ประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณของ พล.ท.สมาน วีระไวทยะ ตอน ปู่เจ้าสมิงคา (ทวดเสือ) เทพเจ้าผู้ปกปักรักษาภาคใต้ ถ่ายทอดโดยคุณทองทิว สุวรรณทัต ท่าน พล.ท.สมาน วีระไวทยะ ซึ่งรู้จักและให้ความเมตตาแก่ผู้เขียนประดุจพี่ที่มีต่อน้องมาช้านาน และท่านได้ถึงแก่ อนิจกรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในคืน
วันที่ 10 มีนาคม 2529 นั้น เป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติธรรมมาเกือบตลอดชีวิตของท่าน และผลจากการปฏิบัติธรรมของท่าน ทำให้สามารถติดต่อกับเทพชั้นสูงได้ทุกเวลาจนสามารถช่วยชีวิตของผู้ที่ทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยมาหลายสิบราย ทั้งสามารถขจัดภัยอันตรายอันพึงมีบังเกิดแก่ผู้อื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท่าน พล.ท.สมาน วีระไวทยะ ได้ช่วยท่านผู้หนึ่งให้ฟื้นจากความหายนะอย่างมหัศจรรย์ โดยได้ติดต่อกับ ปู่เจ้าสมิงคา เทพผู้ปกปักรักษาภาคใต้ด้วยการนั่งสมาธิ จึงขอเชิญท่านที่สนใจติดตามอ่านบันทึกของท่านได้ ณ บัดนี้
อาคันตุกะยามวิกาลเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม
พ.ศ. 2510 ได้มีบุคคลหนึ่งไปขอพบข้าพเจ้าที่บ้านพักในตอนกลางคืน เวลาประมาณ 20.00 น. และแนะนำตนเองว่าชื่อ
สวัสดิ์ กนกวิจิตร มีบ้านพักและกิจการทางธุรกิจต่าง ๆ อยู่ทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ไปจนถึง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี ตอนแรกข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆ คุณสวัสดิ์ก็มาหาข้าพเจ้าทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
แต่เมื่อสังเกตดูก็รู้สึกว่าเป็นคนดี พอคบหาสมาคมกันได้ ประกอบกับ คุณสว่าง กนกวิจิตร ผู้พี่ที่มากับคุณสวัสดิ์เป็นคนที่ดูออกจะสงบเสงี่ยมหงิมและซื่อ ๆ อยู่มากเมื่อพิจารณาดูทั้งคุณสวัสดิ์และคุณสว่าง สองพี่น้องนี้โดยถี่ถ้วนแล้วสัญชาตญาณแห่งการคุ้มครองป้องกันภัยก็บอกว่า เป็นบุคคลที่คบได้ทั้งคู่ ด้วยประกายแห่งดวงตา บ่งบอกความซื่อสัตย์และเสียสละ ไม่คิดจะเอาแต่ได้ของ ตนฝ่ายเดียว
เมื่อข้าพเจ้าสอบถามเรื่องราวหรือธุระที่ต้องการมาพบข้าพเจ้าอย่างเจาะจง ก็ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพี่น้อง 2 ท่านนี้มาดีและคงต้องเป็นคนดีแน่ ๆ เพราะข้าพเจ้าได้รับคำตอบว่า
คุณสาย รัตนสมบัติ (พี่สาย) กับ คุณจรูญ ประกาศสุขการ(รองอธิบดีกรมสรรพสามิตสมัยนั้น) ซึ่งทั้งสองท่านนี้เคยขอให้ช่วยเรื่อง บริษัทสุรามัชการ สาขาเชียงใหม่ เกี่ยวกับท่านท้าวรณกาจพนาสูรย์ เป็นผู้แนะนำให้มาข้าพเจ้าจึงยินดีจะช่วยเต็มสติปัญญา ความรู้ และเต็มกำลังความสามารถ
ดังนั้น หลังจากที่ได้สนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศกันพอหอมปากหอมคอตามธรรมเนียม และแถมท้ายด้วยการยกย่องในความรู้ ทั้งทางนอกทางในกันพอสมควรแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอให้คุณสวัสดิ์ มิตรใหม่ของข้าพเจ้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาให้ฟัง เพื่อประกอบกับการพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามความรู้ความสามารถและสติปัญญาของข้าพเจ้าต่อไป ซึ่งต่อไปนี้ เป็นไปตามคำบอกเล่าอย่างละเอียดของคุณสวัสดิ์ แต่ข้าพเจ้าตัดทอนเอามาประกอบเรื่องตามที่เห็นว่าเหมาะสม เพื่อให้เรื่องปะติดประต่อกันได้ โดยคุณสวัสดิ์ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังตามบันทึกการสนทนาดังนี้
ความทุกข์ของนักธุรกิจชาวใต้คุณสวัสดิ์ : เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา กิจการค้าที่เคยรุ่งเรื่อง ได้เกิดประสบความผิดพลาดล้มเหลวอย่างไม่เคยนึกฝันว่าจะเป็นมาก่อน ความผิดพลาดล้มเหลวในครั้งนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายมากมายทั้งเงินทองและทรัพย์สิน ถ้าจะคิดเป็นมูลค่าก็ประมาณ 5-6 ล้านบาท โดยเฉพาะกิจการ โรงงานต้มกลั่นสุรา และโรงเลื่อย (ไฟไหม้)
เป็นการสูญเสียอย่างหนักจนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญกันอยู่มากในหมู่นักการค้าและนักธุรกิจทาง ภาคใต้ ในขณะนี้กำลังคิดกอบกู้ความเสียหายและภัยพิบัติให้กลับคืนเข้าสู่สภาพดังปกติเหมือนเช่นแต่ก่อน หากแต่ว่าจะทำอะไรหรือประกอบกิจการอะไรดูมันมืดมนติดขัดไปเสียหมดทุกอย่าง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดดูเหมือนโชคชะตามันช่างกลั่นแกล้งเสียจริง ๆ ไม่รู้ว่ามันจะถึงคราวเคราะห์อะไร
และตามธรรมดาแต่ไหนแต่ไรมา ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง ไม่ใคร่เชื่อดวงชะตาหรือโชคเคราะห์อะไร เพราะเคยบุกบั่นฟันฝ่าชีวิตมามากตั้งแต่เป็นเด็ก หนุ่ม ๆ มาถึงบัดนี้จนอายุจะเกือบ 50 เข้านี่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สำเร็จมาด้วยดี เพิ่งจะมาประสบความสูญเสียใหญ่หลวงกันครั้งนี้เอง
และทั้งที่ได้พยายามกอบกู้มาเกือบ 2 ปีแล้วดูมันยังไม่ใคร่มีอะไรกระเตื้องขึ้นเลยทาง คุณสาย และ คุณจรูญ เห็นใจและสงสารผมมาก จึงแนะนำว่าให้ลองมาหาท่าน และขอรับคำปรึกษาหารือจากท่านดูว่า ท่านพอจะมีหนทาง ช่วยเหลืออะไรได้บ้างเพื่อจะได้นำไปแก้ไขสถานการณ์ เผื่อจะคลี่คลายไปในทางดีได้บ้างนึกว่าขอให้ช่วยผมด้วย ผมจะไม่ลืมบุญคุณ ท่านเลยเป็นอันขาด
