Switch to full style
มาร่วมสนทนากันในหมู่สมาชิก แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ท่านประสบมาได้ที่นี่ครับ
ตอบกระทู้

"นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

ศุกร์ 21 พ.ค. 2010 5:08 pm

Napas.jpg
Napas.jpg (26.28 KiB) เปิดดู 2214 ครั้ง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เพราะจดหมายของเธอที่ส่งถึงช่องข่าว CNN ได้รับการกล่าวขานไม่แพ้วาทกรรมของ คุณอ๊อฟ - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ทำให้ชื่อของ นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์ สาวไทยใจกล้า เป็นอีกหนึ่งคนที่ใคร ๆ ก็อยากรู้จักเธอมากที่สุดในตอนนี้

นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์ ส่งจดหมายถึงช่องข่าว CNN มีใจความสำคัญระบุถึงการเสนอข่าวที่ไม่เป็นกลาง และเอนเอียงไปฝ่ายเดียว ทำเอาช่องข่าว CNN ถึงกับงานเข้าเลยทีเดียว โดยมีเนื้อหาในจดหมายดังนี้

Dear Sirs/Madams,

Recently, CNN Thailand Correspondents Dan Rivers and Sarah Snider have made me seriously reconsider your agency as a source for reliable and accurate unbiased news. As of this writing, over thousands of CNN’s viewers have already begun to question the accuracy and dependability of its reporting as regards events in Afghanistan, Haiti, Iraq, Iran, etc., in addition to Bangkok.

เร็ว ๆ นี้ ผู้สื่อข่าว CNN ประจำประเทศไทย ทั้ง แดน ริเวอร์ และ ซาร่าห์ ซไนเดอร์ ทำให้ดิฉันต้องกลับมาพิจารณาอย่างจริงจังว่าข่าวของสำนักข่าวของคุณเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ มีความถูกต้อง และไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ในขณะที่ดิฉันกำลังเขียนจดหมายฉบับนี้ มีผู้เสพข่าวของ CNN กำลังตั้งคำถามถึงความแม่นยำและแหล่งข่าวในการนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน อาฟกานิสสถาน ไฮติ อิรัก อิหร่าน เป็นต้น .. เพิ่มเติมจากการเสนอข่าวในกรุงเทพมหานคร

As a first-rate global news agency, CNN has an inherent professional duty to deliver all sides of the truth to the global public who have faithfully and sincerely placed their trust and reliance in you. Your news network, by its longtime transnational presence and extensive reach, has been put in a position of trust and care; CNN’s journalists, reporters, and researchers have a collective responsibility to follow the journalist's code and ethics to deliver and present facts from all facets of the story, not merely one-sided, shallow and sensational half-truths. The magnitude of harm or potential extent of damage that erroneous and fallacious news reporting can cause to (and exacerbate), not only a country’s internal state of affairs, economic well-being, and general international perception, but also the real lives and livelihood of the innocent and voiceless people of that nation, is enormous. CNN should not negligently discard its duty of care to the international populace by reporting single-sided or unverified facts and distorted truths drawn from superficial research, or display/distribute biased images which capture only one side of the actual event.

ในฐานะที่เป็นสำนักข่าวชั้นนำของโลก CNN มีหน้าที่ในการเสนอข่าวอย่างรอบด้าน บนพื้นฐานของความจริงต่อประชาชนทั่วโลกที่ให้ความไว้วางใจอย่างสุจริตต่อการเสนอข่าวของสำนักข่าวของท่าน เครือข่ายข่าวนานาชาติของท่านยังดำรงอยู่และเข้าถึงอย่างกว้างขวางโดยพื้นฐานของการนำเสนออย่างระมัดระวังและไว้ใจได้มาอย่างยาวนาน ; นักข่าว ผู้สื่อข่าว และผู้ที่ทำการวิจัยข้อมูลของ CNN ต้องมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติตนตามมาตรฐานการปฏิบัติและจริยธรรมของผู้สื่อข่าว ในอันที่จะนำเสนอเรื่องราวและข้อเท็จจริงรอบด้าน ไม่ใช่การนำเสนอข่าวด้านเดียว ที่ตื้นเขิน และความจริงเพียงครึ่งเดียว ความเสียหายและโอกาสที่จะเกิดความเสียหายที่ร้ายแรงจากความเข้าใจผิดหรือการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องอาจจะเกิดขึ้นได้ (และถูกทำให้แย่ลง) ไม่เพียงแค่ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศ ภาวะเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ต่อประชาคมโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่จริงๆของผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่และไม่มีปากเสียงของประเทศนั้น ๆ ด้วย นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่โต CNN ไม่ควรจะเพิกเฉยและละเลยหน้าที่ที่ต้องใช้ความระมัดระวังในในการนำเสนอข่าวเพียงด้านเดียวในประชาคมโลก หรือการที่ไม่ตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของข่าว และแม้แต่การบิดเบือนข้อเท็จจริงที่นำมาจากการการวิจัยอย่างคร่าว ๆ ผิวๆ เผิน ๆ หรือการนำเสนอ / แจกจ่ายรูปภาพที่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งของความจริงทั้งหมดในภาพรวม

