เกสาหลวงปู่เจี๊ยะ

โอ๊ต · **โพสต์แล้ว:** จันทร์ 13 ก.ค. 2009 5:59 pm

เส้นเกสาของหลวงปู่เจี๊ยะผมได้มาตอนงาน พระราชทานเพลิง ตอนได้มาครั้งแรกก้อเป็นเส้นเกสาปกติธรรมดา เมื่อวานนี้เปิดออกดูมีก้อนผลึกใสเกาะตามเส้นเกสา ส่วนเส้นที่สั้นก้อเปลี่ยนเป็นผลึกใสทั้งก้อน อย่างนี้เรียกว่าเปลี่ยนเป็นพระธาตุรึเปล่าครับ พี่ๆสุดหล่อท่านใดทราบ ช่วยตอบให้หายสงสัยทีครับ

เด็กลึกลับ · **โพสต์แล้ว:** จันทร์ 13 ก.ค. 2009 6:04 pm

ขอชมภาพด้วยได้บ่คับ

โอ๊ต · **โพสต์แล้ว:** จันทร์ 13 ก.ค. 2009 6:27 pm

ต้องขอโทษด้วยครับพี่ กล้องผมถ่ายไม่ได้ครับ

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** อังคาร 14 ก.ค. 2009 12:44 am

อ้าว ! กล้องถ่ายไม่ได้แล้วมันจะเกิดมาเป็นกล้องได้อย่างไรครับเนี่ย ??? งง งง

เอาอย่างนี้นะครับ ถ้าคุณโอ๊ตแน่ใจว่าได้สังเกตเป็นอย่างดีแล้วในทีแรกว่าเส้นเกศาของหลวงปู่ท่านไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมเกาะติดมาก่อนแน่ เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงดังที่เล่ามา ณ เวลานี้ผมก็ค่อนข้างเชื่อไว้ก่อนล่ะครับว่าน่าจะเป็นปรากฏการณ์เริ่มต้นของการที่เส้นเกศากำลังจะแปรเป็นพระธาตุ

แต่อันที่จริงท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ก็เคยปรารภไว้ว่า เส้นเกศาก็ดี เล็บก็ดี หรือสิ่งใด ๆ อันเป็นส่วนประกอบของธาตุขันธ์พระอรหันต์ก็ดี สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดล้วนถือว่าเป็น "พระธาตุ" อยู่แล้วโดยธรรมชาติ หากยังรอแต่การ "แปร" สภาพเป็นธาตุบริสุทธิ์ที่ไม่เหมือนธาตุธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง

พูดง่าย ๆ คือ เพชรลูกที่ยังไม่ได้เจียรไน

ไม่ว่าจะอย่างไร ก็เป็นมหามงคลทั้งนั้นครับ

ท่านพระอาจารย์จวนยังเมตตาบอกอีกว่า "เส้นเกศาของพระอรหันต์แม้เพียงเส้นเดียวก็คุ้มได้ทั้งบ้าน"

คุณโอ๊ตมีกี่เส้นครับ ?

โอ๊ต · **โพสต์แล้ว:** อังคาร 14 ก.ค. 2009 5:35 am

กล้องผมมันเป็นข้าวครับ (ฮิ ฮิ ล้อเล่นครับ)
ตอนได้มาอยู่ในขวดไม่มีสิ่งใดปลอมปนแน่นอนครับ แล้วเกสาที่ผมแบ่งไปเลี่ยมไว้หลังพระยอดธงของหลวงปู่รวมกับจีวรชุบโลหิต ปลายเกสาบางเส้นก้อมีผลึกใสเกาะเหมือนกันเลยครับ ตอนนี้มีเหลืออยู่ราว 7 เส้น ครับ แฮะๆ (ผมเคยอ่านเจอในบทความของพี่รณธรรม ว่าไม่ควรนำมาพระธาตุคล้องติดตัวใช่มั้ยครับ) แล้วผมจะเอาไปไว้ไหนดีครับเนี่ย

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** อังคาร 14 ก.ค. 2009 8:45 pm

พระธาตุที่ว่าไม่บังควรนำมาติดตัวนั้น มิได้หมายถึง "ธาตุ" ของพระสาวกครับ แต่ผมหมายถึง "พระบรมสารีริกธาตุ" ซึ่งก็คือ "ธาตุ" ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ เพราะ "ธาตุ" อันนี้บริสุทธิ์สุดส่วนและสูงเกินกว่าที่จะนำมาพกติดตัวได้

เนื่องจากว่าคนเราทั่ว ๆ ไปนั้นยังมีกิเลสมากอยู่ ยังมีสติปกครองจิตน้อยอยู่ เมื่อแขวนไป ๆ ก็อาจพูดจาด่าทอ กล่าวคำไม่สุภาพ เดินเหินเข้าไปในสถานที่อวมงคล เช่น คลับ บาร์ ผับ สถานโสเภณี ประพฤติตนไม่มีศีล ดื่มสุรายกแก้วข้ามเศียรพระเครื่องวัตถุมงคล ฯลฯ สิ่งที่ทำเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้พระธาตุเสด็จหนีไปได้และเพิ่มผลแห่งบาปกรรมให้เราเป็นเท่าทวีคูณ

ดังนั้น บูชาอยู่กับบ้านจะดีที่สุดครับ

ส่วน "ธาตุ" ของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นพระสาวกในปัจจุบันสมัยนั้น แม้มีความบริสุทธิ์อยู่ก็จริง แต่ยังไม่เปี่ยมด้วยบารมีและไม่สูงเกินกว่าจะนำมาบูชาติดตัว ดังที่ผมเรียนแล้วว่า ท่านพระอาจารย์จวนเคยกล่าวว่า เส้นผมของพระอรหันต์ก็คือพระธาตุที่ยังไม่แปรสภาพ

ฉะนั้น ถ้าเราพกพาพระธาตุไม่ได้ พระเครื่องทั้งหลายซึ่งผสมเส้นเกศาครูบาอาจารย์ เช่น พระผงหลวงปู่แหวน พระผงหลวงปู่สิม พระผงหลวงปู่ดู่ พระผงหลวงปู่เกษม เป็นต้น ก็คงพกพาห้อยแขวนกันไม่ได้ เพราะจะเป็นบาปเป็นกรรมกันไปหมด และองค์ท่านเหล่านั้นหากพิจารณาเห็นแล้วว่าไม่บังควรทำเรื่องการนำเส้นเกศามาผสมในเนื้อพระ เพราะจะเป็นบาปมากกว่าเป็นบุญ ท่านก็คงกล่าวห้ามไม่ให้นำเส้นเกศาของท่านมาผสมสร้างพระแล้วล่ะครับ

แต่สำหรับพระอรหันตเจ้าในยุคพุทธกาล ถือได้ว่าเป็นผู้เปี่ยมด้วยบุญและบารมีจึงได้เกิดมาพบพระพุทธองค์ และธาตุของท่านเหล่านั้นก็แปรมากว่าสองพันปีแล้ว ดังนั้น จึงไม่สมควรนำธาตุที่ "สูง" ด้วยคุณธรรม ด้วยบุญบารมี และ ด้วยกาลเวลา อย่างนั้นมาพกติดตัวครับ

ผมเห็นคนที่แขวนพระเครื่อง ซึ่งบรรจุเส้นเกศา เล็บมือ จีวร ของหลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม และ หลวงปู่เกษมมาแล้ว เขาเหล่านั้นล้วนมีแต่ความสุขสมบูรณ์ดีในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม...

ผมเห็นคนที่แขวนพระธาตุของพระอริยสาวกในสมัยพุทธกาลติดตัวมาแล้ว เขาเหล่านั้นล้วนวิบัติฉิบหายกันไปคนละอย่างสองอย่างแบบไม่น่าเชื่อ เพราะดู ๆ แล้วเขาทุกคนก็มีความเคารพในพระธาตุเหล่านั้น ทำไมเขาถึงประสบกับความวิบัติพลัดพรายกันไปหมด...

ตอบได้ทันทีว่า เพราะความประพฤติของเขามันขัดกับสิ่งที่บูชาอยู่

เขาวิบัติเพราะ อยากแขวนของสูงที่สุด แต่ก็ทำตัวต่ำที่สุด

จึงเป็นเช่นนั้นแล...