ข้าพเจ้า : ผมได้ฟังเรื่องจากคุณแล้วรู้สึกสงสารและเห็นใจคุณมาก ใจจริงนั้นผมอยากจะช่วยคุณ เพราะผมได้เคยช่วยคนมามากแล้ว ถ้าเรื่องอะไรที่ไม่เกินความสามารถของผมแล้วผมจะพยายามช่วยสุดกำลังและฝีมือเสมอ ทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่ว่าการช่วยนั้น เมื่อได้ผลสำเร็จแล้วผมก็ไม่ได้ดิบได้ดีอะไรขึ้น ตรงกันข้ามกลับถูกตำหนิติเตียน ถูกนินทาเสียอีก แต่ช่างเถอะ ผมไม่ถือ เพราะจะไปห้ามเขาหรือใคร ๆ ไม่ให้นินทานั้นไม่ได้ ด้วยพระพุทธองค์ท่านทรงตรัสเป็นพุทธภาษิตไว้ว่า นตุถิ โลเก อนินฺทิโต ไม่มีใครในโลกที่ไม่ถูกนินทา แต่เมื่อผมได้ตัดสินใจจะช่วยคุณแล้ว ก็ต้องช่วยจนได้ ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหา ใครจะนินทาว่าร้ายหรือจะตำหนิติเตียนอย่างไรก็ช่างเขา เราจะไปห้ามเขาไม่ได้
มูลเหตุแห่งเคราะห์กรรมเมื่อข้าพเจ้ารับปากกับคุณสวัสดิ์แล้ว จึงเริ่มทำจิตให้สงบเป็นสมาธิแล้วใช้กระแสจิตตรวจสอบเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนตรวจดูสถานที่ที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของคุณสวัสดิ์ รวมทั้งตรวจสาเหตุแห่งความผิดพลาดล้มเหลว จนก่อให้เกิดความสูญเสียรายได้และทรัพย์สินเป็นมูลค่ามากมาย
ก็ได้ทราบว่า เหตุทั้งหลายเกิดขึ้นเนื่องจากถึงคราวที่จะต้องประสบเคราะห์กรรมตามชะตาลิขิตของตัวคุณสวัสดิ์เอง ทั้งเป็นคราวเคราะห์ที่แรงมาก จึงต้องประสบความเสียหายอย่างใหญ่หลวงถึงเช่นนั้น ยังดีแต่เจ้าตัวไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตหรือเจ็บป่วยรุนแรง ซึ่งความจริงแล้วตามเกณฑ์ชะตาจะต้องประสบอุบัติเหตุหรือเกิดการเจ็บป่วยอย่างหนัก แต่ที่รอดพ้นมาได้ก็เพราะมี
วิญญาณของเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งคอยติดตามคุ้มครองช่วยเหลืออยู่ตลอดมา จึงทำให้คุณสวัสดิ์ ปลอดภัยเรื่อยมาจนถึงขณะนี้
แต่เกณฑ์เคราะห์อันร้ายแรงก็ยังหาได้หมดไปไม่ ยังคงมีอยู่อีก จึงต้องหาหนทางป้องกันและขจัดปัดเป่าให้พ้นไป หรือผ่อนหนักเป็นเบาจนกว่าจะถึงเวลาสิ้นเคราะห์กรรม ซึ่งยังกินเวลาประมาณ 2 ปี จึงจะหมดเคราะห์ เมื่อปรากฏเรื่องราวดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าจึงแจ้งให้คุณสวัสดิ์ทราบเพื่อฟังความคิดเห็นและข้อตกลงใจของคุณสวัสดิ์ว่าจะมีอย่างไร และยังได้บอกให้คุณสวัสดิ์ทราบด้วยว่า วิญญาณศักดิ์สิทธ์ดวงนั้นมีความสัมพันธ์กับชีวิตในปัจจุบันของคุณสวัสดิ์มาตั้งแต่ในอดีตชาติ และด้วยความห่วงใยผูกพันธ์กับคุณสวัสดิ์จึงได้ติดตามมาคอยให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือแก่คุณสวัสดิ์อยู่ทุกระยะตลอดมา
ในชาติปัจจุบันถ้าคุณสวัสดิ์ต้องการอยากทราบเรื่องอะไร หรือต้องการติดต่อกับดวงวิญญาณเทพผู้ศักดิ์สิทธ์องค์นั้น ข้าพเจ้าก็ยินดี ที่จะรับเป็นสถานีสื่อกลางให้โดยทางสมาธิจิต
(ไม่ใช่เข้าทรงเพราะข้าพเจ้ารับทรงไม่ได้ และไม่เคยคิดที่จะเป็นคนทรงหรือร่างทรงของวิญญาณใด ๆ ทั้งสิ้น)รู้สึกว่าเมื่อได้ทราบข่าวนี้ทำให้คุณสวัสดิ์ดีใจและตื่นเต้นมาก
