การเลือกกล้องดิจิตอล

เสาร์ 13 มี.ค. 2010 2:23 am

ก่อนอื่นต้องออกตัวเอี๊ยดอย่างแรง ๆ ว่า วิธีที่ผมแนะนำนี้อาจจะอ่านแล้วดูแปลก ๆ แต่รับรองว่าซื้อมาแล้วจะถูกใจค่อนข้างสูง ผมใช้ประสบการณ์ในการใช้กล้องของตัวเอง และคนรอบข้างที่มีอยู่เยอะแยะมากมายมาเป็นข้อมูลในการแนะนำกล้องดิจิตอลแบบ คอมแพค ช่วง หลัง ๆ ที่ผ่านมาผมสามารถแนะนำกล้องดิจิตอลคอมแพคให้กับพวกเขาเหล่านั้นได้ใช้อย่าง มีความสุข แต่ถ้าไปถามโปรอุปกรณ์ทั้งหลายมันอาจจะดูขัดหู ขัดตา ขัดจมูก และลูกหมาก

1.เลือกที่ออกแบบสวยถูกใจไว้ก่อน เพราะต่อให้กล้องดีอย่างไร ถ้ามันออกแบบไม่ตรงรสนิยมของเรามันก็ใช้งานได้อย่างไม่มีความสุข โดยเฉพาะถ้าเป็นสุภาพสตรีอันนี้จะมีผลอย่างมาก การดึงกล้องหน้าตาเหมือนสัปปะรดกวนออกมาถ่ายบุคคลรอบข้างนั้น สามารถสร้างความอับอายขายขี้หน้าได้
2.เลิกคิดถึงความละเอียดของกล้อง เพราะตอนนี้กล้องเกือบทุกรุ่นทุกตัวในตลาดมันเกินความจำเป็นในการอัดขนาด 4x6 ไปนานแล้ว กล้องที่ออกมาใหม่ ๆ มันมีขนาดเกิน 4 ล้านเมกกะพิกเซลกันทั้งนั้น
3.ความละเอียดมาก ๆ ไม่ได้เป็นเครื่องตัดสินว่ารูปออกมาจะมีคุณภาพดี เพราะมันยังมีเรื่องของโทน สีสัน ความเปรียบต่าง ความคมชัด ความนุ่มนวล ฯลฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของภาพ เช่น เลนส์ ระบบประมวลผล ระบบการจัดการไฟล์ภาพ ฯลฯ รวมถึงตัวคนถ่ายด้วยนะ
4.งบประมาณควรมีพอสมควร อย่างน้อยตอนนี้น่าจะเริ่มกับกล้องที่มีราคาราว ๆ 6 พันบาทขึ้นไป กล้องถูก ๆ มันก็คือของถูก คงไม่มีนักธุรกิจชั้นนำท่านใด ทำกล้องดี ๆ ออกมาขายในราคาต่ำ ๆ มันเป็นธรรดาโลก แต่กล้องแพง ๆ อาจไม่ใช่กล้องดีก็ได้อันนี้ต้องระวัง
5.อย่าหลงไหลกับเลนส์ซูมยาว ๆ โอกาสได้ใช้มีน้อย เพราะว่ามันถือให้นิ่งยาก และมันจะกินแสง ถ่ายในที่แสงน้อยภาพจะสั่นไหว และการได้รูปดี ๆ ไม่จำเป็นต้องมีเลนส์ซูมเยอะ ๆ การเข้าถึงตัวแบบในระยะที่เหมาะสมสำคัญกว่า
6.ถ้าได้เลนส์มุมกว้างในช่วงต้นซูมจะดีมาก เพราะว่ากล้องคอมแพคเราเน้นถ่ายในบ้าน หรือพกพาไปถ่ายตามที่ต่าง ๆ ในโรงแรม ในร้านอาหาร งานแสดงสินค้าหรือไม่ก็ภาพวิวทิวทัศน์ กล้องที่มีเลนส์มุมกว้างจะได้เปรียบกว่า เพราะว่าไม่ต้องถอยไกลก็ได้ภาพมา ไม่ใช่จะถ่ายครอบครัวที่อยู่ตรงหน้า แต่ต้องถอยไปถึงเจดีย์ชเวดากอง ถึงจะเก็บภาพได้หมดอันนั้นไม่ไหว ถ้าเริ่มได้ที่ 28 มม. จะหรูทีเดียว
7.อย่าคาดหวังเรื่องหน้าชัดหลังเบลอกับกล้องคอมแพคดิจิตอล เอาเวลาไปฝึกแมวที่บ้านให้ออกไข่ยังพอมีหวังมากกว่า ในกล้องบางรุ่นมันเบลอได้ก็จริง แต่มันต้องเค้นกันอย่างหนัก และไม่สามารถทำให้เบลอเป็นกิจวัตรได้

มันเหมือนกับเอาพงศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม ไปต่อยกับไมค์ ไทสัน ต่อให้หมัดหนักอย่างไรน้ำหนักมันผิดกัน ก็ไม่สามารถสู้กันได้ เพราะฉะนั้นลืมเรื่องหน้าชัดหลังเบลอกับกล้องคอมแพคเล็ก ๆ ไปเถอะ แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้น
และก็ไม่ต้องกังวลว่าหลังไม่เบลอแล้วรูปจะไม่สวย มีรูปหลายสิบล้านรูปในโลกนี้ที่หลังไม่เบลอแต่มันเป็นรูปที่ดูดี อันนี้อยู่ที่คนถ่าย และคนถูกถ่ายมากกว่า (ถ้าคนถูกถ่ายหน้าตาแย่มาก ๆ ควรหากล้องที่ถ่ายแล้วเบลอทั้งภาพจะดีกว่าตรงจุดประสงค์กว่า)
8.อย่าคาดหวังมากกับการที่กล้องมีโหมดให้เราปรับ ชัตเตอร์สปีด รูปรับแสง โอกาสได้ใช้มีน้อย และส่วนใหญ่ใช้ไม่สะดวก และยังหวังผลได้น้อยด้วยนะ อย่างรูรับแสงปรับกว้างเท่าไหร่ มันก็ไม่เห็นหลังจะเบลอซักทีอันนี้ให้กลับไปอ่านข้อ 7 (ถ้าอ่านข้ามมาเจอ)
9.อย่าเลือกกล้องที่มันมีแต่ Auto เพียงอย่างเดียว ควรเลือกที่มันมีโหมดปิดโน่นปิดนี่ได้ด้วย เช่นสามารถปรับตั้งระบบแฟลชไม่ให้มันยิงได้เมื่อแสงน้อย เป็นต้น
10.ต้องมีระบบชดเชยแสง อันนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีระบบนี้ เวลาถ่ายภาพมืดไปสว่างไปมันจะแก้ไขไม่ได้ และเมื่อมีแล้วควรมีปุ่มให้เข้าไปชดเชยได้ง่าย ๆ ด้วย แบบที่ต้องเข้าไปค้นในเมนูลึก ๆ แบบนั้นอย่าซื้อ
11.ควรมีโหมดสำเร็จรูปให้เลือกใช้แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ เช่น ถ่ายภาพกีฬา ถ่ายภาพบุคคล ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก ถ่ายภาพย้อนแสง ฯลฯ ซึ่งเดี๋ยวนี้กล้องส่วนใหญ่มีหมดแหละ แต่ให้เลือกที่มันเข้าถึงได้ง่าย ๆ และต้องระวังเวลาใช้ด้วยว่าขณะนั้นอยู่ในโหมดไหน
12.จอ LCD ต้องคมชัดสวยงาม เลือกใหญ่ไว้ก่อนจะมีความสุข เพราะมันสามารถสร้างความมั่นใจในการถ่ายรูปได้มาก เวลาวิวดูภาพก็จะสร้างความสุขให้อีกครั้ง แต่ระวังมันจะกินแบตเตอรี่ด้วยนะ แต่เดี๋ยวนี้กล้องใหม่ ๆ ไม่ค่อยกินไฟเหมือนแต่ก่อนแล้ว น่าจะไม่มีปัญหา
13.ควรเลือกกล้องที่มีเครื่องชาร์ตแบตเตอรี่แยกต่างหากจากตัวกล้อง เพราะจะสะดวกและปลอดภัยกว่าการต่อไฟเข้ากล้องตรง ๆ
14.ระวังเรื่องราคาของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่นเมมโมรี่ แบตเตอรี่ ควรเลือกกล้องที่ไม่ทำอะไรประหลาด ๆ ใช้ได้อยู่คนเดียวคนอื่นใช้ไม่ได้ มีมาให้เห็นหลายตัวแล้ว พอเวลาผ่านไปหาซื้อเมมโมรี่ไม่ได้ หรือไม่ก็เป็นเทคโนโลยีที่ตาย ควรเลือกกล้องที่ใช้ SD เป็นหลัก ถ้าโซนี่ก็ให้อนุโลมให้ใช้ Memory stick ได้ เพราะเจ้านี้เขาคงไม่เจ๊งง่าย ๆ หรอก

15.เลือกดูที่โฟกัสได้เร็ว ๆ ไม่ใช่กดแล้วก็หากัน 4 -5 ชาติกว่าจะโฟกัสได้ โดยเฉพาะถ้าเอามาถ่ายที่บ้าน ที่ทำงาน ในอาคาร พวกนี้ต้องโฟกัสในที่แสงน้อย ๆ ได้ดี ลองดูที่ร้านกล้องตอนจะซื้อนั่นแหละครับ เทียบกันตัวต่อ ๆ ได้เลย ถ้าพนักกงานไม่ให้ลอง ให้ไปร้านใหม่ไม่ต้องไปง้อ ร้านกล้องเดี๋ยวนี้มีมากมาย ตดใส่ร้านเดิมยังไม่ทันหายเหม็นก็เจอร้านใหม่แล้ว
16.อย่าหลงไหลกับฟังก์ชั่นจุดขายที่ไม่จำเป็น หรือเอามาใช้งานจริง ๆ ไม่สะดวก เช่น ระบบโฟกัสแบบเหนือมนุษย์ต่าง ๆ ระบบปรับความไวแสงสูง ๆ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดไว้เหมือระดับแอลกอฮอร์ในเลือดเวลาขับรถ แต่ว่าเราต้องรู้เองว่า ถึงแม้ว่ามันจะถ่ายที่ iso สูง ๆ ได้จริง แต่มันจะได้ภาพที่โหลยโท่ยมาก เป็นต้น
17.ทำใจไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้กล้องไม่เกิน 2 ปี เพราะว่ามันจะตกรุ่นเร็วมาก ๆ แนะนำว่าให้ซื้อช่วงที่มันออกมาใหม่ ๆ ซัก 2-3 เดือน การซื้อกล้องตกรุ่นมันเหมือนกับถือมือถือรุ่นโบราณนั่นแหละ และกล้องมันเป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิคที่ไม่สามารถอยู่กับเราจนไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
มันเหมือนคู่รักดาราที่คบกันพอเป็นข่าวแล้วก็แยกย้ายกันไปสร้างข่าวใหม่ ๆ ต่อ แต่สำหรับกล้องเล็ก ๆ แล้วส่วนใหญ่มันไม่ไปสร้างข่าวนะ แต่มันมีโอกาสเจ๊งได้ง่ายเมื่อเวลาผ่านไป
18.อย่าซื้อเพราะ Presenter อันนี้ขอเลยนะ ส่วนใหญ่ดาราที่เป็น Presenter อาจถ่ายรูปไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ และอย่าคาดหวังว่าถ้าซื้อกล้องที่ดาราที่เราคลั่งไคล้เป็น Presenter แล้ว จะมีโอกาสได้แนบสนิทชิดเชื้อแบบเผื่อฟลุ๊ค หมื่นสองที่เราจ่ายไปมันเป็นราคากล้องนะครับ ไม่ใช่ค่าสินสอด
19.อย่าเชื่อโปรฯอุปกรณ์ พวกนั้นมันบ้านสเปคในกระดาษหรือไม่ก็บททดสอบแบบบ้าคลั่งที่ฝรั่งเขาทำมาให้ อ่าน กล้องที่ใช้งานได้ดีคือกล้องที่เหมาะกับการใช้งานของเรา ไม่ใช่ของโปรฯอุปกรณ์ เพราะ พวกโปรอุปกรณ์นั้นเขาจะชอบกล้องที่ถ่ายรูปไม่สวยซะส่วนใหญ่ (จริง ๆ กล้องอะไรก็ถ่ายให้สวยได้ แต่ถ้าให้พวกนี้ถ่ายมักจะไม่สวย)
20.กล้องที่ขายดี อาจไม่ใช่กล้องที่ดี อย่าเชื่อพนักงานร้านที่บอกว่ากล้องที่เขาแนะนำว่า "กล้องตัวนี้ขายดี" เพราะอาจเป็นกล้องที่เขาอยากปล่อยก่อนที่มันจะตกรุ่น เป็นกล้องขายไม่ออก หรือไม่ก็ได้กำไรส่วนต่างสูง ๆ แนะนำว่าเชื่อตัวเอง และคนที่ไว้ใจได้นอกร้านกล้องจะดีกว่า พนักงานในร้านเราเอาไว้ถามพวกรายละเอียดการทำงานของตัวกล้องก็พอ
21.เลือกกล้องที่มีประกันจากตัวแทนจำหน่าย เพราะกล้องดิจิตอลโอกาสที่มันจะงอแงมีมาก อยู่ที่กรรมของแต่ละคนด้วย บางคนไม่เสียเลยก็มี แต่ถ้าเสียมาบางทีค่าซ่อมแพงกว่ากล้องเสียอีก
22.เลือกดูกล้องหลาย ๆ ร้าน อย่ารีบด่วนตัดสินใจบางครั้งราคาอาจลดได้ หรือไม่ก็ได้ของแถมที่ราคาต่างกันเป็นพัน

23.กล้องถ่ายภาพก็คือกล้องถ่ายภาพ ให้เน้นฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพเป็นหลัก ถ้าอยากถ่ายวีดีโอให้ซื้อกล้องถ่ายวีดีโอ อย่าโลภมาก ไม่มีใครทำอะไรได้ดีที่สุดหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน
24. [เพิ่มเติม เพิ่งจะนึกได้] ไม่ควรซื้อกล้อง DSLR Like เพราะมันก็แค่ Compact อัดฟังก์ชั่น และออกแบบให้มันดูแมน เดี๋ยวนี้ DSLR แท้ ๆ พร้อมเลนส์ kits ราคาแค่สองหมื่นต้น ๆ หรือบางรุ่นไม่ถึงสองหมื่นด้วยมั้งแต่มันทำงานได้เหนือชั้นกว่าพวก DLSR Like ราวฟ้ากับเหว... DSLR Like ซื้อมาก็เกะกะเวลาเอาไปไหนมาไหน เวลาถ่ายก็เงอะ ๆ งะ ๆ เชื่องช้างุ่มง่าม ถ้าอยากได้กล้องใหญ่ถ่ายสนุกซื้อ DSLR แท้ ๆ ดีกว่าครับ

25.อย่าเชื่อที่ผมเขียน