มาร่วมสนทนากันในหมู่สมาชิก แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ท่านประสบมาได้ที่นี่ครับ
พฤหัสฯ. 09 เม.ย. 2009 7:47 am
เรียนสอบถามอ.ต่อ เกี่ยวกับของหรืออาหารที่ถวายพระสายกรรมฐาน เช่น ช็อกโกแลตต้องเป็นประเภทไหน น้ำผึ้ง ยารักษาโรค หรือน้ำปานะของอื่นๆ ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะครับ
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 7:06 am
เรียนคุณบุญคุ้ม
ของขบฉันประเภท "อาหารที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันได้หลังเที่ยง" มีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ยาปรมัตถ์" ครับ หรือในบางครั้งก็เรียกกันย่อ ๆ ให้เข้าใจกันง่าย ๆ ว่า "ปรมัตถ์" เป็นอันรู้กัน
ปรมัตถ์ ที่พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้ประกอบด้วยวัสดุหลายสิ่งหลายประเภท มีทั้งที่ทำขึ้นโดยน้ำมือคน และเป็นวัสดุธรรมชาติล้วน หากจะหยิบมาพูดทั้งหมดก็คงยาวเกินไป ขออนุญาตยกมาแต่เท่าที่คุณบุญคุ้มกรุณาถามมาและเท่าที่จะพอเกี่ยวข้องกันนะครับ
1. ช็อกโกแลต เป็นปรมัตถ์ที่ถวายได้ทุกเวลา ฉันได้ทุกเวลา แต่ต้องเป็นช็อกโกแลตที่ไม่ผสมนม ไม่ผสมน้ำตาล หากเป็นชนิดผง ก็ได้แก่ ผงช็อกโกแลตตรานางพยาบาล ผงช็อกโกแลตตราแวนฮูเตน เป็นต้น แต่ถ้าเป็นอย่างที่ทำสำเร็จรูปแบบเป็นแท่ง เป็นแผ่น หีบห่อมาเรียบร้อยสวยงาม จะรู้จักกันในชื่อ "ดาร์กช็อกโกแลต" หรือที่เราเรียกย่อ ๆ ว่า "ดาร์กช็อก" ซึ่งจะมีขายอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ในซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ ๆ เช่น ท๊อปส์ โลตัส บิ๊กซี ฟู๊ดแลนด์ เป็นต้น แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่มีดีตรงที่เราสามารถถวายครูบาอาจารย์ได้ตลอดเวลา และพระภิกษุเมื่อรับประเคนแล้วสามารถเก็บได้ตลอดไปเพราะเป็นยาวชีวิก
แต่ถ้าช็อกโกแลตนั้นผสมน้ำตาลเพื่อให้มีรสหวานเมื่อไร ก็จัดเป็นสัตตาหกาลิก รับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้แค่ 7 วัน พ้นจากนั้นแล้วเก็บไว้ไม่ได้อีกเพราะของนั้นเป็นสันนิธิ ต้องสละออกให้สามเณรหรือคฤหัสถ์ไปเสีย
แต่ถ้าช็อกโกแลตนั้นผสมนม ไม่ว่าจะเป็นนมผง นมข้นหวาน ฯลฯ ก็ตาม ช็อกโกแลตนั้นถือว่าเป็นโภชนะ เป็นยาวกาลิก รับประเคนแล้วต้องฉันให้หมดในเช้าชั่วเที่ยง ภิกษุรับประเคนก่อนเช้าไม่ได้ หลังเที่ยงไม่ได้ หากเก็บไว้เลยเที่ยง ของนั้นเป็นนิสสัคคีย์ ฉันเข้าไปก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์
2. น้ำผึ้ง ถือเป็นสัตตาหกาลิกครับ รับประเคนแล้วพระภิกษุเก็บไว้ได้แค่ 7 วันเท่านั้น พ้น 7 วันแล้วถือเป็นสันนิธิต้องสละออก แต่ถ้าจะให้มีอายุยาวนาน เวลาไปถวาย เราก็กราบเรียนท่านว่าเราเอาน้ำผึ้งมาถวายแต่เราไม่ต้องประเคนท่าน คือบอกให้ท่านรับรู้และอนุโมทนา ส่วนน้ำผึ้งนั้นก็อาจเป็นสามเณร หรือศิษย์วัด หรือตัวเราเองก็เป็นคนยกไปเก็บในที่ที่ท่านสั่ง เพียงเท่านี้ น้ำผึ้งขวดนั้นก็จะเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้นานแสนนานโดยไม่ต้องหมดอายุ(ในทางพระวินัย)ไปเสียก่อน
แต่ก็ยังมีผลในทางเจตนาอีกเช่นกันครับ กล่าวคือถ้าพระภิกษุมี "เจตนา" ที่จะรับน้ำผึ้งขวดนั้นไว้เพื่อผสมกับสมุนไพรเป็นยา อาจเพื่อผลทางเภสัช อาจเพื่อให้ผงสมุนไพรจับตัวเป็นก้อนง่ายต่อการปั้น อาจเพื่อทอนรสขม ฯลฯ จะอย่างใดก็แล้วแต่ และมิได้นำน้ำผึ้งขวดนั้นไปฉันในทางโภชนะหรือในทางปรมัตถ์ น้ำผึ้งขวดนั้นแม้ภิกษุรับประเคนแล้วสามารถเก็บไว้ได้ตลอดไปเช่นกัน เพราะถือว่าเป็น "เภสัช" มิใช่ "ปรมัตถ์" ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่เจตนาครับ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า
เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมังวทามิ... ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตกล่าวว่า เจตนาเป็นกรรม
เจตนาหัง ภิกขะเว สีลังวทามิ... ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตกล่าวว่า เจตนาเป็นศีล
3. สำหรับยารักษาโรคทุกชนิดทั้งแบบรับประทาน และทาภายนอก ถือเป็นยาวชีวิกครับ พระภิกษุรับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ตลอดชีวิต(ถ้ายาไม่หมดอายุเสียก่อน)
4. น้ำปานะ หรือน้ำผลไม้ทั้งปวงนั้น ถือเป็นยามกาลิก มีอายุอยู่ได้วันหนึ่งกับคืนหนึ่งเท่านั้น และพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตสำหรับผลไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่กว่ากำปั้นมือหรือไม่ใหญ่ไปกว่าผลมะตูม หากใหญ่กว่านั้นแล้วนำน้ำของมันมาฉันก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ผลไม้ที่ผิดพระวินัยเมื่อนำมาฉันหลังเที่ยงได้แก่ มะพร้าว แตงโม สัปปะรด แคนตาลูป เป็นต้น
น้ำปานะที่ถูกต้อง จำเป็นต้องกรองไม่ให้มีกาก ไม่ให้เหลือเนื้อผลไม้แม้เพียงนิดเดียว เช่น น้ำส้มคั้น หากมีถุงส้มหรือเกล็ดส้มลงไปปะปนอยู่ ภิกษุฉันเข้าไปก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ซึ่งพระพุทธองค์ทรงปรับทุกคำกลืน ดังนั้นต้องระมัดระวังให้จงหนัก และน้ำผลไม้เมื่อคั้นมาแล้ว กรองมาแล้ว ก็ต้องไม่เอาไปอุ่น ไปตั้งไฟ ไม่ว่าจะด้วยไมโครเวฟ หรือเตาแก๊ส เตาไฟฟ้าใดใดทั้งสิ้น มิเช่นนั้นน้ำปานะนั้น ๆ ก็ถือว่าเป็นโภชนะคือกลายเป็นอาหารทันที ฉันได้แค่เช้าชั่วเที่ยง พ้นจากนั้นไปแล้วนำมาฉันต้องอาบัติปาจิตตีย์
เมื่อพระภิกษุรับประเคนน้ำปานะแล้ว สามารถเก็บไว้ฉันได้แค่วันหนึ่งคืนหนึ่งเท่านั้น อรุณรุ่งขึ้นมาแล้วน้ำปานะนั้นเป็นสันนิธิ หากยังหยิบมาฉัน ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์
คำว่าวันหนึ่งคืนหนึ่ง มิได้หมายถึง 24 ชั่วโมง เป็นต้นว่าถวายพระตอนตีสามวันนี้ ท่านก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ฉันได้อีกนานถึง 24 ชั่วโมง คือไปถึงตีสามของอีกวัน ไม่ใช่อย่างนั้น
หากถวายน้ำปานะตอนตีสาม พระรับประเคนแล้วก็ฉันได้ถึงแค่ 6 โมงเช้า อรุณแล้วต้องสละออกทันที สรุปก็คือถือเอา สว่างกับมืด จำนวนหนึ่งชุดนั่นแหละ สิ้นสุดกันที่สว่างอีกวัน
ที่จริงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ อีกมากครับ ผมขออนุญาตพูดถึงแต่ประเด็นสำคัญ ๆ เพราะเกรงจะเสียเวลาอ่านของคุณบุญคุ้มและทุก ๆ ท่าน แต่แม้จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อย หากก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น เช่น น้ำผึ้ง ที่แม้จะเก็บได้ 7 วัน แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดนำน้ำผึ้งขวดนั้นไปผสมอาหาร น้ำผึ้งขวดนั้นก็กลายเป็นยาวกาลิกทันที คือฉันได้แค่เช้าชั่วเที่ยง เก็บไว้ไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาลทรายก็เช่นกัน
หวังว่าคำตอบคงพอคลายความสงสัยไปได้บ้างนะครับ
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 8:59 am
ขอบพระคุณพี่ต่อสำหรับความรู้ดีๆครับ
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 8:59 am
ขอบคุณคุณบุญคุ้ม...ขอบคุณคุณรณธรรม...
