วัดเจติยาคีรีวิหาร ( วัดภูทอก )

อังคาร 16 ก.พ. 2010 9:22 am

วัดเจติยาคีรีวิหาร ( วัดภูทอก )
เพื่อนๆ คนไหนที่ไม่กลัวความสูงและชอบทำบุญเข้ามาชมเลยครับ วันนี้จะพาไปเที่ยวหนองคายกัน โดยจุดหมายอยู่ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร(วัดภูทอก)........
เป็นวัดของท่านพระอาจารย์จวน วิศวะยังยอมแพ้ในการก่อสร้างว่าท่านพระอาจารย์จวนสร้างได้อย่างไร
โดยใช้เพียงแรงงานคนสร้างบรรไดเวียนไปมารอบภูทอกที่เป็นผาสูงชันถึง 7 ชั้น.................เราไปดูความมหัศจรรย์กันครับ

ภูทอก อยู่ห่างจากตัวเมืองห นองคายประมาณ 163 กิโลเมตร จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จากอำเภอศรีวิไลมีทางแยกซ้ายผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอกเป็นระยะทางอีก 30 กิโลเมตร

ภูทอกใน ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง เป็นภูเขาหินทรายโดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล
ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ

การเดินเท้าขึ้นสู่ ยอด ภูทอก ต้อ งเดินไปตามสะพานไม้เวียนวนรอบเขาสูงชันจนถึง ยอด สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากเหล่าพระเณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2512 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี บันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้

ก่อนขึ้นภูทอกทราบกฎกันก่อนนะครับ ขึ้นไปด้านบนห้ามถ่มน้ำลาย สุภาพส ตรี สายเดี่ยวและกระโปรงห้ามนะครับ&nb sp; ส่วน สุ ภาพ บุรุษก็ห้ามส่งเสียงดังโปรดสำรวมครับ

: image001.jpg (19.67 KiB) เปิดดู 1266 ครั้ง

: image002.jpg (32.72 KiB) เปิดดู 1264 ครั้ง

มองจากไกลๆ เหมือนแกรนแคนย่อนเลยครับ

: image003.jpg (5.27 KiB) เปิดดู 1266 ครั้ง

ด้านล่างเป็นศาลาการเปรียญครับ

: image004.jpg (98.65 KiB) เปิดดู 1275 ครั้ง

ทางขึ้นภูทอกครับ .....

: image005.jpg (21.11 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

จากด้านล่างสู่ด้านบนครับ

: image006.jpg (24.38 KiB) เปิดดู 1266 ครั้ง

: image007.jpg (38.7 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

: image008.jpg (43.97 KiB) เปิดดู 1264 ครั้ง

: image009.jpg (16.32 KiB) เปิดดู 1266 ครั้ง

: image010.jpg (19.1 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

ลองดูทางเดินครับซึ่งถูกแบ่งเป็นเจ็ดชั้น
มองจากด้านล่างขึ้นไป หลวงพ่อท่านสร้างได้อย่างไร ใช้เพียงแรงงานคน?

ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหิน ลานหิน สุ ดทางชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง
ทาง ซ้ายมือเป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านหลืบหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4

ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่ า “ดงชมพู” ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา
เขต อำเภอเซกา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดงดิบ บนชั้นที่ 4 นี้ จะเป็นที่พักของแม่ชี รอบชั้นมีระยะทางประมาณ 400 เมตร มีที่พักผ่อนระหว่างทางเป็นระยะๆ

: image011.jpg (22.08 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

บนภูทอกจะมุมปฎิบัติธรรมสร้า้งหลบอยู่ตามซอกหินครับ

ภายมีพระพุทธรูป และรูปพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงตาบัว หลวงปู่แหวน หลวงปู่คำพอง ติดอยู่ผนังถ้ำ อย่าลืมไปนมัสการกันนะครับ

: image012.jpg (25.84 KiB) เปิดดู 1264 ครั้ง

มองจากด้านบนลงไปครับ

จะเห็นเจดีย์ พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่บรรจุอัฐบริขาร ในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม และเก็บอัฐิธาตุท่านและรูปปั้นขนาดเท่าองค์จริงของท่าน

: image013.jpg (17.97 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

เดินกันต่อครับ หมดแรงกันยัง

: image014.jpg (14.57 KiB) เปิดดู 1265 ครั้ง

อีกมุมครับ

: image015.jpg (12.23 KiB) เปิดดู 1263 ครั้ง

ที่เห็นเป็นก้อนหินใหญ่ๆด้านบน คือ ศาลาปฏ ิบัติธรรมของพระอาจารย์จวนครับ

ชั้นที่ 5 มีศาลาและกุฏิที่อาศัยของพระ ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ ตลอดเส้นทางสู่ชั้นที่ 6 มีที่พัก