คุณสวัสดิ์ : ผมเองก็รู้สึกประหลาดใจมานานแล้วว่า ทุกครั้งที่จะมีเหตุการณ์ อะไรเกิดขึ้นกับตัวผม ผมมักจะได้ยินหรือรู้ถึงเหตุการณ์นั้นล่วงหน้าอยู่เสมอซึ่งบางทีก็ได้ยินเหมือนกับมีคนมากระซิบบอกที่หู หรือบางทีก็เกิดฝันเห็น หรือฝันว่ามีคนมาเตือนล่วงหน้าแต่ผมมันเป็นคนมีนิสัยไม่ใคร่จะเชื่ออะไรได้ง่าย ๆ นักจึงมักจะไม่เชื่อ แต่ครั้นแล้วก็ปรากฏว่าเกิดเรื่องขึ้นทุกครั้ง ตามที่ได้รู้ได้ฝันนั้นเสมอมา
และก็แปลกอีกเหมือนกันในข้อที่ว่า ทุกครั้งที่มีเหตุเกิดขึ้น จะดูรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครก็ไม่ทราบมาช่วยคุ้มครองป้องกัน หรือคอยปัดเป่าให้หนักเป็นเบาไว้เสมอ ยกเว้นเรื่องไฟไหม้โรงเลื่อยกับโรงงานสุราขาดทุน ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปหรือเกิดขึ้นได้ แต่มันก็เกิดขึ้นมาและเป็นไปแล้ว ทำให้ผมต้องได้รับความเสียหายอย่างมากมายเหลือเกิน
เมื่อได้ทราบเรื่องราวจากท่านเช่นนั้น ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกและค่อยเบาใจลงไปมากเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปลูกหนึ่งใหญ่ ๆ ยิ่งได้ทราบว่า ผมมีวิญญาณเทพผู้ศักดิ์สิทธ์โปรดกรุณาคอยติดตามช่วยเหลือคุ้มครองอยู่ ผมก็ยิ่งเบาใจและปลาบปลื้มปีติยินดีอย่างยิ่ง ถ้าท่านจะกรุณาแล้ว ผมอยากจะติดต่อกับดวงวิญญาณเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีพระคุณช่วยชีวิตผมองค์นั้นอย่างมาก เพื่อจะได้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันระหว่างผมกับดวงวิญญาณเทพองค์นั้น และผมจะได้ทราบความ ต้องการเพื่อสนองพระคุณของท่านเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระคุณกับชีวิตผม หากท่านจะกรุณาและไม่รังเกียจแล้ว ขอได้ช่วยผมให้มีโอกาสได้ติดต่อกับเทพวิญญาณองค์นั้นด้วย
ข้าพเจ้า : เอาล่ะ เมื่อผมรับปากว่าจะช่วยแล้วผมก็ต้องช่วย เพื่อคุณจะได้ตั้งตัวใหม่และเจริญรุ่งเรื่องยิ่งกว่าเก่า แต่อย่าใจร้อนรีบรวยลัดรวยเร็ว เพราะทุกอย่างมันจะต้องเดินไปตามจังหวะเวลาและกฎเกณฑ์แห่งชะตาชีวิต
สมเด็จอาจารย์ (หลวงพ่อโตพรหมรังสี วัดระฆัง) ของผมท่านสั่งสอนและพูดเสมอว่า
“ลูกเอ๋ย เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าก็ไม่ได้ ครั้นถึงเวลาแล้ว ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่”
อนึ่งเล่า “ผลไม้คาต้น คนชิงสุกก่อนห่าม ถึงจะเอาไปบ่มไปทำอย่างไรมันก็กินไม่ได้”
นี่แหละเป็นข้อควรจำ ควรประพฤติปฏิบัติและรักษาไว้ในดวงใจ อย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน อย่าไปเร่งให้ผมไม้สุกก่อนห่าม จะเสียการ