Mr. Rivers and Ms. Snider have NOT done their best under these life-threatening circumstances because many other foreign correspondents have done better. All of Mr. Rivers and Ms. Sniders' quotes and statements seem to have been solely taken from the anti-government protest leaders or their followers/sympathizers. Yet, all details about the government’s position have come from secondary resources. No direct interviews with government officials have been shown; no interviews or witness statements from ordinary Bangkok residents or civilians unaffiliated with the protesters, particularly those who have been harassed by or suffered at the hands of the protesters, have been circulated.

คุณริเวอร์ และคุณซไนเดอร์ ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดภายใต้ภาวะที่อาจจะเกิดการคุกคามชีวิต เพราะผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอื่น ๆ ทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ ทุกสิ่งที่คุณริเวอร์ และคุณซไนเดอร์กล่าวถึงและเขียนถึง ล้วนแต่เป็นเรื่องที่นำมาจากแกนนำของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้าน หรือผู้ชุมนุมที่ฟูมฟายเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ดังนั้น รายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวกับทางฝ่ายรัฐบาลล้วนได้มาจากแหล่งข่าวรอง ๆ ทั้งสิ้น ยังไม่ปรากฏว่ามีการเข้าไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐโดยตรง หรือการเข้าไปรับทราบการรายงานจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องการการชุมนุมประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซึ่งถูกคุกคามและต้องทนทุกข์จากการกระทำของกลุ่มผู้ประท้วง แล้วนำมารายงานข่าว

Why the discrepancy in source of information? Why the failure to report all of the government’s previous numerous attempts to negotiate or invitations for protesters to go home? Why no broadcasts shown of the myriad ways the red protesters have terrorized and harmed innocent civilians by burning their shops, enclosing burning tyres around apartment buildings, shooting glass marbles at civilians from high altitudes, attacking civilians in their cars, and worst of all, obstructing paramedics and ambulances carrying civilians injured by M79 grenade blasts during the Silom incident of April 24, 2010, thereby resulting in the sole civilian casualty? The entire timeline of events that have forced the government to take this difficult stance has been hugely and callously ignored in deference to the red ‘underdogs’.

ทำไมจึงมีความแตกต่างในการนำเสนอข่าว (สองมาตรฐาน – ผู้แปล) ทำไมจึงไม่มีการรายงานข่าวความพยายามหลาย ๆ ครั้งของทางฝ่ายรัฐบาลที่จะเจรจาหรือเชิญผู้ชุมชุมให้กลับบ้าน ทำไมจึงไม่มีการรายงานวิธีการมากมายหลายอย่างที่เลวร้ายน่ากลัวที่กลุ่มผู้ประท้วงได้กระทำและเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ด้วยการเผาทำลายร้านค้า การเผายางรถยนต์รอบๆตึกอพาร์ทเมนท์ ยิงลูกแก้วเข้าสู่ประชาชนจากที่สูง ทำร้ายประชาชนในรถยนต์ และที่เลวร้ายที่สุดก็คือกีดขวางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และรถพยาบาลที่กำลังลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีการยิงระเบิด เอ็ม 79 ในพื้นที่การปะทะที่ถนนสีลม เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2010 ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลำดับได้บีบบังคับให้ทางฝ่ายรัฐบาลต้องอยู่ในฐานะที่ยากลำบากที่จะต้องเมินต่อกลุ่มคนเสื้อแดง

Mr. Rivers and Ms. Snider’s choice of sensational vocabulary and terminology in every newscast or news report, and choice of images to broadcast, has resulted in law-abiding soldiers and the heavily-pressured Thai government being painted in a negative, harsh, and oppressive light, whereas the genuinely violent and law-breaking arm of the anti-government protesters - who are directly responsible for overt acts of aggression not only against armed soldiers but also against helpless, unarmed civilians and law-abiding apolitical residents of this once blooming metropolis (and whose actions under American law would by now be classified as terrorist activities) – are portrayed as righteous freedom fighters deserving of worldwide sympathy and support. This has mislead the various international Human Rights watchdogs to believe the Thai government are sending trigger-happy soldiers out to ruthlessly murder unarmed civilians without just cause.

