หลายวันก่อนเกิดความสงสัยเรื่องนี้เลยเขียนเมล์ถามอาจารย์ต่อ เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่มีคนอื่นสนใจอยู่บ้างเลยขออนุญาติเอามาลงครับ
_____________________________________________________________
คำถามรบกวนไขข้อสงสัยผมหน่อยครับ คือเท่าที่ผมเคยทราบมาในหลักโหราศาสตร์ไทยเราจะให้ตำรามหาทักษาเป็นหลักในการพยากรณ์หรือแม้แต่จะใช้ในการตั้งชื่อหรือหาวันมงคลต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งของตำรานั้นจะบอกว่าคนเกิดวันไหนไม่ควรทำงานมงคลในวันไหน อย่างคนเกิดวันพฤหัส จะไม่ควรทำงานมงคลในวันเสาร์ (เพราะเสาร์เป็นกาลกีณีของพฤหัส) ดังนั้นแล้วในการที่คนเกิดวันพฤหัสไปทำพิธีลงสักยันต์ในวันเสาร์5ที่จะมาถึงนี้จะถือเป็นกาลกีณีด้วยหรือไม่ หรือมีคติอื่นในการนำมาใช้กับเรื่องนี้
______________________________________________________________
คำตอบจากอาจารย์ตำราที่ว่าด้วยศาสตร์ต่าง ๆ ในโลกนี้มีมากมาย บางศาสตร์ก็หนุนเนื่องซึ่งกันและกัน เช่น มนุษยศาสตร์กับสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์กับแพทยศาสตร์ แต่บางศาสตร์ก็ไม่สามารถเอามาใช้ด้วยกันได้เลย เช่น วิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์
แต่ไสยศาสตร์กับโหราศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ต้องพึ่งพากันอยู่เสมอ เช่น เมื่อต้องการประกอบพิธีสำคัญบางอย่าง ก็ยังดูฤกษ์ยามมงคลเพื่อกำหนดเป็นวันประกอบการ เหตุที่ต้องทำดังนี้ เพราะต้องการอาศัย "อำนาจ" และ "พลังงาน" ของดวงดาวที่ทำมุมต่างรูปแบบกัน ก่อให้เกิด "พลังงาน" ที่ไม่ซ้ำแบบกัน อาทิ พลังร้อน พลังเย็น เป็นต้น ก็เอาพลังงานเหล่านั้นมาช่วยเสริมสิ่งที่จะทำขึ้นมา สมมุติว่าจะทำของขลังทางคงกระพันชาตรี มหาอุด มหาอำนาจ ก็จำเป็นต้องอาศัยพลังร้อน จึงควรหาฤกษ์ที่ดวงดาวทำองศากันแล้วเกิดเป็นพลังงานร้อนขึ้นมาส่งเสริม หากต้องการทำของทางเมตตา ก็หาฤกษ์ที่ดวงดาวทำองศากันแล้วเกิดเป็นพลังงานเย็น ดังนี้เป็นต้น
แต่เหนืออื่นใด ไม่ว่าจะศาสตร์ใดก็ไม่สำคัญไปกว่า "จิต"
ไม่ว่าพลังงานใด ก็ไม่เหนือไปกว่าพลังงานจาก "จิต"
พระพุทธศาสนา เป็น "ศาสตร์" ที่ว่าด้วยเรื่องของ "จิต" ล้วน ๆ เป็นการฝึกจิต พัฒนาจิต จนถึงขั้นสร้างพลังงานมหาศาลกระทั่งสามารถผลักตัวจิตเองให้พ้นออกไปจากแรงดึงดูดของโลกคือกิเลสทั้งหลายได้อย่างสิ้นเชิง เหตุนี้ผู้ฝึกตนอยู่ในพระศาสนาแต่ละท่านแต่ละองค์จึงมีอำนาจทางใจล้นเหลืออย่างที่ผู้ฝึกตนในศาสนาอื่นไม่มี
ทีนี้ถ้าถือเรื่อง "จิต" เป็นสำคัญ จะวันอะไรหรือวันไหน ๆ ก็ไม่มีผลอะไรกับ "จิต" แต่ถ้า "จิต" ไปจับเรื่องอื่นว่าเป็นสำคัญไปกว่า "จิต" ก็จะเกิดการยอมรับนับถือสิ่งภายนอกว่ายิ่งไปกว่าตัวเอง แล้วก็ลดการให้ความสำคัญกับตัวมันเอง เมื่อนั้นพลังงานทางใจก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น ถ้าจะประกอบการสิ่งใดแล้วไม่ได้ฤกษ์ ไม่ได้อุปกรณ์ ไม่ได้มวลสารอย่างที่ "จิต" ไปยึดเกาะให้ความสำคัญมั่นหมาย "จิต" ก็จะหมดความเชื่อมั่น ท้อถอย ทำให้สร้างขลังอะไรไม่ออก
ทั้งที่สุดยอดของมวลสารและวันเวลาก็คือ "จิต" นั่นเอง
ทุกอย่างออกไปจากที่นี่ทั้งนั้น
อะไรเล่าที่ไปรู้จักว่า วันนั้น เวลานั้น มวลสารนั้นมันดี มันมีพลัง
ไม่ใช่ "จิต" หรอกหรือ ?