อัญเชิญเทพวิญญาณเมื่อคุณสวัสดิ์รับคำและยืนยันว่าจะปฏิบัติตามแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เชิญวิญญาณเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์องค์นั้นทันที ด้วยการเข้าสู่สมาธิติดต่อทางกระแสจิตอันแรงกล้า บัดดลก็ปรากฏเป็นเงาดำ ในรูปคนมายืนอยู่ทางด้านขวามือของข้าพเจ้า แล้วเงานั้นก็ค่อย ๆ ปรากฏเป็นร่างของชายชราผู้หนึ่ง ศีรษะเถิกผมบาง แต่ยาวเลยบ่าลงไปเล็กน้อย สีขาวราวกับเส้นไหมสีเงิน ใบหน้าค่อนข้างสี่เหลี่ยม มีเคราสีขาวที่ลูกคาง รูปร่างสันทัดดูล่ำสัน ผิวคล้ำ เป็นชาวทะเล นุ่งผ้าขาวแบบพระภิกษุนุ่งสบง มีผ้าขาวห้อยสไบเฉียง ไหล่ขวามีย่ามสีขาวเก่า ๆ ห้อยอยู่ใบหนึ่ง มือขวาถือสังข์สำหรับเป่า มือซ้ายถือไม้เท้า ยืนเท้าเปล่า รูปร่างทะมัดทะแมง เข้มแข็ง แม้จะดูเป็นผู้มีอายุมากคะเนว่าเกิน 80 ปีเศษแล้วก็ตาม แต่ก็ดูแข็งแรงตามแบบอย่างและลักษณะของชาวทะเลทั่ว ๆ ไป ท่าทางกระปรี้กระเปร่า และดูรู้สึกว่าจะเป็นคนใจดี
เทพแดนทักษิณข้าพเจ้าจึงถามท่านผู้นี้ว่า ท่านชื่ออะไร? เป็นใคร? อยู่ที่ไหน? ที่มานี่มีธุระสิ่งใด? ต้องการอะไร? มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคุณสวัสดิ์อย่างไร? ท่านจึงตอบว่า
เทพวิญญาณ : เราชื่อ
“ปู่เจ้าสมิงคา” หรือคนทั่วไปในสมัยเรา เรียกว่า
“ตาทวดเสือ” เราเป็นเทพที่ปกปักรักษาดินแดนภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนสุดเขตแดนแห่งประเทศสยาม (ไทย) ทางติดต่อกับพวกแขกมลายู
เราอยู่ที่ไหนก็ได้ทุกแห่งภายในพื้นที่ซึ่งเราปกครองรับผิดชอบรักษาอยู่ ที่มานี่ก็เพื่อจะหาโอกาสมาพูดคุยกับท่าน ซึ่งเราอยากพบมานานแล้ว แต่ไม่ใคร่มีโอกาสได้พบกันในลักษณะเช่นนี้ และไม่มีเรื่องสำคัญพอถึงกับจะมารบกวนท่าน อีกอย่างหนึ่งก็เพื่อจะมาบอกให้เจ้าสวัสดิ์มันรู้ว่า ในอดีตชาตินั้นมันเกิดมาเป็นลูกเรา แต่ในปัจจุบันชาติเราไม่ได้มาเกิด มันมาเกิดคนเดียวเราได้มาเข้าฝันบอก และเข้านิมิตดลใจบอกมันหลายครั้ง แต่มันก็ไม่รู้เรื่องสักที ทั้งมันก็หัวดื้อด้วย ไม่เชื่อถือเรื่องวิญญาณภูตผีอะไร มันจึงไม่ระลึกถึงและไม่เคารพบูชาเราเลย ส่วนเรานั้นมีความรักและห่วงใยมัน เราจึงคอยติดตามช่วยเหลือมันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่ดวงชะตาของมันกำลังเข้าเกณฑ์เคราะห์
ข้าพเจ้า : ขอให้คุณสวัสดิ์รับทราบเรื่องราวเหล่านี้ไว้ด้วยเพื่อจะได้ทราบความเป็นมาต่าง ๆ และความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันระหว่าง ตัวคุณกับเสด็จปู่เจ้าสมิงคา เทพเจ้าผู้ทรงปกปักรักษาภาคใต้
ต่อไปนี้ขอให้เป็นเรื่องระหว่าง ตัวคุณกับเสด็จปู่เจ้าสมิงคา (ตาทวดเสือ) ที่จะพูดจาซักถาม ปรึกษาหารือกันโดยผมจะทำหน้าที่ล่ามจิตภาษา หรือสถานีสื่อกลางระหว่างคุณซึ่งเป็นมนุษย์กับเสด็จปู่เจ้าสมิงคาซึ่ึ่งเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ให้ด้วยการถ่ายทอดการรับส่งทางกระแสจิตต่อไป
