น้ำป่า

bon · **โพสต์แล้ว:** ศุกร์ 20 ก.พ. 2009 4:25 pm

พูดถึง น้ำป่า ก็ทำให้นึกถึงครั้งที่น้ำป่าไหลท่วม บ้านน้ำก้อ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย 140 คน บ้านเรือนพังทลาย และเสียหาย เกือบ700หลังคาเรือน

ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เพราะการพยากรณ์นั้นยังไม่แม่นยำพอที่จะทำนายหรือคาดเดาธรรมชาติ

ในครั้งพุทธกาล พระภิกษุทั้งหลายล้วนอาศัยร่มไม้ปักกลดเกือบทั้งสิ้น และมีจำนวนมากที่ปักกลดอยู่บนภูเขาและเชิงเขา
มีคราวหนึ่งฝนตกหนักไม่นาน ก็เกิดน้ำป่า แต่ไม่มีสิ่งใดจะกั้นพุทธญาณได้ พระพุทธเจ้าท่านทรงทราบล่วงหน้าจึงตรัสให้ พระมหากัจจายนะ ไปสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันภัยภิบัติที่จะบังเกิดแก่พระสงฆ์สาวก ผู้บำเพ็ญธรรมอยู่ตามเขาที่เกิดน้ำป่า ที่ว่าเขื่อน นั้นไม่ได้หมายถึงเขื่อนคอนกรีตกั้นน้ำอย่าปัจจุบัน เป็นเพียงอำนาจจิตที่เนรมิตเขื่อนเพื่อกั้นน้ำชั่วคราว เมื่อน้ำป่าลดเขื่อนที่เกิดจากอำนาจจิตของพระมหากัจจายนะก็หายไป
ฟังดูแล้วบ้างคนก็เชื่อสนิทใจ บางคนก็หาว่าเป็นเรื่องเกินจริง

แต่ในยุคกึ่งพุทธกาลเหตุการณ์เช่นนี้มีครับ

เมื่อครั้งหลวงปู่ชอบท่านเดินธุดงค์บนภูเขา หลังฝนตกใหม่ๆ ท่านและเหล่าศิษย์ที่ติดตามอันประกอบไปด้วย พระฟัก พระจันทร์เรียน พระขันตี ได้ยินเสียงน้ำไหลดังแรงมากมาจากบนเขา แค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที น้ำป่าจำนวนมหาศาลไหลทะลักลงมาจากเขา หลวงปู่ชอบท่านก็มองไปยังน้ำป่านั้น เกิดเหตุอัศจรรย์น้ำป่าจำนวนมหาศาลไม่สามารถซัดเข้าท่วมคณะหลวงปู่ชอบได้ เหมือนน้ำทั้งหมดชนเขื่อนที่มองไม่เห็น น้ำไม่ได้หายไป น้ำไม่ได้หยุดเหมือนกดปุ่ม STOP แต่น้ำยังคงซัดใส่เขื่อนที่มองไม่เห็น หลวงปู่ชอบจึงเร่งให้คณะที่ติดตามรีบเดินต่อไป พอพ้นเขตอันตรายน้ำป่าก็ทะลักเหมือนกับเขื่อนที่มองไม่เห็นนั้นหายไป

เรื่องนี้พยานยังอยู่ครบครับ

พระฟัก นั้นคือหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดพิชัยพัฒนาราม (วัดเขาน้อยสามผาน) อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พระจันทร์เรียน คือหลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

พระขันตี คือหลวงปู่ขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ หมู่ 8 บ้านม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย

หากใครไปกราบท่านองค์ใดองค์หนึ่งในสามองค์สามารถเรียนถามเรื่องนี้ได้ครับ

แต่ละองค์จะตอบด้วยความเทิดทูนในคุณของอาจารย์ท่านคือ หลวงปู่ชอบ พระอรหันต์ที่ทรงอภิญาในยุคกึ่งพุทธกาล