พุธ 28 เม.ย. 2010 6:48 pm
ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว วัน เวลา ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์เราสมมุติขึ้น แต่ถึงมันจะเป็นสิ่งสมมุติ มนุษย์ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า วัน เวลา ล้วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับชีวิตของเราจริงๆ
ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกครับที่จะเลิกข้องเกี่ยวกับ วัน เวลา ยกเว้นก็แต่พระอรหันต์เท่านั้นแหละครับ ที่ วัน เวลา ไม่สามารถทำอะไรท่านได้
สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม กว่าจะหาหนังสือพระอ่านสักเล่มค่อนข้างลำบาก เพราะต้องนั่งรถประจำทางออกไปหาซื้อถึงตัวอำเภอ
และที่สำคัญคือทางบ้านก็ไม่ได้ให้เงินมาใช้สำหรับสิ่งที่นอกเหนือความจำเป็น การรับรู้เรื่องราวจึงต้องใช้วิธีขอยืมหนังสือพระของผู้ใหญ่แถวบ้านมานั่งอ่าน
หนังสือพระในสมัยนั้นก็มีหลายหัวครับ เช่น ลานโพธิ์ พระเครื่องประยุกต์ ฯลฯ ซึ่งเนื้อหาในเล่มก็ดีแต่เน้นไปในทางพระเก่า สำหรับหนังสือมหาโพธิ์ ถึงขนาดจะเล็กแต่ก็หนาพอที่จะเรียกความสนใจได้ โดยเฉพาะลีลาการเขียนที่บรรยายได้อารมณ์ประมาณก๋วยเจ๋งกระแทกฝ่ามือมังกรประมาณนั้น
ในหนังสือมหาโพธิ์สมัยนั้นแหละครับที่มีเรื่องราวและประวัติของหลวงปู่ฟัก อินทวังโส วัดนิคมประชาสรรค์ ซึ่งท่านจะเกิดวันไหนหรือเป็นมาอย่างไรจำไม่ได้เลยครับ จำได้เพียงแต่ว่าหลวงปู่เป็นพระที่เก่ง อาคมขลัง เครื่องรางที่ท่านสร้างและมีประสบการณ์มากที่สุดคือ “
ปลัดขิก” ในหนังสือบรรยายว่าปลัดขิกของท่านมีคุณภาพไม่แพ้พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าเลย อ่านแล้วก็ต้องเชื่อครับ เพราะในหนังสือมีภาพประกอบชัดเจน เช่น นาย ก. โดนยิงไม่เข้า นาย ข.เผลอเหยียบงูแต่งูอ้าปากไม่ขึ้น ฯลฯ
ต้องบอกว่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ประกอบกับอารมณ์เด็ก คราวนี้เลยกลายเป็นว่าหลวงปู่ฟักท่านเก่งไปหมด หลังจากที่เพื่อนบ้านทนการขอยืมอ่านหนังสือไม่ไหวและย้ายไปอยู่ที่อื่น
เขาคงไม่รู้หรอกครับว่าการย้ายไปของเขาได้พรากเรื่องราวของหลวงปู่ฟักไปจากผมด้วย เพราะผมครบถ้วนไปด้วยความด้อยปัญญาและไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปซื้อหนังสือ
คนจีนสมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า อ่านหนังสือหมื่นเล่ม เดินทางหมื่นลี้ คบคนหมื่นคน ฯลฯ หากใครสามารถทำได้จะทำให้กลายเป็นคนฉลาด
แต่การอ่านหนังสือหมื่นเล่ม มันก็ไม่เหมือนไปสัมผัสกับของจริง สถานที่จริง ขอถามพ่อพลายแก้วว่าเชื่อไหมครับว่า “
พรหมลิขิต” ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับทุกๆ เรื่อง ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ
เอ็ดเวิร์ด นับถือหลวงปู่ฟักมาก ได้ถวายตัวเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งเรื่องราวของพระกับลูกศิษย์คู่นี้ก็ได้ดำเนินไปตามกาลเวลา จนอยู่มาวันหนึ่ง เอ็ดเวิร์ดมีอาการหายใจไม่ออกและได้หมดสติไป เอ็ดเวิร์ดเล่าว่าเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาตะโกนเรียกเขาที่หน้าบ้าน เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจเดินลงไปเปิดประตูบ้าน เขาพบว่ามีบรรดาญาติพี่น้องของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว มายืนรอรับและเรียกให้เอ็ดเวิร์ดไปอยู่ด้วยกัน
เอ็ดเวิร์ดตกลงใจเดินไปหาญาติกลุ่มนั้น ฉับพลันก็ปรากฏภาพของหลวงปู่ฟัก ยืนขึ้นขวางหน้าเอาไว้และไล่ให้เอ็ดเวิร์ดกลับเข้าไปในบ้าน
หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดฟื้นคืนและมีสติอีกครั้ง เมื่อเขาก้าวลงจากเตียงก็พบว่า เท้าของเขาทั้งสองข้างเปื้อนไปด้วยดินโคลน จากภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจขับรถจากบ้านที่กรุงเทพ ไปกราบหลวงปู่ฟักที่วัดนิคมประชาสรรค์ หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดก้มลงกราบและเงยหน้าขึ้นมองท่าน หลวงปู่ฟักได้ยิ้มและพูดว่า
“
วันนั้นถ้ากูไปช่วยมึงไม่ทัน มึงแย่แน่ๆ”
ถึงตอนนี้คงต้องบอกว่า โดยส่วนตัวแล้วยอมรับว่าหลวงปู่ฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ ท่านเก่งจริงๆ แล้วพ่อพลายแก้วล่ะครับ คิดเหมือนผมหรือเปล่า....ถามใจตัวเองดู
ถึงวัน เวลา จะผ่านไปนานแสนนาน สำหรับผมแล้ว ยังรอคอยวัตถุมงคลของท่านอยู่เสมอ ด้วยความหวังว่า “
พรหมลิขิต” จะให้โอกาสกับผมบ้าง