สนทนาทางจิตคุณสวัสดิ์ ก่อนอื่นกระผมต้องกราบขอบพระคุณเสด็จปู่เจ้าสมิงคา ที่กรุณาเสด็จมาให้กระผมได้พบและได้กรุณาเล่าเรื่อง ๆ ให้กระผมทราบตลอดจนเรื่องที่ได้คอยคุ้มครองช่วยเหลือตัวกระผมและครอบครัวให้พ้นภัยอันตรายเสมอมา กับขอประทานอภัยที่กระผมมิได้มีความเชื่อถือและเคารพเสด็จปู่ เพราะเป็นการผิดวิสัยของกระผมที่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีนิสัยไม่เชื่อในเรื่องวิญญาณหรือภูตผีปีศาจอะไรมาก่อนเลย เพิ่งจะมาเกิดความเชื่อถือเอาวันนี้และในตอนนี้เอง หลังจากที่กระผมได้รับคำแนะนำจากคุณสายและคุณจรูญ ให้มาพบกับท่านผู้นี้ และได้มีโอกาสพบกับเสด็จปู่
ซึ่งก็น่าแปลกประหลาดมากที่เรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งเสด็จปู่รับสั่งมานั้นล้วนเป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวกระผม และครอบครัวของกระผมหลายครั้งหลายหน ซึ่งบางเรื่องบุคคลภายนอกไม่ทราบเลยโดยเฉพาะท่านผู้นี้ ไม่เคยทราบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับตัวกระผมและครอบครัวเลยเพราะเราไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อน แต่เหตุไฉนเรื่องต่าง ๆ ที่ท่านพูดเกี่ยวกับส่วนตัวกระผมและครอบครัวจึงถูกต้องไปหมดทุกอย่าง ดูรู้สึกน่าแปลกประหลาดอัศจรรย์ใจเหลือเกิน จึงทำให้กระผมเกิดความเลื่อมใสนับถือมาก
ต่อไปนี้กระผมเชื่อแล้วว่าวิญญาณมีจริง ศักดิ์สิทธิ์จริง สามารถรู้เห็นอะไรได้หมดและทำอะไรต่ออะไรได้จริง ๆ จึงขอกราบเท้าเสด็จปู่เจ้า ขอเคารพนับถือเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษชั้นสูงของกระผมผู้หนึ่ง ซึ่งกระผมขอเคารพนับถือตลอดไปตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ หากจะให้กระผมรับทำอะไรบ้าง กระผมยินดีจะปฏิบัติเพื่อสนองความต้องการของเสด็จปู่เจ้าทุกอย่างเท่าที่กระผมจะสามารถทำได้
ปู่เจ้าสมิงคา เออ ดีแล้ว อ้ายหลานรัก ข้าเองก็ทั้งรักทั้งห่วงเอ็ง เพราะความผูกพันที่มีกันมาแต่ในอดีตชาติ จึงต้องคอยติดตามช่วยเหลือคุ้มครองเอ็งอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากดวงชะตาของเอ็งกำลังเข้าเกณฑ์เคราะห์ นี่ก็เป็นการดีอยู่ที่บังเอิญเอ็งกับข้าได้มีโอกาสมาพบปะพูดจากันรู้เรื่อง ด้วยความกรุณาติดต่อทางวาระจิตของท่านผู้นี้เป็นสื่อกลางให้ มิฉะนั้นเอ็งกับข้าก็คงไม่มีโอกาสจะพูดจากันได้ไม่มีโอกาสจะพบปะเรื่องราวซึ่งกันและกันการที่เอ็งหัวดื้อใจแข็ง
ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เอ็งต้องประสบความล่มจมเสียหายแม้จะไม่ถึงกับล้มละลาย แต่ก็มากอักโขอยู่ เอาเถอะไม่เป็นไร เรื่องนี้ข้าจะช่วยให้เอ็งตั้งตัวใหม่ ให้ยิ่งใหญ่กว่าเก่า แม้จะต้องใช้เวลานานสักหน่อยเอ็งก็ต้องอดทน อีกอย่างหนึ่งข้าก็ดลใจ บังคับใจให้เอ็งไปติดต่อกับคนทั้งสอง เพื่อจะให้เขาชักนำเอ็งให้มาหาท่านผู้นี้ จะได้มีโอกาสพบปะพูดจากับข้าได้