อังคาร 16 ก.พ. 2010 9:51 am

ขอบคุณครับ

เคยไปที่ภูทอกอยู่ครั้งหนึ่ง ได้ไปนั่งๆนอนอยู่แถวพุทธวิหาร ที่คุณพี่ว่า fengptn เป็นศาลาปฏิบัติธรรมของท่านพระอาจารย์จวน นั่นแหละครับ พระท่านเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านภาวนาอยู่บริเวณภูวัว แล้ว เห็นแสงสว่างเป็นดวงลอยขึ้นมาจากบริเวณนี้ ท่านพิจารณาแล้วว่าเป็นสถานที่เป็นมงคลมาก เป็นที่ที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามานิพพานที่นี่สองพระองค์ และเป็นสถานที่ ที่ครูบาอาจารย์องค์สำคัญมาภาวนาอยู่เป็นประจำ

เมื่อมีความศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องมีความเฮี้ยนเป็นธรรมดา ท่านเล่าว่า มีคณะครูมาพักปฏิบัติธรรม แล้วมาปักหลักภาวนากันที่พุทธวิหารนี้ แต่ด้วยเหตุเพราะเหนื่อยล้า ความตั้งใจที่จะปฏิบัติทั้งคืน เลยกลายเป็นหมันไป ขณะที่นอนหลับอยู่ ก็มีลมแรงผิดปกติ แล้วก็มี "ตัวประหลาด" ปรากฏขึ้นมา พระท่านเล่าว่า มีตาโตๆหูใหญ่ไม่มีแขน มีแต่ขา มายืนจังก้าอยู่ปลายเท้า เท่านั้นแล ก็สร้างแรงกำลังแก่คณะครูเหล่านั้น ไม่ใช่แรงลุกขึ้นมาภาวนา แต่เป็นแรงที่จะวิ่งหนีไปจากที่นั่น

เมื่อพระท่านเล่า Psycho ผู้มาเยือนอย่างคณะของเด็กลึกลับ ท่านอื่นก็แยกย้ายกันไป ภาวนาที่นั่นที่นี่บ้าง แต่เด็กลึกลับ ก็ปักหลักนั่งเล่นอยู่แถวๆนั้น นั่งเล่น เดินเล่นอยู่แถวนั้นสักเกือบชั่วโมง ก็มีลมแรง (เหมือนพระท่านเล่าเลย) ขึ้นมา แรงขนาดเทียนพรรษาเล่มเท่าต้นกล้วย ยังดับ ลมแรงเหมือนจะปลิวไปซะให้ได้ เป็นอย่างนี้ประมาณ 15 นาที แล้วก็สงบไป จากนั้นเด็กลึกลับก็ออกไปเดินเล่นบริเวณทางเชื่อมระหว่างพุทธวิหารกับตัวภูทอก แล้วก็นั่งเล่นอยู่ข้างหน้าพุทธวิหาร ไม่ได้เข้าไป เพราะมี พี่สาวคุณอ๊อด อ๊อด คุณ Monny มานั่งภาวนาในพุทธวิหาร เกรงว่า พุทธวิหารจะหนักเกินไป

จากนั้นก็ไม่รู้ตัวอีก ได้ทราบจากพี่สาวคุณอ๊อด อ๊อดว่า เด็กลึกลับ เจริญอานาปาณสติเสียงดังไปทั่วภูทอก :shhy:

และเป็นเรื่องระทึกยิ่งเมื่อมีแสงสว่างพอมองเห็นนั่นเห็นนี่ คือ บริเวณทางเชื่อมพุทธวิหารที่เดินเล่นเมื่อคืน เป็นแค่สะพานเล็กๆ มีแค่ลวดบางๆขึงกันตกไว้ไม่กี่เส้น(ในรูปของคุณพี่ fengptn ก็สะพานไม้สีขาวอ่ะฮะ) ทำเอาเด็กลึกลับเดินกลับแทบไม่ได้ จะเรียกได้ว่าคลานกลับออกมาเลยก็ไม่ผิด นึกในใจว่า เมื่อคืน ตรูเดินไปได้ยังไงหว่า

แต่ก็ยังอยากไปอีกนะฮะ เห็นรูปภูทอก หรือรูปท่านพระอาจารย์จวนทีไร ก็นึกถึงตอนไปที่ภูทอกนี้ทุกครั้ง

อังคาร 16 ก.พ. 2010 8:37 pm

ระลึกถึงเหมือนกันค่ะ น่าจะจัดทริปนี้นะคะ

Blah Blah เคยไปสมัยเป็นเด็ก ยังต้องหยุดพักเหนื่อยตั้งหลายครั้งแน่ะ :wet:

พอตอนเช้าลงมาได้ประมาณครึ่งทาง Blah Blah และเพื่อนได้ยินเสียงสวดมนต์ก้องกังวาล ไพเราะมาก จึงรีบเร่งฝีเท้ากันเพราะเราสายกว่าคนอื่น ๆ

พอถึงข้างล่าง....นึกว่าสวดมนต์เสร็จแล้ว....รีบถามหมู่คณะ....ปรากฏว่า.....ยังค่ะ แค่กำลังจะเริ่ม..... :pry: