Switch to full style
มาร่วมสนทนากันในหมู่สมาชิก แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ท่านประสบมาได้ที่นี่ครับ
ตอบกระทู้

ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 1:10 pm

ประสบการณ์เฉียดตายของผมทั้งสามภาคนั้น เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนทั้งสิ้น
เมื่อภาคที่แล้วเป็นประสบการณ์ในวัยกระเตาะของผม
ส่วนภาคสองนี้เป็นเรื่องราวในวัยรุ่นพุ่งแรงที่เอาแต่เที่ยวผานเงินพ่อแม่อย่างไร้สำนึก

หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้ว ผมก็เจริญวัยทั้งร่างกายและสติปัญญา (ที่พอจะมีกับเขาบ้าง)
และก็ได้มุ่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเหลืองแดง (ขอย้ำว่าเหลืองแดงนะครับ มิใช่เหลืองล้วนหรือแดงล้วน)
ซึ่งได้นำความชื่นใจให้แก่ครอบครัวพอสมควร
เพราะไม่มีใครคิดว่าเด็กเสเพลอย่างผมจะสามารถสอบเข้ามไปเป็นลูกแม่โดมกับเขาได้
และในวันทราบผลนั้นเอง พี่ชายคนโตของผมก็ใจดีมอบพระจิ๋วองค์หนึ่งให้แก่ผม (พระจิ๋วอีกแล้วครับท่าน)
ซึ่งผมก็รับมาอาราธนาขึ้นคอด้วยความเต็มใจตั้งแต่วันนั้นจวบจนกระทั่งออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้
อันเนื่องจากพระองค์นั้นเป็นพระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยตรง (ส่วนเป็นรุ่นไหนเดี๋ยวผมค่อยเฉลยให้ตอนหลังก็แล้วกันครับ)

สำหรับนักศึกษาเหลืองแดงในรุ่นผมนั้น ปี 1 ต้องไปเรียนที่วิทยาเขตรังสิต
ส่วน ปี 2-4 จึงกลับมาเรียนที่ท่าพระจันทร์
นักศึกษาปี 1 ทุกคนทราบดีว่าการไปเรียนที่รังสิตนั้นเป็นสวรรค์ดีๆนี่เอง
เพราะห่างไกลพ่อแม่ เกือบทุกคนต้องพักหอพัก
ฉะนั้นเมื่อยามค่ำคืนมาถึง บรรดานักเที่ยวชั้นปัญญาชนแห่งนี้
ก็พร้อมใจกันแต่งตัวออกเที่ยวโดยไม่ต้องสนใจบุพการีที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ที่บ้าน

ลืมบอกไปว่าช่วงนั้น(ปี 38-39) ประเทศไทยเศรษฐกิจเฟื่องฟูมาก
หรือ ที่พวกเราคุ้นหูกันดีก็คือ ยุคฟองสบู่ ที่ยังไม่แตก หรือ ยุควัตถุนิยมอย่างสุดขีด
บรรดาพวกเพื่อนๆผมในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีทั้งหญิงและชาย
แต่งตัวแข่งกันอย่างสุดฤทธ์สุดเดชตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสื้อกางเกงที่ใส่มีทั้ง Amani, Versace, Moschino, D&G (ราคาเสื้อยืดอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 3,500 กางเกงยีนต์ ประมาณ 2,500 – 4,500)
หรืออย่างโลว์โซหน่อย ก็ Polo (เสื้อยืดถูกๆก็ประมาณ 600 – 1,500)
กระเป๋าตังค์และกระเป๋าถือ ยี่ห้อยอดนิยม ก็คือ Louis Vuitton, Bally, D&G, Gucci, Chanel (ราคาประมาณ 7,000 – 35,000)
รองเท้าผู้ชายก็ต้อง Feragamo, Bally (ราคาประมาณหมื่นกว่าๆเท่านั้นเอง)
อย่างชนชั้นกลางหน่อยก็ Timberland หรือ Next (ราคาประมาณ 2,000 – 4,000)
นี่แค่เรื่องการแต่งตัวนะครับ เรื่องการเที่ยวนี่หายห่วง
วันหยุดสุดสัปดาห์นี่คุณสาวๆเพื่อนไฮโซของผม
เขาก็จะพากันไปชอปปิ้งกันที่ฮ่องกง
อย่างแย่ๆหน่อยก็เที่ยวดิสโกเทคในประเทศ
ยุคนั้นก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก Turrus ใต้โรงแรม Four Wings
ซึ่งนักเที่ยวทั้งหลายต้องเสียค่าเข้าเทคแห่งนี้คนละ 500 บาท
ถึงจะสามารถเข้าไปแดนซ์กระจายกับเขาได้
คิดดูครับ ว่านี่เป็นสังคมพวกผมในสมัยเกือบสิบห้าปีที่แล้ว (เน่าเฟะขนาดไหน)