สิ่งที่คุณริเวอร์และคุณซไนเดอร์เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นภาษา คำศัพท์ หรือภาพที่กินใจในการนำเสนอข่าว ล้วนเป็นเรื่องของทหารที่ปฏิบัติตนตามกฎหมายและอยู่ภายใต้ภาวะกดดันอย่างสูง ฝ่ายรัฐบาลได้รับการป้ายสี วาดภาพในด้านลบ หยาบกระด้าง และปกครองอย่างกดขี่ ในขณะที่พวกที่มีความรุนแรงที่แท้จริงและละเมิดกฎหมายของกลุ่มคนที่ประท้วงรัฐบาล ผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริงต่อการกระทำที่เกินเลยและก้าวร้าว ไม่เพียงกระทำต่อทหารที่มีอาวุธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาชนที่สิ้นหวัง ปราศจากอาวุธ ผู้ที่ปฏิบัติตนภายใต้กฎหมาย และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่ครั้งหนึ่งเป็นเขตที่รุ่งเรืองของมหานครแห่งนี้ (ซึ่งการปฏิบัติตนเช่นที่กล่าวมานี้ หากเป็นกฎหมายของอเมริกา จะถูกจัดเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายทันที) – แต่คนกลุ่มนั้นกลับปฏิบัติตนเสมือนว่ามีอิสระที่จะต่อสู่ และได้รับความเห็นใจและการสนับสนุนจากประชาคมโลก นี่เป็นการทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิด ๆ ในกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลไทยกำลังส่งทหารที่มีอาวุธเข้าไปเข่นฆ่าประชาชนโดยไม่มีเหตุอันควร

As a current resident of "war zone" Bangkok who has experienced the effect of the Red protests first hand and is living in a state of constant terror and anxiety as to whether her family, friends, and home would get bombed or attacked by the hardcore anti-government vigilantes/paramilitary forces - I appeal to CNN's professional integrity to critically investigate and scrutinize the misinformed news reporting of your above-named correspondents. If they are incapable of obtaining genuine, authentic facts from any other source except the Red Protest leaders and red-sympathizing Thai translators or acquaintances, or from fellow non-Thai-speaking journalists who are similarly ignorant of Thai language, culture, history, and society, then perhaps CNN should consider reassigning field correspondents to Thailand.

ในฐานะที่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ใน "เขตสงคราม" ของกรุงเทพ และมีประสบการณ์ตรงที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงที่มีการข่มขู่อย่างต่อเนื่อง เรามีความกังวลว่าครอบครัวของเรา เพื่อนฝูง และบ้านเรือนของเราจะถูกระเบิดหรือถูกโจมตีจากกลุ่มหัวรุนแรงของกลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐบาล กองกำลังต่าง ๆ ดิฉันอยากจะขอร้องให้ CNN ใช้จริยธรรมของวิชาชีพในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน และพินิจพิเคราะห์ข่าวที่บิดเบือนจกการนำเสนอโดยผู้สื่อข่าวที่ได้พูดถึงข้างต้น หากพวกเขาไม่มีความสามารถในการหาข่าวที่เป็นจริงจากแหล่งข่าวอื่น ๆ นอกเหนือไปจากแกนนำคนเสื้อแดง และคนแปลที่เห็นอกเห็นใจฝ่ายเสื้อแดง หรือจากนักข่าวที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ไม่รู้เรื่องวัฒนธรรม เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์ และสภาวะทางสังคม และหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ CNN น่าจะหาผู้สื่อข่าวคนอื่นเข้ามาทำข่าวในประเทศไทย

I implore and urge you to please take serious action to correct or reverse the grave injustice that has been done to the Thai nation, her government, and the majority of law-abiding Thai citizens and expatriate residents by having endorsed and widely circulated poorly researched and misrepresented news coverage of the current ongoing political unrest and escalating violence in Thailand.

ดิฉันขออ้อนวอนและขอให้สำนักข่าวของท่านลงมือทำอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย กับรัฐบาลไทย และประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นี่ โดยการรายงานข่าวและงานวิจัยแย่ ๆ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงของสถานการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้น รวมถึงการรายงานความรุนแรงที่เกิดขึ้นจนเกินเลยเกินความเป็นจริง

Copies of this open letter have also been distributed to other local as well as international news media and social networks for public information. Please feel free to contact me further should you require any additional concrete and reputable evidence in substantiation and corroboration of my complaints and claims stated hereinabove.

สำเนาของจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้จะมีการแจกจ่ายในประเทศไทย และในประชาคมโลก รวมถึงในเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนทั่วไป กรุณาติดต่อดิฉันได้ทุกเมื่อหากท่านต้องการข้อมูลเฉพาะเพิ่มเติม หรือหลักฐานที่เชื่อถือได้ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อความที่ดิฉันเขียนมาทั้งหมดข้างต้น

Thank you.

Yours faithfully,

Napas Na Pombejra, B.A., LL.B. (Lond.)

Bangkok, Thailand

May 17, 2010
-------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับ นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์ จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อปี 2005 และไปศึกษาต่อด้านกฎหมายที่ประเทศอังกฤษ ได้รับเกียรตินิยม เมื่อปี 2008

-------------------------------------------------------------------------------------



ดิฉันขอยกย่องหญิงไทยเช่นเธอค่ะ ที่ไม่ยอมให้สื่อมวลชนยักษ์ใหญ่อย่าง CNN ใช้อำนาจของสื่อชั้นนำของโลกในการทำลายความเชื่อถือของรัฐบาลไทยฝ่ายเดียว และขอยกย่องทุกท่านที่ทำหน้าที่ปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศไทย ต่อประชาคมโลก (ดิฉันว่าจะเขียนไปบ้าง ก็กลัวว่าฝรั่งจะมึนด้วยความสวิงสวายในศัพท์แสงที่ดิฉันใช้ อิอิอิ)

และขอประนามความพยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายประเทศไทย ไม่ว่าจะด้วยหนทางใดก็ตาม และไม่ว่าจะจากผู้ใดก็ตาม เราทุกคนช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากภาวะวิกฤตนี้ได้ค่ะ แต่ต้องช่วยกัน อย่าซ้ำเติมประเทศไทยอีกเลย

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์" หญิงไทยที่ไม่ยอมให้ CNN บิดเบือนนำเสนอข่

ศุกร์ 21 พ.ค. 2010 5:10 pm

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ashitastudioclub.ning.com
http://hilight.kapook.com/view/48815
http://www.oknation.net/blog/supawan/2010/05/18/entry-2

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

เสาร์ 22 พ.ค. 2010 8:47 pm

ขอบคุณครับ ชอบมาก ๆ :grt:

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

อาทิตย์ 23 พ.ค. 2010 10:58 am

เยี่ยมครับ
"ค่าของคนอยู่ที่ความเป็นคน"

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

จันทร์ 24 พ.ค. 2010 8:40 pm

สื่อจ่อตอบโต้ CNN บิดเบือนไทย เชิญสื่อนอกคุยเหตุรัฐปะทะแดง
สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม จัดประชุมสื่อมวลชนถึงมาตรการต่อการนำเสนอข่าวของ ซีเอ็นเอ็น ต่อเหตุการณ์แดงเผาเมือง ยันพูดแค่บางส่วน ส่อบิดเบือนเหตุ ซ้ำพบหมิ่นสถาบันด้วย จ่อตั้ง กก.ทำจดหมายตอบโต้ ประสานสมาคมนักข่าวต่างประเทศ เชิญสื่อนอกชี้แจง คณบดีวารสารฯ มธ.ซัด “แดน ริเวอร์ส” ทำข่าวขี้เกียจนำเสนอข้างเดียว จี้รัฐเร่งประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงสู่ต่างชาติ “สุกี้” ฉะอยู่ไทยมานานไม่น่าไร้เดียงสา “สมเถา” แนะเชิญดีเบต

วันนี้ (24 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) ได้จัดประชุมสัมมนาในหัวข้อ บทบาทของ ซีเอ็นเอ็น กับมาตรการทางสังคมของไทย โดยมีตัวแทนจาก สภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ สมาคมการค้าและผู้ประกอบการเคเบิลทีวี สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย คณะวารสารศาสตร์สื่อสารมวลชน นายสมเถา สุจริตกุล นักเขียน และ นายกมล สุโกศล แคลปป์ หรือ สุกี้ วงพรู ผู้ที่เขียนจดหมายโต้แย้งการนำเสนอข่าวของซีเอ็นเอ็น เข้าร่วมการประชุม

นายนิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) กล่าวว่า เนื่องจากการชุมนุมและการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ได้มีสื่อต่างประเทศเข้ามาทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่ได้นำเสนออย่างเป็นรูปธรรม ยกเว้นแต่ สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ที่มีการนำเสนอข้อมูลเพียงบางส่วน ที่อาจบิดเบือนและขัดแย้งกับเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีรายการบางประเภทได้มีการกล่าวไปในเชิงหมิ่นสถาบันสูงสุดของไทย สมาคมฯ จึงได้เชิญผู้แทนสมาคมที่ปฏิบัติงานในวงการสื่อมวลชน ร่วมหารือกันเพื่อพิจารณามาตรการในการตอบโต้การกระทำดังกล่าว

โดยที่ประชุมในวันนี้มีมติตั้งคณะกรรมการร่วมกัน 5 คน เพื่อทำจดหมายถึงสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ตอบโต้การนำเสนอข่าวที่บิดเบือนความเป็นจริง และพร้อมประสานงานกับสมาคมนักข่าวต่างประเทศ เพื่อเชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าตอบข้อสงสัยการนำเสนอข่าวในพื้นที่

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.พรจิต สมบัติพานิช คณบดีคณะวารสารศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการนำเสนอข่าวของซีเอ็นเอ็น ต่อเหตุการณ์ว่า ปัญหาของซีเอ็นเอ็นนั้น คือ การรายงานข่าวที่บิดเบือนของสถานีโทรทัศน์ และ นายแดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นประจำประเทศไทย ที่นำเสนอข่าวในลักษณะนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว เสมือนคนอยากได้ข่าว แต่ไม่ลงพื้นที่ อาทิ การรายงานข่าวภายในคอนโดมิเนียม ซึ่งห่างจากพื้นที่การชุมนุมแล้วอ้างว่ามีชาวต่างชาติได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เพราะถูกกระสุนยิงขึ้นมา เป็นต้น ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีเพียงประชาชนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่ทราบว่า ซีเอ็นเอ็น นำเสนอข่าวอย่างไม่ตรงตามความจริง ฉะนั้น ก็จะต้องหาวิธีในการเผยแพร่ให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว โดยตนอยากให้รัฐบาลเร่งประชาสัมพันธ์เหตุการณ์ต่างๆ ให้ต่างชาติได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงโดยเร็ว

ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมนั้น นายกมล ได้ตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้ว นายแดน ได้เข้ามาทำข่าวในประเทศไทยนานแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเมืองไทยเป็นอย่างไรดี ซึ่งหาก นายแดน เป็นผู้สื่อข่าวต่างชาติที่เพิ่งลงเครื่องบินมาถึง 3 วัน แล้วรายงานข่าวที่ผิดพลาด ก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ลักษณะการกระทำดังกล่าวนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่ นายสมเถา กล่าวว่า ตนขอเสนอให้เชิญนายแดน มาร่วมดีเบตอธิบายถึงการนำเสนอข่าวของตนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งประชาชนจะได้รู้ว่า นายแดน มีทัศนคติต่อการทำงานในประเทศไทยอย่างไร ด้านผู้ร่วมประชุมรายหนึ่ง กล่าวเสริมว่า กรณีที่ นายแดน นำเสนอข่าวการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ดูเสมือนว่า นายแดน อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนั้น จากการสอบถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ ยืนยันว่า นายแดน และทีมข่าวซีเอ็นเอ็น ไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุดังกล่าว จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ซีเอ็นเอ็น ได้ภาพดังกล่าวมาจากสำนักข่าวแห่งใด
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000071601

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

อังคาร 25 พ.ค. 2010 10:39 pm

คมชัดลึก : ตั้งแต่ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติการเมืองหลากสี สื่อทุกสำนักจากทั่วโลกก็มุ่งหน้าสู่ประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่สื่อยักษ์ใหญ่อย่าซีเอ็นเอ็น (CNN) อาจจะเป็นเพราะความไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย รากเหง้าแห่งปัญหา หรือเป็นเพราะต่างวัฒนธรรม ส่งผลให้สื่อเหล่านี้ถูกมองว่า "เอนเอียง" บ้างก็ว่า "บิดเบือน" ไปจนถึงขั้น "ไร้จรรยาบรรณ" อย่างที่บางสื่อกำลังเผชิญอยู่ ณ เวลานี้
ซีเอ็นเอ็นเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อตกเป็นคู่กรณีในชุมชนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ต่างๆ ถึงขนาด "สุกี้" กมล สุโกศล แคลปป์ อดีตผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทเบเกอรี่มิวสิค รวมตัวกับเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำจดหมายเปิดผนึกขอคำชี้แจงจากซีเอ็นเอ็น และจี้ให้สำนึกในจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสารมวลชน
ปฐมบทของสิ่งที่ทำให้ชาวชุมชนในโซเชียลเน็ตเวิร์กมองว่า สำนักข่าวยักษ์ใหญ่แห่งนี้ไม่ชอบธรรม คือ การรายงานข่าวสารในแง่มุมเดียว มีการสัมภาษณ์แกนนำผู้ชุมนุมเสื้อแดงฝ่ายเดียว พูดถึงปัญหาในบริบทเดียว ปราศจากการนำเสนอทั้งสองด้าน เพื่อชี้ให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริงว่า เกิดจากอะไร แนวทางการแก้ปัญหา และที่สำคัญมีบางบทความที่กล่าวพาดพิงไปถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพเชิดชูของประชาชนคนไทยในทางไม่ควร
"ผมนั่งดูรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นที่มาปักหลักอยู่ที่ซอยงามดูพลี บ้านผมก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้นมีบังเกอร์ทหาร ผมเดินไปดูสถานการณ์บ่อยๆ ว่ามันรุนแรงมากไหม ทหารก็อำนวยความสะดวกดีทุกอย่าง ไม่มีปิดกั้นการเข้าออก สถานการณ์ก็ยังไม่รุนแรง แต่ซีเอ็นเอ็นกลับรายงานตรงกันข้ามว่า ใครที่เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมทหารจะไม่ยอมให้ออกมา แล้วฉายภาพว่าเขาพยายามขอออกมา ด้วยการชูผ้าขาว แต่ถูกทหารปฏิเสธ" สุกี้ เล่าด้วยสำเนียงลูกครึ่ง
สิ่งที่ซีเอ็นเอ็นรายงานทำให้สุกี้มองว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เขาจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกไปขอคำชี้แจงจากสำนักงานซีเอ็นเอ็น แล้วบอกให้กลับมาสัมภาษณ์คนที่อยู่ในพื้นที่จริงว่า แท้ที่จริงแล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
พร้อมกันนี้ ศิลปินชื่อดังยืนยันว่า เขาไม่ได้อยู่สีเหลืองหรือสีแดง แต่อิงความถูกต้องเป็นธรรม โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นในเมืองไทย การนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องจำเป็นมากในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าทำแค่เป็นประเด็นการค้าอย่างเดียว อย่างไรก็ดีปัญหานี้จะหมดไปหากคนไทยช่วยกันสอดส่องดูแล ท้วงติงสื่อทุกแขนงที่รายงานข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริง
การกระทำของสุกี้เกิดความเคลื่อนไหวในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงในโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ไม่เห็นด้วย จนกลุ่มแฟนคลับของสุกี้ตั้งแฟนเพจ "ร่วมเป็นกำลังใจให้คุณสุกี้ในการตอบโต้ข่าวที่บิดเบือนของซีเอ็นเอ็น" ขึ้นมา เพียงชั่วข้ามคืนมีกลุ่มคนกว่า 1 หมื่นคน เข้ามาเป็นแฟนคลับให้กำลังใจมากมาย อีกทั้งส่งข้อมูลการรายงานข่าวของนักข่าวซีเอ็นเอ็นประจำประเทศไทย ที่มีเนื้อหาบิดเบือนเข้ามาจำนวนมาก เรียกร้องให้สำนักข่าวยักษ์ใหญ่เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาและรอบด้าน
"นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์" เป็นอีกคนหนึ่งที่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะ 2 ผู้สื่อข่าวที่ทำให้คนทั่วโลกต้องกลับมาพิจารณากันใหม่ว่า การนำเสนอข่าวของซีเอ็นเอ็นมีความน่าเชื่อถือและถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้ มีการยกตัวอย่างการรายงานข่าวของ 2 ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในไทยว่า ได้นำเสนอเพียงคำสัมภาษณ์แกนนำและผู้ชุมนุมเสื้อแดง ตรงกันข้ามกลับไม่มีการนำเสนอในฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐหรือรัฐบาล ซึ่งถือเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง เพื่อชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาที่แท้จริง ผลกระทบจากการชุมนุม ความเสียหายในระบบเศรษฐกิจจากการปิดแยกเศรษฐกิจ ชาวบ้านแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบ ถูกข่มขู่คุกคาม ถูกเผาทำลายร้านค้า บ้านเรือน บริษัทห้างร้าน หรือแม้แต่การทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์จากการตั้งด่านตรวจค้นเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเสียเอง ฯลฯ
"ในฐานะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตสงครามของกรุงเทพฯ และมีประสบการณ์ตรง อยากขอร้องให้ซีเอ็นเอ็นใช้จริยธรรมของวิชาชีพ ในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ซีเอ็นเอ็นไม่ควรส่งนักข่าวที่ไม่รู้วัฒนธรรม เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์ และสภาวะสังคมมาทำหน้าที่" นภัส กล่าว
นภัสเรียกร้องให้สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นทำอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย กับรัฐบาลไทย และประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นี่ โดยตรวจสอบการรายงานข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงของสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมถึงการไม่รายงานความรุนแรงที่เกิดขึ้นจนเกินเลยเกินความเป็นจริง
สำหรับจดหมายเปิดผนึกฉบับเต็มนั้นสามารถอ่านได้ที่ http://ashitastudioclub.ning.com/profil ... ogPost:854
อย่างไรก็ดี แม้เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้ยังไม่หยุดตามไปด้วย มีการขยายวงพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะบนเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กยังคงเกาะติดการรายงานข่าวปัจจุบันของซีเอ็นเอ็นชนิดเต็มไปด้วยข้อกังขา
"Tarawut Promwijit" ตั้งกระทู้บนเฟซบุ๊กของตัวเองว่า ซีเอ็นเอ็นจะรู้จักประเทศไทยดีกว่าคนไทยได้อย่างไร จะรู้จักนักการเมืองมากกว่าคนไทยได้อย่างไร คนนอกบ้านจะรู้ดีกว่าคนในบ้านได้อย่างไร นอกจากได้ข่าวบิดเบือนจากแหลงข่าวที่ประสงค์ร้ายกับประเทศของตัวเอง ผมขอให้กำลังใจสู้ต่อไป เพื่อเสนอข่าวที่เป็นธรรม
ขณะที่ "Fann Dektachang" บอกว่าซีเอ็นเอ็นลงข่าวทำลายประเทศไทย และจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรง โปรดช่วยกันเข้าไปคอมเม้นท์ซีเอ็นเอ็นด้วยเถิดครับ ได้โปรดช่วยกันกระจายข่าวด้วย อย่าให้จาบจ้วงและให้ร้ายประเทศของเราได้
นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเว็บอย่าง "Mina Mungming" ตั้งคำถามและขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมของนักข่าวอเมริกันว่า หากต้องการร้องเรียนจะสามารถทำได้ที่ไหน อย่างกรณีนักข่าวซีเอ็นเอ็นควรจะมีการตรวจสอบความสัมพันธ์กับบุคคลหนึ่ง นอกจากนี้ ยังจะต้องตรวจสอบการเงินรวมไปถึงอุดมการณ์การนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นกลางด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่านอกจากจดหมายเปิดผนึกของทั้ง 2 คนข้างต้นแล้ว มีคนไทยที่ต้องการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้าไปในเว็บไซต์ของซีเอ็นเอ็นจำนวนมาก รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

Re: "นภัส ณ ป้อมเพ็ชร์"หญิงไทยที่ไม่ยอมให้CNNบิดเบือนนำเสนอข่าว

พุธ 26 พ.ค. 2010 1:19 am

ขอบคุณครับ อ่านแล้วอยากกระโดดย่นใครบางคน พร้อม ๆ กับยกมือสวัสดีขอบคุณใครอีกคน
ตอบกระทู้