ต้องขอบคุณทั้งคนถามและคนตอบค่ะ...จริงๆ คือบางอย่างทราบมาบ้างว่าอะไรควรถวายหรือไม่ควรถวายพระ
แต่ไม่ทราบว่า "ทำไม" หรือ "เพราะอะไร" ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ชัดเจนและครบถ้วนค่ะ...
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 9:25 am
ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 10:10 pm
ข้อมูลแน่นปึ้ก
นี่แหละผู้ที่ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง
ผมว่าพระบางรูปยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย บางรูปยังฉันนมกล่องแทนข้าวเย็นอยู่แล้วก็อนุญาตให้ผู้มาถือศีลแปดกินได้ด้วย บอกว่าไม่ผิด เห็นแล้วก็เศร้า
ขอบคุณ อ.ต่อครับ
จันทร์ 20 เม.ย. 2009 10:49 pm
เด็กลึกลับเคยบอกเพื่อนเกี่ยวกับกาลิก 4 นี้ให้เพื่อนๆที่ประสงค์จะถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์
แต่ละคน ทำหน้าทำตาเหมือนกับว่า อะไรกันทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
พร้อมกับคำถามที่ว่า "แล้วถ้าเป็นอย่างเธอว่าจริงๆ แล้วทำไมพระท่านไม่บอกญาติโยมล่ะ"
เด็กลึกลับก็บอกไปว่า
"ก็พระท่านไม่รู้"
เหล่าเพื่อนๆก็ถามว่า "แล้วเป็นพระทำไมไม่รู้"
เด็กลึกลับก็เลยถามไปว่า
"แล้วคุณบอกได้ไหมว่ากฏหมายรัฐธรรมนูญข้อแรก ท่านว่าอย่างไร"
เพื่อนๆเหล่านั้นก็อึ้ง แล้วก็พูดตอบกลับมาว่า
"ก็เราจะไปรู้เหรอ"
เด็กลึกลับได้ที เลยถามไปว่า "ทำไมไม่รู้ ก็พวกแกร เป็นคนไทยนี่"
อภิชาตมิตร ก็มองหน้าระลึกถึงบุพการีเด็กลึกลับโดยฉับพลัน
คริ คริ คริ
เอ๋
นู๋พล่ามอารายหว่า
อังคาร 21 เม.ย. 2009 8:30 am
เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง กระผมจะน้อมนำไปปฎิบัติเด้ออ้าย..............ขอบพระคุณมากๆครับ
พบกันคราวหน้า เด๋วมีแจก...........
พุธ 22 เม.ย. 2009 1:05 am
ขอบพระคุณมากๆครับ ...
พี่ต่อ ตอบได้ดีและละเอียดมากเลยครับ ได้รับความรู้ประดับสมองกลวงๆของผมได้เยอะเลย
- th_07-03-2008_01.gif (19.43 KiB) เปิดดู 7492 ครั้ง
พุธ 22 เม.ย. 2009 2:23 am
พุธ 22 เม.ย. 2009 2:42 pm
ขอบพระคุณมากๆครับ ...
พี่ต่อ ตอบได้ดีและละเอียดมากเลยครับ ได้รับความรู้ประดับสมองกลวงๆของผมได้เยอะเลย
ลอกเขามา(กลวงจิงๆ)
พุธ 22 เม.ย. 2009 7:51 pm
- .gif (16.55 KiB) เปิดดู 7455 ครั้ง
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.