เป็นยังไงครับ ฟังแล้วน่าหดหู่ไหมครับ สำหรับสภาพสังคมเมืองกรุงในยุคนั้น
ผมย้อนกลับไปคิดทีไรก็รู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง
ว่าบ้าจี้ไปกับสังคมที่เหลวแหลกอย่างนั้นไปได้ยังไง
เอาเงินที่ได้จากพ่อแม่มาไปหมดกับสิ่งลวงโลกเหล่านั้นจนหมดสิ้น
ถ้าตอนนั้นผมคิดได้คงนำเงินไปเช่าบูชาพระซะดีกว่า (จริงไหมครับ แถมอยู่ใกล้ท่าพระจันทร์อีกต่างหาก)

เอาล่ะ ฝอยมามากแล้ว มาเข้าเรื่องดีกว่า
อย่างที่บอกไปครับ ว่าตอนปีหนึ่งผมต้องห่างบ้านไกลเรือนไปเรียนอยู่ที่วิทยาเขตรังสิต
วันๆไม่ทำอะไรครับ เช้าตื่นไม่ทันเข้าเรียน บ่ายไปนั่งคุยกับเพื่อนที่ใต้ตึกคณะ
พอตกค่ำก็ออกตะลุยราตรีเป็นโกวเล้งร่ำสุรา เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน

เวลาผ่านล่วงไป 4 เดือนของชีวิตปีหนึ่ง และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้
พวกผมและเพื่อนขี้เมาอีกสี่คน ขับรถ(เพื่อนผมขับรถพาพวกผมไป)
ไปนั่งกินเหล้ากันที่ตลาดบางขัน ชื่อร้าน “ไม้ลัง” ซึ่งเป็นร้านเหล้าแนวเพื่อชีวิต(ของพวกขี้เมา)
พวกเราดื่มกันอย่างออกรสออกชาติ จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน
แสงทิพย์หมดไปแล้ว 5 แบน (เฉลี่ยกินกันคนละแบน) ทุกคนเริ่มมึนๆกันแล้ว
แต่นักร้องประจำร้านดันผ่าร้องเพลง “หมาเศร้า” ของ แก้วลายทอง
พอดนตรีขึ้นปั๊บ ขี้เมาทั้งหกก็ประสานเสียงทันที “ตั้งวงรินกินเหล้า ไม่เมาไม่เลิก.................”
หลังจากแหกปากร้องเพลงจนจบ พวกเราก็มองหน้ากันและปรึกษาว่าจะเอายังไงดี
เพลงมันบอกว่า ถ้าไม่เมาก็ไม่ให้เลิก เอิ๊ก
แต่นี่เหล้าก็หมดไปห้าแบนแล้วยังไม่เมาเลย ถ้างั้นเราก็เลิกไม่ได้ ไปเที่ยวต่อในเมืองดีกว่า

