นามของ "หลวงปู่ขุ้ย" แห่งวัดซับตะเคียน พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน อายุ 97 ปี ดังขึ้นในชั้นแนวหน้าของวงการพระเกจิอาจารย์เมืองไทยด้วยประสบการณ์ วัตถุมงคลของท่าน โดยเฉพาะ "ชานหมาก และ ตะกรุด" ที่ใครได้ใช้ต้องทึ่งในอภินิหารที่จะเกิดขึ้นเสมอไป ประมาณปลายปีที่แล้ว หลวงปู่ขุ้ยได้ร่วมกับคณะกรรมการวัดซับตะเคียน มี "พระอาจารย์ลอย" รองเจ้าอาวาสและเป็นพระเลขาฯ ของท่าน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ทำเครื่องรางที่รวม 2 วัตถุมงคลขึ้นชื่อคือ ตะกรุดคลุกน้ำหมาก ซึ่งเป็นชานหมากที่หลวงปู่ได้เคี้ยวในพิธีต่างๆ หลายพิธี อาทิ ชานหมากในพิธีที่หลวงปู่ปลุกเสกพระ, ชานหมากในพิธีที่หลวงปู่ไล่ผีปราบมาร, ชานหมากในพิธีที่หลวงปู่รักษาโรค, ชานหมากในพิธีที่หลวงปู่ทำพิธีต่อชะตาให้ญาติโยม ชานหมากดังกล่าวได้เก็บมาถึง 9 ปี และถูกรวบรวมไว้ในกระปุกวางปลุกเสกในห้องหลวงปู่ขุ้ยมานาน ชานหมากนี้นำมาผสมกับว่านยาน้ำมันงา ชันโรงใต้ดินผงพุทธคุณต่างๆ เพื่อเตรียมรอไว้ จากนั้นหลวงปู่ขุ้ยได้ให้พระอาจารย์ลอยลงตะกรุดด้วยแผ่นตะกั่วไว้ 3 ขนาด ดอกเล็กลงคาถา "เงินล้าน" ดอกกลางลงคาถา "เทวดาเพชรหลีก" ดอกใหญ่ลงคาถา "นเรศวรปราบหงสา"
สำหรับตะกรุดดอกใหญ่ที่มีขนาดประมาณ 5 นิ้วลงจารพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ มีพลานุภาพตั้งแต่ครั้งโบราณ คือ "คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร" ตำนานกล่าวไว้ว่า เป็นคาถาโบราณที่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว อาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ลงจารในแผ่นทองคำทำตะกรุดให้องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของเราติดพระองค์ไปทำยุทธหัตถีที่มีชัยชนะเหนืออริราชศัตรู คาถาบทนี้ย่นย่ออิทธิบารมีขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชนะผจญมารทั้งปวงได้ฉันใด เราก็ย่อมชนะอริราชศัตรูทั้งปวงที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นได้ฉันนั้น
หลวงปู่ขุ้ยได้ลงบท "นเรศวรปราบหงสา" จากนั้นทำการม้วนตะกรุดผูกหัวใจอักขระเลขยันต์ให้แสดงผลกลมกลืนมีฤทธาในตนเอง แล้วถักเชือกลายเอกลักษณ์ของท่าน จากนั้นจึงนำน้ำชานหมากที่คลุกเคล้าว่านยา ชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกอย่างดียิ่งแล้วชุบที่ตัวตะกรุด ทำให้ตะกรุดนี้มีเอกลักษณ์คงทนและสวยงามจับตา เป็นตะกรุดที่มีเอกลักษณ์ตามตำรับของหลวงปู่โดยแท้ที่ยังไม่มีใครทำตามหรือลอกเลียนแบบ
แนบไฟล์: |
|
|