เพราะฉะนั้นครูบาอาจารย์ที่เป็นพระกัมมัฏฐานชนิดปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจึงไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่อง "มวลสาร" และ "ฤกษ์ยาม"
เพราะท่านรู้ว่า มันไม่สำคัญ
อันนี้ตอบโดยหลักธรรมชาติที่แท้จริงไปแล้ว
ต่อไปจะตอบแบบยึดมั่นถือมั่น
อันวันควรไม่ควรแก่การประกอบการสำคัญนั้นไม่ได้มีแค่วันกาลกิณี หากยังมีวันคู่มิตร-คู่ศัตรูอีกด้วย เดือนมิตร-เดือนศัตรู ปีนักษัตรมิตร-ปีนักษัตรศัตรู เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจะหาฤกษ์ยามที่ดีแท้ถูกต้องอย่างไรได้ ถ้าจะชำระฤกษ์ให้บริสุทธิ์จริง ๆ ก็ยังมีข้อห้ามอีกมากมาย ทั้งวันฟู วันจม วันลอย วันธงไชย วันอธิบดี วันทักทิน วันกาลกรรณี วันวิปโยค แล้วยังมีทิศต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีก หากจะทำให้ถูกถ้วนทุกขั้นตอนก็ตายพอดี ไม่ได้ประกอบพิธีอะไรหรอก คนเสกก็ตายก่อน คนหาฤกษ์ยามก็ตายก่อน
ดังนั้น
คุณพ่อชุม ไชยคีรี จึงสอนพี่นักหนาว่า
"ความสำคัญของนักไสยศาสตร์ที่ดีคือการฝึกจิตตนเองจนมีพลังงานที่แน่วแน่ นั่นคือการฝึกสมาธิและหมั่นท่องบ่นมนต์คาถาอย่าให้หลงลืม อีกทั้งระลึกถึงครูบาอาจารย์ให้แน่วแน่ มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ จงเชื่อครู สิ่งใดห้ามสิ่งใดทำก็จงประพฤติตามนั้น อย่านอกครู
เมื่อทำได้ดังนี้สรรพวัตถุที่เราสร้างขึ้นมาและปลุกเสกไว้จะไม่มีวันเสื่อมสูญหรือถูกคัดถอนได้ ส่วนเรื่องฤกษ์ยามวันเวลามงคลสำหรับประกอบพิธีให้ศึกษาไว้แต่พอประดับตัว เช่น ยามอัฐกาล เป็นต้น อย่าไปทุ่มเทลงลึกรายละเอียดเพราะจะเสียเวลาฝึกจิต หากอยากได้ฤกษ์ที่ดีจริง ๆ ก็ไปหาโหราจารย์เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเขา หน้าที่ของเราคือทำของขลัง" พี่ไม่เคยลืม
แม้นักไสยศาสตร์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่างท่านก็ยังไม่ให้ความสำคัญกับ "
โหราศาสตร์" ว่าเป็นที่สุด แต่ท่านให้ความสำคัญกับ "
จิต" ว่าเป็นที่สุดของทุกสิ่ง
ดังนั้น จะวันอะไรก็ไม่สำคัญดอก ขอให้คนทำเชื่อมั่น คนรับก็เชื่อมั่น
สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นทุกวัน.....