เอ็งจะได้รู้ว่าการที่เอ็งไม่เชื่อถืออะไรเสียเลยนั้นมันก็มีผลเสียแก่ตัวของเอ็งอยู่ไม่น้อย ส่วนข้านั้นไม่ได้พลอยเสียหายอะไรไปกับเอ็งด้วยเลย อีกประการหนึ่งความต้องการของข้าก็คือ อยากจะช่วยให้ความคิดของท่านผู้นี้สำเร็จดังความปรารถนา คือท่านผู้นี้ปรารถนาจะสร้างรูปของข้าขึ้นไว้ให้เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนภาคใต้ เพื่อจะให้เขาได้รู้จักว่าข้าเป็นใคร มีหน้าที่อะไร มีคุณประโยชน์แก่มนุษย์อย่างไร
เทพประจำภาคทั้ง 6เรื่องมันมีอยู่ว่าในแผ่นดินสยามของคนไทยทั้งชาตินี้ แบ่งเขตการปกครองโดยฝ่ายเทพวิญญาณออกเป็น 6 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ ในแต่ละภาคได้จัดให้มีเทพแต่ละองค์ปกครองดูแลรักษากัน ในเขตพื้นที่บริเวณตามการรับมอบเทวอำนาจจากเทวบัญชา หรือเทวโองการ ของ
องค์อิศวรมหาเทพ และองค์อมรินทราธิราชเทพนายก ดังต่อไปนี้
1. ภาคเหนือ เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าสมิงพราย
2. ภาคกลาง เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าเขาเขียว
3. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าจำปาศักดิ์
4. ภาคตะวันตก เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าประภัสสร
5. ภาคใต้ เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าสมิงคา
6. สำหรับภาคตะวันออก นั้นขณะนี้ยังมิได้แต่งตั้งเทพองค์ใดให้ปกปักรักษา คงฝากการปกครองบังคับบัญชาไว้กับ ปู่เจ้าจำปาศักดิ์
เนื่องจากเทพผู้ปกครองดินแดน เขตแคว้นตะวันออกนี้ ได้ถูกโยกย้ายขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่อยู่กับสมเด็จพระอมรินทราธิราชนานมาแล้ว จึงทำให้ตำแหน่งนี้ว่างอยู่ และกำลังพิจารณาแต่งตั้งเทพวิญญาณที่เหมาะสม (ตั้งปู่เจ้าเขาเขียวแล้ว)
อันเทพเจ้าผู้ปกปักรักษาเขตแค้วนแดนดินทั่วประเทศสยามทั้ง 6 ภาคนี้ ทั้ง 5 องค์ ล้วนขึ้นอยู่กับสมเด็จพระสยามเทวาธิราชผู้เป็นใหญ่ และการแต่งตั้งเทพวิญญาณ เพื่อปกปักรักษาเขตแค้วนแดนดินในภาคต่าง ๆ ก็จะต้องปรึกษาหารือกับ สมเด็จพระสยามเทวาธิราช ก่อนเสมอ เดิมทีเคยมีเทพดำริทรงพิจารณาจะแต่งตั้ง ปู่เจ้าท้าวหิรัญพนาสูรย์ แต่ท่านองค์นั้นขอตัวไม่รับตำแหน่ง เพราะกำลังต้องการบำเพ็ญบารมีเพื่อใช้หนี้กรรมที่เคยทรงเป็นพรานป่ามาก่อน
แม้บัดนี้พระทัยจะบริสุทธิ์แล้วและได้สร้างบารมีมามากแล้ว จนมีพระทัยเยือกเย็นสุขุมคัมภีรภาพ มีเมตตากรุณาธิคุณสูงแล้วก็ตาม แต่พวกวิญญาณทั้งหลายก็ยังหวาดกลัวอยู่ โดยเฉพาะวิญญาณสัตว์ป่า ด้วยเหตุนี้ท่านท้าวหิรัญพนาสูรย์จึงไม่ยอมรับตำแหน่งเทพเจ้าผู้ปกปักรักษาภาคตะวันออก ครั้นจะแต่งตั้งวิญญาณดวงอื่น ก็ยังไม่มีวิญญาณที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย ตรงข้ามมีอยู่มากแต่ท่านไม่ปรารถนาจะรับกัน เพราะท่านไม่อยากมายุ่งกับโลกยุ่งกับมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่เบียดเบียนชีวิต ฆ่าฟันประหัตประหารกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน