มาร่วมสนทนากันในหมู่สมาชิก แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ท่านประสบมาได้ที่นี่ครับ
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 4:32 pm
มารออ่านด้วยคนคับ
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 7:26 pm
วิชาพรหมศาสตร์ กับ วิชา พรหมชาติ รออ่านโดยคุณ
"พรหมาสตร์"คล้องจองกันดีจัง
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 8:46 pm
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 8:48 pm
อู๊ด อู๊ด เขียน:แนะนำ "ร้านโพธิ์ทะเลหลวง" เส้นอ่างศิลาครับ ไม่แน่ใจว่าพี่เคยไปหรือยัง ช่วงเวลาเปิดปิด สิบโมงเช้า ถึง สามทุ่ม
ENJOY YOUR MEAL SIR !!!
วันนี้ไปกินข้าวกลางวันที่ "โพธิ์ทะเลหลวง" ครับ ไม่ผิดหวังตามคำแนะนำครับ โล่ง สบาย คนไม่พลุกพล่านถูกใจ ผมชอบบรรยากาศมากกว่าอาหารครับ บรรยากาศดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 8:51 pm
ผมแขวน
"พระพรหม" รอละกานก๊าบบ
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 9:09 pm
แล้วถ้าไม่มีพระพรหมจะให้แขวนแล้วจะแขวนอะไรรอดีล่ะครับคุณอู๊ด
อ๊ะอ๊ะอย่าบอกนะว่าจะให้ผม
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 10:14 pm
จิ้งจก เขียน:อู๊ด อู๊ด เขียน:แนะนำ "ร้านโพธิ์ทะเลหลวง" เส้นอ่างศิลาครับ ไม่แน่ใจว่าพี่เคยไปหรือยัง ช่วงเวลาเปิดปิด สิบโมงเช้า ถึง สามทุ่ม
ENJOY YOUR MEAL SIR !!!
วันนี้ไปกินข้าวกลางวันที่ "โพธิ์ทะเลหลวง" ครับ ไม่ผิดหวังตามคำแนะนำครับ โล่ง สบาย คนไม่พลุกพล่านถูกใจ ผมชอบบรรยากาศมากกว่าอาหารครับ บรรยากาศดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เสียดายกลับมาม่ายทันนนน อดเยยย
อาทิตย์ 29 มี.ค. 2009 10:17 pm
อาร์ต เขียน:แล้วถ้าไม่มีพระพรหมจะให้แขวนแล้วจะแขวนอะไรรอดีล่ะครับคุณอู๊ด
อ๊ะอ๊ะอย่าบอกนะว่าจะให้ผม
โรค
"เอ๋อ" กำเริบชั่วคราวครับ ก๊า กา ก่า งุงิ งิงุ
จันทร์ 30 มี.ค. 2009 10:43 pm
แล้วแนวการฝึกของวิชาการพรหมศาสตร์ เป็นยังไงเหรอครับ อยากรู้จังเลย ฝึกยากหรือเปล่า แล้วการจะเข้าเป็นศิษย์ ได้มีพิธีรีตองอะไรหรือเปล่าครับ ยิ่งรู้ยิ่งน่าสนใจ
พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 6:51 pm
คุณพี่ Wai ฮะ
มุกนี้
- soodyod.jpg (70.52 KiB) เปิดดู 1314 ครั้ง
เด็ดสุดยอด ฮะ
ปล.ขออนุญาตใช้ซ้ำ เพราะกว่าจะหาภาพนี้ได้ ลำแบกฮะ
พฤหัสฯ. 02 เม.ย. 2009 9:29 pm
เดี๋ยวจะฟ้องครูว่า เด็กลึกลับตัดไม้ทำลายป่า
พุธ 08 เม.ย. 2009 9:20 pm
วิชาพรหมศาสตร์เป็นเรื่องของพลังงานพุทธคุณและพลังานองค์พรหม เทพเจ้าใหญ่น้อยรวมทั้งทิพย์อำนาจอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในโลกและจักรวารแห่งนี้ อย่างถูกต้องแท้จริงโดยผู้เป็นศิษย์จะต้องมีข้อวัตรปฏิบัติยึดมั่นใน ทมะ(การข่มจิต ให้เอาชนะกิเลตแห่งตนได้) ขันติ(ความอดทนเข้มแข็ง) ปัญญาธรรมและความเลื่อมใส ศัทธา ปสาทะ และ ทราบซึ้ง ในพระมหากรุณาทิคุณของพระพุทธองค์ ย่อมกลับเข้าถึง พลังงานของพระพุทธ คุ้มครอง ผู้เป็นศิษย์ ในวิชาการนีน้และบุคคลทั้งหลายที่เข้าถึง ต่อการประพฤติดีปฏิบัติชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดใดก็ตามซึ่งเราเรียกว่าพลังงานอันทรงคุณ หรืออัมพลัง และทิพย์อำนาจนั้นเอง
วิชาพรหมศาสตร์ ไม่มีการโฆษณาไม่มีตำรา ไม่มีการแอบอ้างหรือโอ้อวด คุยโม้เพราะเป็นวิชาที่แทรกซึมเข้าไปในดวงจิตของแต่ละคนตามวาสนาบารมีของแต่ละคนเช่นกัน ไม่ใช่เป็นวิชาที่มีตำราและหาศึกษาเองได้ เป็นวิชาที่มีระเบียบวินัย เป็นประชาธิไตร ถ้าเป็นชาวพุทธใดใดก็ตามท่านจะพบว่ากฏเกณฑ์ ต่างๆ เป็นสิ่งที่ท่านปราณนา จะประพฤษปฏิบัติให้เกิดผลดีเป็นกุศลธรรมมุ่งสู่ความเจริญสูงสุดแห่งชีวิตได้ วิชานี้ ไม่ใช่โหราศาสตร์ หากแต่เป็นเรื่องของความสันติสุข สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต จิตวิญญาณแก่มนุษย์ และสรรสัตย์ทั้งหลายเพื่อความสงบสุขอันมีพรหมวิหารธรรมได้แต่ “เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา” เป็นพื้นฐาน และ เครื่องรองรับให้เกิดความเป็นมงคล แก่ทุกชีวิต ในโลกนี้สืบไป
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งมนุษย์ มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์
("ศีล 5ข้อ")
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งเทพ มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นเทพ
("หิริ โอตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวในบาป "ศีล2ข้อ)
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งพรหม มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นพรหม
("พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา" ศีล4ข้อ)
ศิษย์ พรหมศาสตร์ คือผู้ถือศีล 11 ข้อ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 12:32 am
จิตรอิสระ เขียน:วิชาพรหมศาสตร์เป็นเรื่องของพลังงานพุทธคุณและพลังานองค์พรหม เทพเจ้าใหญ่น้อยรวมทั้งทิพย์อำนาจอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในโลกและจักรวารแห่งนี้ อย่างถูกต้องแท้จริงโดยผู้เป็นศิษย์จะต้องมีข้อวัตรปฏิบัติยึดมั่นใน ทมะ(การข่มจิต ให้เอาชนะกิเลตแห่งตนได้) ขันติ(ความอดทนเข้มแข็ง) ปัญญาธรรมและความเลื่อมใส ศัทธา ปสาทะ และ ทราบซึ้ง ในพระมหากรุณาทิคุณของพระพุทธองค์ ย่อมกลับเข้าถึง พลังงานของพระพุทธ คุ้มครอง ผู้เป็นศิษย์ ในวิชาการนีน้และบุคคลทั้งหลายที่เข้าถึง ต่อการประพฤติดีปฏิบัติชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดใดก็ตามซึ่งเราเรียกว่าพลังงานอันทรงคุณ หรืออัมพลัง และทิพย์อำนาจนั้นเอง
วิชาพรหมศาสตร์ ไม่มีการโฆษณาไม่มีตำรา ไม่มีการแอบอ้างหรือโอ้อวด คุยโม้เพราะเป็นวิชาที่แทรกซึมเข้าไปในดวงจิตของแต่ละคนตามวาสนาบารมีของแต่ละคนเช่นกัน ไม่ใช่เป็นวิชาที่มีตำราและหาศึกษาเองได้ เป็นวิชาที่มีระเบียบวินัย เป็นประชาธิไตร ถ้าเป็นชาวพุทธใดใดก็ตามท่านจะพบว่ากฏเกณฑ์ ต่างๆ เป็นสิ่งที่ท่านปราณนา จะประพฤษปฏิบัติให้เกิดผลดีเป็นกุศลธรรมมุ่งสู่ความเจริญสูงสุดแห่งชีวิตได้ วิชานี้ ไม่ใช่โหราศาสตร์ หากแต่เป็นเรื่องของความสันติสุข สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต จิตวิญญาณแก่มนุษย์ และสรรสัตย์ทั้งหลายเพื่อความสงบสุขอันมีพรหมวิหารธรรมได้แต่ “เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา” เป็นพื้นฐาน และ เครื่องรองรับให้เกิดความเป็นมงคล แก่ทุกชีวิต ในโลกนี้สืบไป
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งมนุษย์ มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์
("ศีล 5ข้อ")
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งเทพ มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นเทพ
("หิริ โอตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวในบาป "ศีล2ข้อ)
มนุษย์ผู้ใดครองธรรมแห่งพรหม มนุษย์ผู้นั้นย่อมเรียกได้ว่าเป็นพรหม
("พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา" ศีล4ข้อ)
ศิษย์ พรหมศาสตร์ คือผู้ถือศีล 11 ข้อ
ขอบพระคุณมากครับ ท่านจิตรอิสระ ที่มาอธิบายความถูกต้อง ขอถามต่อครับ
"จิตรอิสระ" หมายถึงอะไร เพราะเห็นคำว่าจิตร มีตัว "ร" ครับ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 2:48 am
จิตร ๑, จิตร- ๑ [จิด, จิดตฺระ-] น. การวาดเขียน, การระบายสี, ลวดลาย. ว. งดงาม,
สดใส, ที่เขียนงดงาม. (ป., ส.).
จิตร ๒ [จิด] (โบ) น. จิต, ใจ.
จิตรอิสระ หมายถึง จิตไม่ยึดติดกับ สิ่งใดๆ เป็นอิสระต่อ กาย รูป ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ผมไม่ใช่คนเก่งอะไรหลอกครับ ในด้านวิชาการ รู้พื้นๆ ประวัติไม่ค่อย รู้เท่าไหร่ฟังอาจารย์เล่าๆกันมา สนใจในเรื่องการปฏิบัติ นั่งสมาธิสวดมนต์ มากกว่า ส่วนที่มาของชื่อนี้ ผม ได้ตอน ที่ค้นหา วิธีการฝึกกรรมฐาน ครูอาจารย์ และ จากตำราเค้าว่าไว้ ให้ถอดกิเลต กับ ดูจิต เราก็ งง กลับมาบ้านก็เลยอาบน้ำ เอาน้ำรสหัวแล้วก็คิดถึวคำสอน อาจารย์ ถอดกิเลตยังไง อยู่ๆ ก็เลย อยากสวดมนต์ในห้องน้ำ เลยสวด หลายบท มาจบที่บท ดูสังขาร มนุษย์ ท่องจบ ก็ฉุดคิดว่าสังขาร นี้ มีอะไรบ้าง แล้วก็ได้เห็นว่า มันทำให้เกิดกิเลต หมดทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีอะไรเลยที่ ไม่ทำให้เกิดกิเลต จากนั้นก็ ยืน ปลงสังขาร อยู่พักนึง แล้วก็ออกมา แล้วก็มีความรู้สึกว่า จิตใจ มัน ไม่สนใจในรูปลักษณ์ แล้ว เลย เรียกว่าจิตรอิสระ "จิตร" มี " ร " เมื่อสมัยมัถยม ชอบ ศิลปะ ก็มาจาก จิตรกรรม ชอบร้องเพลง ของ ศิลปากร คณะจิตรกรรม อิอิ เลยยกมาใช้
เว็บนี้ ข้อมูลเยอะมาก อ่านเพลินเลย ข้อมูลบางอย่างผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณ รณธรรม ธาราพันธุ์ หามาได้ แน่นมาก เหมือน สารานุกรมเลย ถามอะไรตอบได้ (อับดุล) อย่างนี้ต้อง มาหา ข้อมูลบ่อย ๆ
ส่วนตัวแล้ว เห็นบทความที่ นำมาโพสไว้ ก็เลย สนใจ อยากรู้จักศิษย์ พรหมศาสตร์เหมือนกัน จะได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเพราะแต่ละ ที่ ก็จะมีแนว คิดไม่เหมือนกัน แต่ ปฏิบัติแนวทางเดียว กัน ตอนแรกก็ ชั่งในกลัวๆ กล้าๆ ก็ลองโยนหินถามทางดูก่อน เพราะว่า วิชาการไม่สอนให้ โอ้อวด แสดงตน
ยังไงก็ขอฝากตัวไว้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 2:55 am
ขอบพระคุณครับสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมา เป็นมงคลด้วยกันทั้งนั้นจริงแท้ครับ ถ้าเรามุ่งดีต่อกันก็เรียกได้ว่าเป็น "กัลยาณมิตร" ในทันทีที่จริงใจต่อกัน มุ่งดีต่อกันนั่นเองครับ
ที่ใดปราศจากความจริงใจต่อกัน ไม่ช้าที่นั่นก็ต้องวิบัติ ไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน
เพื่อนผมเคยถามว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนนั้นมุ่งดีต่อเรา หรือเราจะมุ่งดีต่อคน ๆ นั้น
ผมตอบเขาว่า ก็เอาธรรมนำหน้าสิครับ เป็นหลักง่าย ๆ ... ถ้าเอาตัวเองนำหน้าส่วนใหญ่ก็กิเลสนำทั้งนั้นแหละครับ
ผมดีใจครับ ที่เว็บนี้ได้ท่านผู้รู้แท้รู้จริงในสายของตนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
ขอฝากเนื้อฝากตัว(แต่ไม่ฝากพระ)ด้วยคนนะครับ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 3:09 am
ขอบพระคุณมากครับ และก็ยินดีต้อนรับ โดยส่วนตัวแล้วต้องบอกว่าดีใจมากที่เวปแห่งนี้มีผู้ที่รู้ใน "พรหมศาสตร์"
ยังไงคงต้องขอความกรุณาจากคุณจิตรอิสระแนะนำเรื่องราวพรหมศาสตร์ให้พวกเราได้รับทราบกันบ้าง
โดยเฉพาะข้อมูลเบื้องต้น เพื่อจะได้เข้าใจกันถูกต้อง .....แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ก็ไม่รบกวนครับ
ฝากความระลึกถึงและขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยนะครับ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 3:12 am
ขอบพระคุณทุกท่านครับ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.