :x

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 4:50 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
อ่านบทความนี้.............. แล้วย้อนถามตัวเราเองว่า

เราทำบุญกันพอแล้วหรือครับ :pry:

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 23 ม.ค. 2009 11:44 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 16 ก.ย. 2008 11:16 am
โพสต์: 94
:D :D
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:
ขอบพระคุณมากครับ ที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าลงมือพิมพ์เรื่องมาโพสท์ให้ศรัทธาสาธุชนได้อ่านกัน ขออวยพรให้ได้พระเครื่องของท่านพระอาจารย์วันเยอะ ๆ นะขอรับ :lol:
สาธุ ขอให้สมหวังดั่งคำอวยพรโดยเร็วพลันด้วยเถิด


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO