ที่มาของบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกกับหลวงปู่ครูบาสิทธิ
จำได้ว่าผมพบหลวงปู่ครูบาสิทธิครั้งแรกที่วัดไผ่ล้อมตอนที่ท่านมาเสกเหรียญนพรัตน์นพคุณ ขณะนั้นผมมีหน้าที่นิมนต์และดูแลพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศกว่า ๑๐๘ รูปมานั่งปรกปลุกเสก พอท่านมาถึงโบสถ์หลังเก่าซึ่งเป็นที่รับรองพระเกจิ ได้นั่งคุยกันสักพักผมเกิดศรัทธาในตัวหลวงปู่มากจึงฝากตัวเป็นศิษย์และนำผ้ายกครูของผม(ผ้าแดง)และประคำครูให้ท่านเสก ขณะนั้นจำได้เลยว่าเกิดลมกรรโชกพัดวูบอย่างแรง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่รับรู้ได้ว่าหลวงปู่ครูบาสิทธินี่ท่านขลังจริงๆ ต่อมาอีกราวๆขวบปีผู้ใหญ่ท่านนึงได้มาขอให้ผมช่วยอาราธนาพระเกจิมาทำพิธีอธิษฐานจิตให้พระสยามเทวธิราชและพระเสื้อเมืองคุ้มครองดวงชะตาของบ้านเมือง พิธีนี้กระทำที่ศาลหลักเมืองสนามหลวง ผมได้นิมนต์หลวงปู่ครูบาสิทธิลงมาอีกครั้ง คราวนี้เมื่อพบกันผมรีบตรงเข้าไปกราบท่าน ท่านดีใจได้ให้พรและเป่าหัวผมอีกซึ่งระหว่างนั้นก็มีลมพัดวูบ ทั้งๆที่อยู่ในห้องรับรองซึ่งเป็นห้องแอร์ ตอนนั้นผมก็ยังไม่ทันคิดอะไรอยู่ดี และคราวนี้ทุกครั้งที่ผมได้รับมอบหมายให้จัดพิธีใดๆไม่ว่าจะเป็นการบวงสรวง ไหว้ครู หรือแม้กระทั่งเสกจตุคาม เวลาประกอบพิธีมักมีลมกรรโชกแรงๆตลอด ผมก็ได้แต่แปลกใจทุกครั้ง แม้แต่พิธีบวงสรวงและกดพิมพ์นำฤกษ์วัตถุมงคลรุ่นรักชาติที่หลวงปู่เจือท่านเป็นประธาน วันนั้นเกิดลมกรรโชกวูบวาบ น้องที่เป็นนักเขียนหนังสือพระได้เอาพระกริ่งของเค้ามาเข้าพิธีด้วย ออกปากเลยว่า พิธีดีจริงๆพี่ มีลมกรรโชกแรงๆเป็นระลอกแต่เทียนไม่ดับ แสดงถึงการรับรู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นผมก็ได้แต่ฟังแล้วคล้อยตาม พอมาพบภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเจดีย์ก็ได้แต่ทึ่งในความอัศจรรย์จนแทบลืมคิดเรื่องลมกรรโชก และก็ยังนึกหาประเด็นเชื่อมโยงอะไรไม่ได้
หลังจากนั้นมาอยู่ๆผมก็เริ่มคิดอยากบูชาปู่ฤๅษีเนื่องด้วยว่าสำนึกว่าท่านเป็นบรมครูองค์ต้นของเวทย์วิทยาที่ผมได้ไปร่ำเรียนมาในเวลาเกือบ ๒๐ ปีที่ผ่านมา จึงได้เริ่มศึกษาประวัติความเป็นไปเป็นมารวมถึงพระเวทย์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงจนไปพบคาถาเชิญของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสีจึงได้นำมาบริกรรมภาวนาจนเริ่มเห็นผล จากนั้นก็ไปหาเช่าหัวครูมาจากช่างที่ทำจำหน่าย แล้วเริ่มนำพาไปให้ครูบาอาจารย์ทั่วประเทศกว่า ๑๐๘ รูป อัญเชิญครูบาอาจารย์ในสายท่านลงสิทธิประสาทพรและได้นำให้พระเกจิทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ใช้ครอบในพิธีกรรมต่างๆ ปรากฏว่าแรงมากทีเดียว ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของหัวบรมครูปู่ฤๅษีนี้สามารถทำให้หลวงพ่อ หลวงปู่ บางองค์ดังขึ้นมาได้ง่ายๆ ทั้งที่หลวงปู่บางองค์ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับฤๅษีมาก่อน หรือแม้แต่คาถาเชิญคาถาครอบท่านก็ไม่รู้ ถ้าหลายคนสังเกตุจะเห็นว่าก่อนที่จะมีการครอบทุกครั้งผมจะต้องเป็นคนเชิญปู่ฤๅษีเองเสมอ