แน่นอนครับจะเป็นที่อื่นไปไม่ได้ นอกจาก Turrus เทคไฮโซแห่งย่านสุขุมวิท (เทคสมัยนั้นปิดตีสี่ครับ)
พวกเราขับรถออกจากรังสิตด้วยความคึกคะนอง อันเนื่องจากฤทธิ์ของน้ำเมาที่ไหลรินผ่านช่องคอลงสู่กระเพาะ
แต่แทนที่มันจะระบายออกมาเป็นน้ำปัสสาวะ มันดันระบายออกมาเป็นอารมณ์สุดซ่าไร้สติ
เราขับรถออกมาบนถนนสายรังสิตเลนซ้ายมือของช่องเดินรถด้านใน
(ถนนเส้นนั้นเป็นแปดเลน ระหว่างสองเลนจะมีเกาะกลางเล็กๆพร้อมเสาไฟคั่นอยู่เป็นระยะ)
ทันใดนั้น ก็มีรถซีวิคสามประตูวิ่งมาด้วยความเร็วสูงขับขนาบข้างมา
เสมือนกับจะมาท้าแข่งรถ เพื่อนผมเจ้าของรถก็บ้าจี้ไปกับมันด้วย
พร้อมบอกว่า “รถกูแอ็คคอร์ดวีเทครุ่นใหม่โว้ย จะให้ไอ้ซีวิคแมลงสาบกระจอกงอกง่อยมาหยามได้ไงฟะ”
พวกผมอีกสี่คนแทนที่จะห้ามปรามแต่กลับสนับสนุนในการประลองความเร็วครั้งนั้น
ผมเชื่อว่าถ้าตอนนั้นพวกเราอยู่ในสภาพปกติไม่มีแอลกอฮอล์ในสายเลือด เราคงไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นแน่
รถยนต์ทั้งสองคันขับแข่งกันไปด้วยความเร็วสูงแหวกฝ่าอากาศธาตุไปอย่างไม่เกรงกลัวนรก
ความเร็วจากร้อยต้นๆค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงร้อยเจ็ดสิบ
และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
รถซีวิคสามประตูคู่ปรับหักพวงมาลัยปาดหน้าอย่างกะทันหัน
เพื่อนผมตกใจขีดสุดหักพวงมาลัยไปทางซ้ายมือ
ขึ้นเกาะกลางถนนฝั่งซ้าย ชนเข้ากับเสาไฟเหล็กที่ขวางหน้าอยู่ขาดสะบั้นเป็นสองท่อน
ทุกคนร้องออกมาด้วยความกลัวสุดขีด

แต่รถเจ้ากรรมยังไม่ยอมหยุด วิ่งข้ามถนนช่องซ้ายมือสองเลนเฉียดหน้ารถที่วิ่งสวนมาอย่างหวุดหวิด
และกำลังพุ่งเข้าชนป้ายหมู่บ้านที่ทำจากหินที่ตั้งอยู่ริมถนน
แต่เดชะบุญไม่รู้เกิดอะไรขึ้นรถกลับเลี้ยวหักผ่านป้ายหินขนาดใหญ่นั้นไปแค่คืบเดียว
แต่ยังมุ่งตรงด้วยความเร็วสูงสู่บ้านคนที่อยู่ข้างทาง

โชคดีที่โชเฟอร์ตีนผีเพื่อนผมยังพอมีสติอยู่บ้าง
รีบหักพวงมาลัยไปทางขวาเพื่อไม่ให้รถพุ่งชนเข้าบ้าน
แต่ความเร็วของรถและความซวยยังไม่จบสิ้น
ข้างทางบริเวณนั้นดันผ่ามีรถเก่าๆจอดอยู่หนึ่งคันต่อท้ายรถสิบล้ออยู่
รถที่ผมนั่งอยู่ก็เลยเสยเข้าท้ายรถเก๋งคันนั้นอย่างแรง จนบี้ไปทั้งคัน

แต่คนขับเพื่อนผมยังคงไม่ยอมแพ้กับชะตากรรม
หักรถไปทางซ้ายอีกรอบเพื่อไม่ให้เราทุกคนช้ำในตายเพราะแรงกระแทกเสียก่อน

แต่ยังครับ ยมทูตที่จ้องเอาชีวิตพวกผมยังไม่ยอมแพ้เช่นกัน
เพราะทันทีที่พวกเรารอดจากการอัดก๊อปปี้กับรถเก๋งและสิบล้อที่อยู่ข้างทางคันนั้น
เบื้องหน้าเราก็พบกับประตูอัลลอยด์หลังเบ้อเริ่ม ซึ่งเป็นรั้วของร้านศักดิ์สิทธิ์อัลลอยด์

คราวนี้เห็นอยู่ชัดๆว่ารถต้องพุ่งเข้าชนประตูอัลลอยด์แน่ๆ
ตอนนั้นบอกได้คำเดียวครับ ด้วยความเร็วและกระชั้นชิดขนาดนั้น
โชเฟอร์ตีนผีและผมซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างคนขับและไม่ได้คาดเบ้ลส์
คงได้ไปอยู่กับอาเหล่ากงและเหล่าม่าบนสวรรค์(หรือนรก)แน่ๆ

