Switch to full style
มาร่วมสนทนากันในหมู่สมาชิก แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ท่านประสบมาได้ที่นี่ครับ
ตอบกระทู้

ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 12:42 am

เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา .....

ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ นวรัตน์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปั­­ญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้นนักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิ­ญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากินเนื่องจากสินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนให­่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญ­หาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบ ถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus, Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวก ฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ...

เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553 คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปั­­ญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เพราะที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ

เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของคุณนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ

ในการวิเคราะห์บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงครามอเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ

ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้ นิติภูมิทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทยแทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้าง­่อีกเพราะอะไร เพราะเราไปคาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท

เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

บิกซี โลตัสเหมือนกัน !


นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซ็นต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ ผมสอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่... มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่... เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาทให้คนไทย

มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศคนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่งคาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหนต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ดีครับ ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย

ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ใบตองที่ห่อขนมไทยไม่มีลิขสิทธิ์ มันเป็นวัสดุธรรมชาติย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย...

ผมทำได้และได้ทำแล้ว !!

ป.ล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ ยาวไปหน่อยแต่อยากให้อ่าน

.........................................................

ขอบคุณฟอร์เวอร์ดเมลดี ๆ จากคุณมงคล เลิศอุทัย ครับ

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 2:31 am

ผมได้คุยกับพี่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นนักเขียนและกวี ตลอดจนเป็นผู้ที่ทำงานด้านการศึกษาและสังคม พี่ท่านนี้ก็ให้ความคิดเห็นเฉกเช่นเดียวกันว่า จะมีการแยกออกไปเป็นรัฐใหม่ตามภูมิภาค

แต่ผมก็ขอคิดแย้งครับว่า ยากครับที่จะแบ่งกันได้ขนาดนั้นเพราะว่า คนไทยเราทุกวันนี้มีการอยู่อาศัย ทำงาน มีครอบครัว มีการตั้งถิ่นฐานที่ผสมคลุกเคล้ากันไปทั่วจนยากที่จะแยกกันออก ดังเช่น คนไทยภาคอีกสานแม้ว่า จะมีรกรากมาจากภาคอีสานก็จริง แต่ว่า ก็มามีครอบครัว มีบ้านเรือน มีลูกเรียนหนังสือ อยู่ที่กรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ มากมาย ฯลฯ คนภาคเหนือ คนภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน หรืออย่างเพื่อนของผมเป็นคนภาคใต้ เป็นคนหาดใหญ่ก็ไปอยู่อาศัยทำมาหากินที่ภาคเหนือ เป็นต้น

ถ้ามีการแยกกันอย่างนั้นจริงๆ ก็คงยากที่จะแยกออกจากกันเพราะสายสัมพันธ์ต่างๆ นั้นเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นผูกพัน พัวพันกันไปหมดยากที่จะแยกออกไปได้ครับ

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 2:33 am

เห็นด้วยครับ อย่าแยกกันดังพยากรณ์นั้นเลย

ผมไม่อยากได้ชื่อว่า ไปกราบครูบาอาจารย์ในรัฐนั้นรัฐนี้หรอกหนา

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 7:42 am

ขอให้เป็นเพียงแค่การพยากรณ์เถิดขอรับ :mrgreen:

ไม่อยากให้ลูกๆต้องไปเรียนรัฐอื่น :P :lol: :lol:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 1:08 pm

ตกลง...ลูกๆ ในเว็บนวรัตน์นี่ จะไม่มีใครเอา "รัฐปัตตานี" กับพ่อ (ใหญ่) เลยเหรอเนี่ย...
15378.jpg
15378.jpg (29.92 KiB) เปิดดู 1486 ครั้ง

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 4:10 pm

ผมเชื่อว่าสมาชิกเว็บนี้ ไม่เข้าข้างใครข้างใดข้างหนึ่งแน่ครับ นอกจากอยู่ฝ่ายเดียวกันกับ ชาติ ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์ เท่านั้น :hhero: :hhero:





ป.ล. เท่มะ เท่มะ :mrgreen:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

ศุกร์ 20 พ.ย. 2009 4:14 pm

คุงพ่อใหญ่ หวานเจี๊ยบ กลับไปอยู่บ้าน เข้าวัดฟังธรรมเต๊อะ :lol:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

เสาร์ 21 พ.ย. 2009 3:21 am

ไม่หวานแล้วล่ะครับตอนนี้ ดูท่าน่าจะขมปี๋มากฝ่า เอิ๊ก เอิ๊ก :lol: :lol: :lol:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

อาทิตย์ 22 พ.ย. 2009 9:55 am

ช่างเป็นรูปที่อัปมงคลเจงๆ :wet:


ข้างบนน่ะ
:vsck: :vsck: :vsck:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

จันทร์ 23 พ.ย. 2009 9:57 am

:grt: :grt: สูดดด..ตรีนนนน!!! :grt: ปล.ยังเชื่อและหวังในความรักชาติของคนไทยนะจ๊ะ

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

จันทร์ 23 พ.ย. 2009 11:59 am

pai เขียน::grt: :grt: สูดดด..ตรีนนนน!!! :grt: ปล.ยังเชื่อและหวังในความรักชาติของคนไทยนะจ๊ะ


เอ่ออ....ผมว่าอย่า "สูด" มากนะฮะ เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจครั่บ :mrgreen:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

อังคาร 24 พ.ย. 2009 12:32 pm

:shock: :shock: :shock:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

เสาร์ 28 พ.ย. 2009 8:47 pm

.gif
.gif (16.55 KiB) เปิดดู 1203 ครั้ง

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

อาทิตย์ 29 พ.ย. 2009 7:14 pm

:icry: อะไรจะถูกจะผิดต้องดูนานๆๆคนไทยส่วนมากที่ผ่านมาเท่าที่ดูมาตั้งแต่ผมเกิดมาก้อ 39 ปีแล้วมันชอบลองผิดลองถูกมันถึงไปไม่ถึงไหนมันถึงไม่เจริญประเทศญี่ปุ่นขนาดเขาแพ้สงครามในตอนสงครามโลกครั้งที่2ประเทศเขายังพัฒนาได้จนนำหน้าประเทศเราไปประมาณ 100 ปีแล้ว ประเทศเกาหลีใต้สมัยที่มีสงครามระหว่างเกาหลีเหนือนั้นล้าหลังประเทศไทยหลายสิบปีแต่ตอนนี้เราล้าหลังประเทศเขาราวๆๆ70-80ปีเพราะคนไทยชอบลองผิดลองถูกกับนักการเมืองที่พอเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ดีก้อเลือกรัฐบาลชุดใหม่มาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์สมัยที่14ตุลาคม2516นั้นรัฐบาลใส่ร้ายนักศึกษาต่างๆๆนานาคนที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลสมัยนั้นเป็นคอมมิวนิสส์ทั้งหมดลองไปหาอ่านดูนะครับว่าเป็นไงจะอธิบายในที่นี้มันหลายหน้าผมอยากให้ดูรัฐบาลนี้นานเดี๋ยวหางก้อโพล่เองครับ ผมเบื่อเรื่องการเมืองไม่อยากจะพูดเรื่องมันยาว...................ใส่ร้ายกันต่างๆๆๆนานาใครเป็นใหญ่ก้อไล่เหยียบเขาเรียกว่าที่ใครทีมันคนที่มีหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนอยู่ในมือก้อได้เปรียบครับประเทศไทยถ้าขาดในหลวงพระองค์นี้แล้วคนไทยทั้งหลายจะอยู่อย่างไรผมอยากให้คนไทยทั่วประเทศรักกันเหมือนประเทศญี่ปุ่นรักประเทศชาติของเขารักวัฒนธรรมของเขาประเทศไทยจะได้พัฒนาไปเป็นผู้นำแก่ชาติต่างๆๆบ้างครับ

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

จันทร์ 30 พ.ย. 2009 2:34 am

อู๊ด อู๊ด เขียน:ผมเชื่อว่าสมาชิกเว็บนี้ ไม่เข้าข้างใครข้างใดข้างหนึ่งแน่ครับ นอกจากอยู่ฝ่ายเดียวกันกับ ชาติ ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์ เท่านั้น :hhero: :hhero:





ป.ล. เท่มะ เท่มะ :mrgreen:


ได้เห็นได้ยินได้ฟังพี่อู๊ดๆเช่นนี้แล้วก็เป็นปลื้มครับ :ilu:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

จันทร์ 30 พ.ย. 2009 2:56 am

:lol: :lol: :lol:

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

อังคาร 01 ธ.ค. 2009 8:55 am

อีกหน่อยถ้าไปหาคุณศิษย์กวงกับเสี่ยต่อแล้วบอกว่า "ไปสาธรณรัฐประชาธิปไตยประชาชลบุรี" คงรู้สึกแย่นะ

Re: ปี 2553 จุดจบประเทศไทย

อังคาร 01 ธ.ค. 2009 8:27 pm

แต่ผมจะรู้สึกดีมั่ก ๆ



อยากเป็นประธานาธิบดีมานานแร้ววววว.... :lol: :lol: :lol:
ตอบกระทู้