หลังจากที่ผมเริ่มบูชาปู่ฤๅษีเป็นนิจแล้ว เกือบทุกครั้งที่ผมจุดธูปเทียนอัญเชิญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เทพ พรหม บรมครูปู่ฤๅษีและอุปัชาย์ครูบาอาจารย์ทุกๆองค์ลงประสิทธิในพิธีการต่างๆ มักจะรับรู้ได้ถึงแรงลมหอบเป็นลูกๆ แรงบ้าง เบาบ้างมาตลอดแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร จนกระทั่งผมจัดงานไหว้ครูขึ้นที่วัดอโยธยา เนื่องจากผมเว้นไหว้ครูมาปีหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจโดยในปีนั้นให้ถือเป็นงานไหว้ครูของหลวงปู่ฯองค์หนึ่งไปด้วยเสียเลย โดยได้นิมนต์ครูบาแม้วมาอ่านโองการบวงสรวง แต่แรกงานนั้นคิดไว้ว่าจะเป็นงานไหว้ครูเล็กๆ ไหว้ครูอย่างเดียว..มากสุดก็ให้มีการครอบหัวครู แต่มีพี่บางคนไม่ยอม...บอกว่าไหนๆมีพิธีสำคัญทั้งทีต้องทำวัตถุมงคลที่ระฤก ช่วงนั้นผมก็ทัดทานไปว่าออกถี่มากแล้ว ออกของเดือนละรุ่น แต่พี่เขายืนยันว่าน่าจะทำไปเลยนะ ด้วยความที่เกรงใจพี่เขาเพราะเขามีศรัทธาเต็มเปี่ยม พอวางโทรศัพท์ก็เลยมานั่งคิดว่าจะทำอะไร ตอนนั้นก็เห็นภาพปู่พัดโบกขึ้นมาในมโนทวารทันที และก็ตามด้วยปู่ฤๅษีทันใจ เอาหล่ะวาทีนี้ใครเป็นใครจะสร้างองค์ใดดี สรุปก็เลยสร้างทั้ง ๒ องค์ ปู่พัดโบกองค์เล็กออกให้บูชา ปู่ทันใจองค์ใหญ่ ไว้ประดิษฐานในหอบูรพาจารย์ เลยโทรหาช่าง ช่างก็แสนใจดีรับงานนี้โดยใช้เวลา๒สัปดาห์ทั้งปั้นทั้งกรอกเททองขัดแต่งเป็นไปได้ยังงัยแทบไม่น่าเชื่อ และไหนจะที่เททองในพิธีอีก การปั้นพิมพ์นั้นก็อัศจรรย์เหลือเกินช่างปั้นๆได้ตามจินตนาการทีผุดเกิดขึ้นในมโนทวารของผมเป๊ะเลยทั้งๆที่ผมอธิบายงานทางโทรศัพท์เท่านั้นเพราะทุกอย่างเร่งไปหมด ปู่ฤาษีทั้ง๒องค์นั้นจึงเป็นองค์แทนแห่งความสำเร็จรวดเร็วทันใจจริงๆ
และระหว่างพิธีการไหว้ครูและเททอง คราใดที่ผมยืนกำหนดจิตกำหนดใจตั้งมั่นระฤกถึงครูบาอาจารย์ก็จะปรากฎลมหอบกรรโชกแต่เทียนไม่ดับอีกทุกครั้งครา แสดงให้เห็นว่าในพิธีกรรมใดๆถ้าผมเป็นคนจัดมักมีเรื่องทำนองนี้ ต่อมาผมจึงลองอธิษฐานให้ท่านช่วยในหลายๆเรื่อง ท่านก็ช่วยทุกครั้งคราและช่วงนั้นผมเริ่มค้นคว้าจนได้คำตอบว่าท่านคือใครมีที่มาที่ไปอย่างไรและมั่นใจแล้วว่าเหตุการณ์ลมกรรโชกนั้นเกี่ยวข้องกับบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกแน่และเริ่มเข้ามาสัมผัสกับผมตั้งแต่ตอนที่ผมได้พบกับหลวงปู่ครูบาสิทธิครั้งแรกเป็นต้นมา
จึงได้นำเรื่องนี้มาวิเคราะห์จนนึกได้ว่ามีภาพเคลื่อนไหวชุดหนึ่งที่เคยลงในเน็ต ตอนที่หลวงปู่ปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดหนึ่งแถวอ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ในราวปี พศ.๒๕๕๐แล้วปู่ฤๅษีลงหลวงปู่สั่นเขย่าไปหมดทั้งตัว จำได้ว่าวันนั้นก็มีลมและเทียนไม่ดับอีกเหมือนกัน ยิ่งทำให้มั่นใจมากว่าหลวงปู่ครูบาสิทธินั้นท่านเกี่ยวข้องกับฤๅษีโดยตรงจึงได้เดินทางขึ้นไปสอบถามท่านและก็ได้คำตอบมาเป็นเรื่องเหนือปาฏิหารย์ที่เกิดในถ้ำตับเต่าไม่อาจเขียนลงบทความได้ เดี๋ยวคนไม่เข้าใจจะหาว่าไม่จริง แต่ขณะเดียวกันท่านพระอ.มหาเกษมศิษย์เอกผู้บริหารวัดและคณะสงฆ์แทนหลวงปู่ได้ให้ข้อมูลยืนยันว่า เสื้อวัด(เจ้าที่วัด) ปางต้นเดื่อนั้นเป็นฤๅษีถึง ๒ รูป (ในส่วนตัวผมๆเชื่อว่าผมพบแล้วทั้ง ๒ รูป) และทางคณะศรัทธาวัดปางต้นเดื่อเชื่อว่าบรมครูปู่ฤๅษีท่านต้องการเปิดวัดให้โบสถ์สำเร็จ
ไม่น่าเชื่อเลยโครงการจัดสร้างบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกองค์เล็กของหลวงปู่ครูบาสิทธิ วัดปางต้นเดื่อ กลายเป็นจริงขึ้นมา และได้ทำการอัญเชิญบรมครูปู่ฤๅษีประจุปลุกเสกทั้งสิ้น ๑๐ครั้ง ๙ ครูบา โดยเป็นครูบาทางเชียงใหม่ ๖ รูป ดังนี้ หลวงปู่ครูบาสิทธิ วัดปางต้นเดื่อ หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง หลวงปู่ครูบาอิ่นคำ วัดมหาวัน หลวงปู่ครูบาคำอ้าย วัดเวฬุวัน หลวงปู่ครูบาอินตา วัดท่าศาลา และครูบาทางลำพูน ๓ รูปคือ หลวงปู่ครูบาข่าย วัดหมูเปิ้ง หลวงปู่ครูบาบุญทา วัดเจดีย์สามยอด หลวงปู่ครูบาศรีวัย วัดหนองเงือก และปิดท้ายด้วยหลวงปู่ครูบาสิทธิอีกรอบซึ่งเกิดความอัศจรรย์ทั้งการอัญเชิญบรมครูปู่ฤๅษีลงประสิทธิทั้งรอบแรกและรอบสุดท้าย
ในรอบแรกนั้นพอหลวงปู่ครูบาสิทธิท่านเห็นองค์ปู่ขนาดบูชาที่ผมพาไปเป็นประธานอยู่ท่ามกลางองค์เล็กๆจำนวน ๑,๐๐๐ องค์ท่านยิ้มดีใจ หลวงปู่ท่านชอบมากเอามือลูบคลำตลอดและในการอัญเชิญประจุปลุกเสกครั้งแรกนี้หลวงปู่ครูบาสิทธิท่านอัญเชิญปู่พัดโบกลงเสกดีมาก มีลมพัดเป็นระลอกๆแต่ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นลมจากปู่ฤๅษีฯเพราะกุฏิหลวงปู่อยู่ยอดเขาลมต้องแรงอยู่แล้วพอเสร็จพิธีพระที่ไปด้วยท่านนั่งใกล้หลวงปู่ที่สุดท่านบอกโยมพี่เมื่อกี้น้ำมนต์หมุน ผมก็เสียดายที่ไม่ได้เห็น เลยถามท่านกลับไปว่าเมื่อกี้ทำไมไม่บอก ผมจะได้ถ่ายรูปไว้ ท่านตอบว่ากลัวเสียงดังหลวงปู่เสียสมาธิ เลยเป็นอันว่าวันนั้นไม่ได้หลักฐานเลย ได้เพียงคำบอกเล่าและขอแบ่งน้ำมนต์บาตรนั้นกลับมา
ส่วนรอบปิดท้ายนั้นขณะที่หลวงปู่ครูบาสิทธิกำลังอัญเชิญบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกลงเสกอยู่นั้นเกิดลมหอบอย่างแรง จนสามเณรตกใจวิ่งเลิกลั่ก ขณะที่พวกคณะทำงานรวมทั้งผมนั่งอยู่ในกุฏิกลับรูสึกว่ากุฏิสั่นไหวแต่ก็มิได้พูดอะไรกันจนเสร็จพิธีนั่นหล่ะ ทีแรกผมนึกว่าความดันผมไม่ปกติเลยรู้สึกวูบ แต่หลายคนที่อยู่ด้วยบอกว่าไหวแน่เณรยังวิ่งเลยส่วนหลวงปู่ครูบาสิทธิท่านกล่าวอธิษฐานดังๆก่อนและหลังเข้าสมาธิมีใจความว่า ขอให้ปู่ฤๅษีช่วยคุ้มครองผู้บูชาให้อยู่ดีมีสุขปราศจากอุปสรรคอันตรายใดๆ ให้มีโชคมีลาภ เมตตาค้าขายดี สมปราถนา รวย รวย รวย
แนบไฟล์: |
|
|
|