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นครับ
รถที่กำลังวิ่งเข้าชนประตูอัลลอยด์ อยู่ดีๆยางก็ระเบิดและสบัดตัวอย่างแรง
ส่งผลให้ตัวรถด้านคนขับฟาดเข้ากับประตูอัลลอยด์อย่างจัง
และแล้วทุกอย่างก็นิ่งสงบลง

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้
ผมเริ่มรู้สึกตัวเพราะกลิ่นอะไรบางอย่างที่เหม็นมากมากระทบจมูกเข้า
จึงรีบเรียกสติกลับคืนมาพร้อมทั้งกระทืบประตูรถที่ยับยู่ยี่ให้เปิดออก
แล้วเข้าไปช่วยดึงเพื่อนที่เลือดโชกสองคนออกมาจากตัวรถ
พวกเราทั้งห้าออกมาจากรถด้วยความมึนงงกับเหตุการณ์และภาพเบื้องหน้าที่เกิดขึ้น
รถแอ็คคอร์ดประกอบนอกนำเข้าป้ายแดง ราคาล้านสอง
กลับกลายเป็นซากรถที่แทบไม่คงเหลือสภาพความเป็นรถให้เห็น

เพื่อนผมสองคนจมูกหัก คนหนึ่งหัวแตก อีกคนแขนอาบเลือด
มีผมคนเดียวครับที่ไม่เป็นอะไรเลย
ทั้งๆที่ตำแหน่งที่ผมนั่งนั้นเป็นตำแหน่งที่อันตรายและน่าจะไปคุยกับยมทูตที่สุด
กระจกหน้ารถตรงกับตำแหน่งที่ผมนั่งนั้นเป็นรอยร้าวเป็นวงเบอเร่อ
ซึ่งดูแล้วต้องเป็นรอยหัวผมกระแทกแน่ๆ แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บใดๆเลย

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและชาวบ้านแถวนั้นวิ่งเข้ามาดูด้วยความประหลาดใจว่า
พวกมันรอดชีวิตกันมาได้อย่างไรหวา
โดยเฉพาะผมที่ไม่มีบาดแผลใดๆเลย
หลายคนพยายามขอดูพระที่ผมห้อยคออยู่ แต่ผมปฏิเสธครับ
เพราะกลัวผู้หวังดีจะกระชากสร้อยทองพร้อมพระองค์น้อยที่ห้อยอยู่
จากไม่มีบาดแผลก็อาจจะคอเปื้อนเลือดได้

สำหรับพระที่ผมห้อยนั้น
ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะพอเดาได้ไม่ยากเพราะผมเกริ่นนำไปแล้วว่า
เป็นพระที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยผมโดยตรง
แต่ถ้ายังเดาไม่ถูกผมก็ขอเฉลยครับ ว่า
พระองค์นั้นก็คือ พระปรกใบมะขาม ๕o ปี ม.ธ. ที่ผ่านพิธีใหญ่ยักษ์
รายละเอียดและประวัติในการสร้าง คงต้องรอให้ผู้รู้มาโพสนะครับ
สำหรับผมแล้ว เรื่องประวัตินั้นรู้ไม่ลึกนัก
เคยได้ยินเพียงว่า หลวงปู่ดู่ท่านได้ถอดจิตมาร่วมปรกด้วยในงานนี้ด้วย
จริงเท็จประการใด ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่ได้อยู่ในพิธีนั้น
ยังไงก็ขอท่านผู้รู้ช่วยโพสรายละเอียดเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
P1050765.jpg
P1050765.jpg (96.94 KiB) เปิดดู 1341 ครั้ง

P1050770.jpg
P1050770.jpg (97.53 KiB) เปิดดู 1341 ครั้ง


ภาคต่อไปเตรียมพบกับประสบการณ์เฉียดตายภาคสุดท้าย ชนิดที่ยากจะลืมไปชั่วชีวิตของผม


:!: :!: :!: :!: :!: :!: :!: :!: :!: :!: :!: :!:

เหลืองคือธรรมประจำจิต แดงคือโลหิตอุทิศให้
(คติของลูกแม่โดมครับ ไม่เกี่ยวกับสีเสื้อแต่อย่างใด)

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 3:45 pm

อุเหม่

เล่ายังกะให้คนอ่านไปนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถเลยฮะ

ขอบพระคุณฮะ ที่มาเล่าประสบการณ์ให้ได้รับทราบกัน

170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วที่ทำให้เสาไฟฟ้าข้างถนน มองแล้วเป็นต้นเดียวกันได้

ดีแล้วฮะที่ไม่เป็นอะไรเลย

เพราะถ้าเป็นอะไร

แล้วเด็กลึกลับ จะไปเอาพระจากที่ไหน

คริ คริ คริ

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 4:22 pm

แล้วตกลงเป็นกลิ่นอะไรครับที่บอกว่าเหม็นมากอย่าบอกนะว่าอึเพื่อน :shock:
แล้วที่บอกว่า..โชคดีที่โชเฟอร์ตีนผีเพื่อนผมยังพอมีสติอยู่บ้าง มีสติแล้วทำมายมันไม่เหยียบเบรคอ่ะครับ
เนื่องจากเล่าเป็นฉากสโลว์เป็นฉากๆจึงมีการจับผิดหน่อยนะในความคิดที่ได้อ่าน ซึ่งคิดว่าคนอื่นก้ออาจจะเป็นโรคนี้เหมือนผมบ้าง :P แต่คุณโจ้ก้อรอดมาได้ จนมาเล่าให้พวกเราฟังแล้วเราก้อจะฟังในภาคที่3 ครับ

ปล. มีภาคพิศดารอ่ะเปล่าแบบว่า แถมน่ะ แถม :mrgreen:

ขอบคุณครับ :grt:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 4:58 pm

อาจไม่ใช่ "อึ" เพื่อน
แต่เป็น "อึ" ของพี่ โจโจ้ ก็ได้ฮะ :vvhpy:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 5:51 pm

สาธุ...............

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 8:17 pm

ไอ้ที่เหม็นๆนั่น ไม่ใช่กลิ่นอึหรอกครับ แต่น่าจะเป็นกลิ่นที่ออกมาจาก Air Bag ซึ่งโค-ตะ-ระเหม็น ถ้าใครอยากพิสูจน์กลิ่นดังกล่าวนี้ แนะนำให้ลองขับรถที่มี่ Air Bag พุ่งเข้าชนกำแพงด้วยความเร็วซัก 120 km ต่อชั่วโมงดูครับ อาจจะได้คำตอบที่ตามหาก็ได้ครับ ถ้าท่านใดลองแล้วได้คำตอบก็อย่าลืมโพสบอกกันบ้างนะครับ ผมจะได้แน่ใจว่า กลิ่นดังกล่าวนั้น มิใช่อึข้าพเจ้า :lol: :lol:

ส่วนเรื่องที่โชเฟอร์ตีนผีเพื่อนผมยังพอมีสติอยู่บ้าง แล้วไม่เหยียบเบรคน่ะ ผมว่าเป็นบุญของผมแล้วครับ เพราะด้วยความเร็วขนาดนั้น ถ้าเหยียบเบรคแรงๆล่ะก็ บ๊าย บาย ครับ ผมคงได้ไปนั่งเจรจาต๊าอ่วยกับท่านยมบาลแน่ๆ ชิมิ๊ ชิมิ๊ :lol:

ว่าแต่รูปพระที่ผมโพสนั้น เป็นรุ่น ๕o ปี มธ. ใช่ไหมครับ ชักไม่แน่ใจ เพราะบางคนบอกว่าเป็นรุ่น ๖o ปี ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าต่างกันอย่างไร ถ้าใครมีก็ช่วยเมตตาให้ผมนำไปเปรียบเทียบหน่อยนะคร๊าบ

:rbb:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

จันทร์ 20 เม.ย. 2009 10:01 pm

เห็นภาพเลยครับ!! :grt:


ดีที่ไม่เป็นอะไรเลยครับ ของอย่างนี้ไม่เห็นแต่มีจริงๆ

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 1:00 am

:lol: คงไม่มีใครอยากพิสูจน์กลิ่นนี้แน่นอนครับ
เอหรือว่าคุณอู๊ดสนใจ ใช้แอคคอร์ดมิใช่หรือ :lol: :lol: :lol:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 1:59 am

อืมมม..........อ่านไปลุ้นไป นึกว่า " The fast and the furious " ภาคล่าสุด มันส์ดีครับ

ขอแก้ไขนิดนึงครับ ผับดังในยุคที่คุณ jojo ว่าแถวสุขุมวิท น่าจะเป็น Taurus มากกว่า Turrus ครับ (พอดีเคยไปเป็นเด็กเช็ดแก้วอยู่พักนึงครับ) :D

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 2:01 am

อาร์ต เขียน::lol: คงไม่มีใครอยากพิสูจน์กลิ่นนี้แน่นอนครับ
เอหรือว่าคุณอู๊ดสนใจ ใช้แอคคอร์ดมิใช่หรือ :lol: :lol: :lol:


หมายถึง "อีแก่" ที่ผมใช้ไปไหนมาไหนบ่อย ๆ เหรอครับ :mrgreen: ไม่มี Air bag ครับ (มันเหี่ยวหมดแล้วครับ) :lol: :lol:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 10:00 am

เหอะๆๆ

อีแก่คันนี้ มีหลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว ,พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์, อาจารย์ธรรมนูญ นั่งมาแล้วทั้งนั้นนี่ฮะ

ว่างๆว่าจะเลาะเบาะไปทำมวลสาร

คริ คริ คริ

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 11:25 am

:lol: :lol:

เอาไปทำ "ตะกรุดหนังเบาะ" เหรอฮะ

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 1:38 pm

น่าจะดีนะครับ
เดี่ยวผมไปช่วยกรีดให้ :rbb:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

อังคาร 21 เม.ย. 2009 5:15 pm

เล่าให้ฟังก็ตั้งใจฟัง

ฟังแล้วก็เสียดาย...


เสียดายที่ไม่ได้สวด
:lol: :lol: :lol:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 2:22 am

ช่วยไม่ได้ อ.ต่อ อยากให้ของดีกับผมไว้เยอะนี่ ผมเลยไม่ตายง่ายๆ :lol: :lol:

ผมคิดดูแล้ว ยังไม่ยอมตายหรอกครับ สู้อยู่ขอของดีจาก อ.ต่อ ต่อไปดีกว่า :hpy:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 3:05 am

:icry:


แว๊ก ไปทางคุณศิษย์กวงมั่งสิ หรือทางคุณชินก้อด้าย

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 9:37 am

สองท่านนั้น เด็กลึกลับได้สัมปทานแล้วฮะ

เหลือแต่คุณอารณธรรม เมื่อไหร่จะออกโฉนดให้เด็กลึกลับซะที

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 12:31 pm

:vsck: :vsck: :vsck:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

พฤหัสฯ. 23 เม.ย. 2009 5:00 pm

JoJo เขียน:.....ว่าแต่รูปพระที่ผมโพสนั้น เป็นรุ่น ๕o ปี มธ. ใช่ไหมครับ ชักไม่แน่ใจ เพราะบางคนบอกว่าเป็นรุ่น ๖o ปี ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าต่างกันอย่างไร ถ้าใครมีก็ช่วยเมตตาให้ผมนำไปเปรียบเทียบหน่อยนะคร๊าบ

:rbb:


ไม่รู้สิครับ...ว่า เป็นรุ่นไหน แต่ที่แน่ๆ ผมมีรุ่นเดียวกับคุณโจ้...อิอิอิ เดี๋ยวเย็นนี้จะถ่ายรูปมาร่วมประกอบในกระทู้นี้ครับ
--------------------------------------
อิอิอิ เจอลูกแม่โดมอีกแล้ว...ผมรุ่นเก็บตกรุ่นสุดท้ายที่ท่าพระจันทร์ครับ :lol: :lol: :lol:

Re: ประสบการณ์เฉียดตาย ภาค 2

ศุกร์ 24 เม.ย. 2009 12:13 am

001.jpg
001.jpg (67.6 KiB) เปิดดู 1082 ครั้ง
เอารูปพระมาร่วมโชว์ให้ดูครับ ผมได้พระองค์นี้มาตอนอยู่ปี 1 ที่ธรรมศาสตร์ครับ เดินไปบูชาที่ตึกโดม ท่าพระจันทร์ จำไม่ได้แล้วครับว่า องค์ละเท่าไร (ภาพอาจไม่ค่อยชัดนะครับ ผมใช้แสกนเอาครับ)
ตอบกระทู้