ทัวร์อิ่มบุญ(เปิดโลก53)

bon

หลังจากคิดอยู่ซักพักเลยตกลงปลงใจที่จะเขียนลง
เพราะอาจพอเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

ทัวร์อิ่มบุญ(เปิดโลก53)

วันที่28พ.ค.53

ถึงวัดถ้ำสหาย ไม่ทันใส่บาตรหลวงพ่อจันทร์เรียน แต่ทันถวายอาหาร
หลวงพ่อเมตตาสนทนาถึง8.30น.เพราะท่านต้องลงปาฏิโมกข์

จึงเดินทางต่อไปยังวัดศรัทธาถวาย (ถ้ำเต่า) กราบหลวงพ่อบุญมี
อีกหนึ่งพระดีที่หลวงปู่ลี ผาแดง สั่งให้ไปกราบ
ไปถึงวัดพอดีมีงานบวพระเลยได้อยู่ร่วมอนุโมทนา
หลังเสร็จงานหลวงพ่อเมตตาแสดงธรรมนานกว่า45นาที จึงกราบลาท่าน

ไปวัดภูสังโฆ ไปถึงก็รอหลวงพ่อวันชัยออกมารับแขกช่วงเที่ยงครึ่ง
ท่านเทศน์ไม่นานเนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย แต่เทศน์เป็นประโยชน์มาก
ท่านเทศน์ให้มีความฮึกเหิมในการภาวนา เมื่อฟังธรรมเสร็จแล้ว
คณะก็เดินทางต่อมุ่งหน้าสกลนคร เพื่อไปวัดวัดดอยธรรมเจดีย์
โดยลงทางด้านหลังวัดภูสังโฆ ตัดออกกุมภวาปี
ซึ่งครูบาเมตตาบอกทางให้ ช่วยย่นระยะทางได้ถึง60กิโลเมตร

ระหว่างทางได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่แฟ๊บมาตรวจงานสร้างโรงพยาบาลที่ อ.พังโคน
จึงตัดสินใจแวะกราบท่าน
หลังจากกราบถวายซีดีเทศน์ของหลวงปู่แฟ๊บที่คณะทำถวายท่านแจกราว3,000แผ่น
และปัจจัยร่วมสร้างโรงพยาบาลกับท่านแล้วจึงเดินทางต่อไปยัง วัดดอยธรรมเจดีย์

เข้าไปถึงวัดดอยธรรมเจดีย์ ราว 5โมงครึ่ง สายกว่ากำหนดการมาก แต่ก็ยังพอมีที่นอนเหลือ
ซึ่งคนที่มาค้างวัดมีจำนวนหลายร้อยคน วันนั้นทำวัตรเย็นราวหนึ่งทุ่ม
และหลวงปู่แบนเมตตาลงเทศน์ตอนสองทุ่ม เทศน์ราว1ช.ม. ท่านก็เมตตานำเวียนเทียนรอบภูเขา
ซึ่งมีเจดีย์ของวัดดอยฯและมีทางจงกรมหลวงตาบัวที่ท่านเดินในขณะบรรลุธรรม
ทางเวียนเทียน ยาวราว1กิโลเมตร เวียนประทักษิณ3รอบก็ราว3กิโลเมตร
หลวงปู่แบนท่านมีพระช่วยประครองบ้างแต่ก็นับว่าท่านแข็งแรงดี
ราวสี่ทุ่มท่านก็นิมนต์พระอาจารย์คำสิงห์ขึ้นเทศน์
ได้ยินว่า เป็นพระพรรษาราวสิบกว่าพรรษาเท่านนั้น
แต่การที่หลวงปู่แบนให้เทศน์นัยว่าเป็นการรับรองคุณธรรมอีกทาง
หลังจากพระอาจารย์คำสิงห์เทศน์จบหลวงปู่แบนก็เมตตาเทศน์ต่อจนถึงราวเที่ยงคืน
จึงให้แยกย้ายกันไปปฏิบัติ ต้องขอใช้คำว่าเปรมปรีมาก สมใจกับที่ตั้งใจมาวัดดอยฯ

วันที่29พ.ค.53

ใส่บาตรหลวงปู่แบน รับประทานข้าวแล้วเดินทางไป วัดนาคนิมิตร กราบหลวงปู่อว้าน
จากนั้นจึงเดินทางต่อไปกราบหลวงปู่สุธัมย์ วัดเทพกัลยาราม
ศิษย์อีกองค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นเมตตาบวชให้ ปัจจุบันท่านอาพาธมาก
จึงให้ตัวแทนขึ้นไปถวายปัจจัยและไทยทาน แล้วจึงเดินทางต่อไปสันติสังฆาราม

กราบหลวงปู่บัวไข ได้ถวายปัจจัยค่ารักษาพยาบาลหลวงปู่
หลวงปู่บัวไขท่านเป็นหลานแท้ๆของหลวงปู่สิม ปัจจุบันอาพาธ ต้องฟอกไตทุกเดือน

หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังถ้ำเป็ด เพื่อกราบหลวงพ่อก้าน ซึ่งท่านเมตตาเทศน์ราวครึ่งชั่วโมง
ได้เห็นปฏิปทาอันตรงต่อธรรมของท่านนับเป็นบุญมากที่ได้มากราบ
และถ้ำเป็ดเป็นอีกสถานที่ที่น่ามาปฏิบัติธรรม อากาศดีมาก ลมโกรกตลอด
วัดนี้ได้อาศัยเนวิเกเตอร์ เอ็ดดิสันและ ยิ้ม
ในการเดินทางเพราะเป็นการมาครั้งแรกของคณะ
ต้องขอบคุณท่านทั้ง2มาณ ที่นี้ด้วยครับ
โดยเฉพาะท่านเอ็ดที่เป็นธุระวิ่งหาซื้อข้าวกล่องให้คณะถึง2มื้อ
ทำให้สามารถทำเวลา ได้ตามกำหนด

ต่อจากนั้นก็เดินทางไปกราบหลวงปู่จันทาวัดโนนสะอาด อ.ส่องดาว (คนละองค์กับหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดเขาน้อย จ.พิจิตร)
องค์นี้หลวงพ่อสมบูรณ์เคยบอกว่าจิตเพิ่นดีอยู่
หลวงปู่จันทาท่านเป็นพระลูกทุ่งๆ พูดอะไรตรงๆไม่มีมารยา
สร้างโบสถ์อยู่ไม่มีเงินก็บอกไม่มีเงิน
ซึ่งมากราบท่านเมื่อคราวก่อนได้ประสบการณ์เรื่องความแจ่มชัดของทิพจักขุญาณของท่านอยู่เหมือนกัน

หลังจากนั้นก็เดินทางไปกราบหลวงปู่เนย ถึงวัดโนนแสนคำ
กราบหลวงปู่เนย หลวงปู่ท่านยังคงน่ารักเหมือนเดิมแม้สุขภาพจะไม่สู้ดีนัก
เป็นมะเร็งแต่ผิวพรรณวรรณะท่านยังคงเปล่งปลั่ง
ตาท่านคมกริบ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าตาท่านแทบจะมองไม่เห็นแล้ว
เข้าใจว่าทุกวันนี้ที่เห็นชัดคงอาศัยตาในช่วย
หลวงปู่เมตตาเทศน์ธรรมแบบจี้ถามเพื่อให้ตอบ
เป็นอีกหนึ่งปฏิปทาที่ช่วยฝึกสติและปัญญาของเหล่าศิษย์

หลังจากนั้นจึงเดินทาง วัดป่าแก้วบ้านชุมพล กราบหลวงพ่ออุ่นซึ่งไปถึงตอนบ่ายสามโมงพอดี
ตามปรกติเป็นเวลา หลวงพ่อออกรับแขก
แต่วันนี้หลวงพ่อต้องรับแขกคณะใหญ่ๆตั้งแต่เช้าเพิ่งเข้าพักตอนบ่ายสองกว่า
จึงคิดว่าไม่รบกวนท่าน

คณะจึงเดินทางต่อไปยังวัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบและทำบุญกับหลวงตามหาบัว
หลังจากนั้นก็เข้ากราบคุณแม่จันดี อีกหนึ่งอุบาสิกาผู้ปฏิบัติดีแห่งวัดป่าบ้านตาด
น้องสาวแท้ๆของหลวงตามหาบัว
และต่อไปกราบหลวงปู่ลี ผาแดง เศรษฐีธรรมของหลวงตาบัว
ซึ่งหลวงปู่ท่านมาพำนักยังวัดป่าบ้านตาดนานนับเดือนแล้ว
ซึ่งโชคดีที่หลวงพ่อบุญมี วัดถ้ำเต่า เข้ากราบหลวงปู่ลีพอดี
จึงได้กราบหลวงพ่อบุญมีอีกครั้ง การมาก่อนวันงานหนึ่งวัน
นับว่าคิดถูกเพราะแค่เย็นก่อนงานคนที่มางานก็เป็นหมื่นๆคนแล้ว
ต่อคิวที่จะถวายปัจจัยหลวงตา นานเกือบ20นาที คนเยอะโรงทานมหาศาล
น่าอนุโมทนาบุญกับทุกท่านเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปยัง วัดป่าภูทอง กราบหลวงพ่อคูณ
ฟังเทศน์1กัณฑ์ พักค้างคืนที่นี้ ได้ครูบาอ้วน และพี่ปีกอำนวยความสะดวก
ต้องกราบขอบพระคุณมาณ ที่นี้ด้วย

วันที่30พ.ค.53

ออกจากวัดป่าภูทอง แต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรหลวงปู่บุญมี วัดป่านาคูณ
หลวงปู่แม้อายุมากแต่ยังคงเทศน์สอนลูกศิษย์
ท่านเป็นพระที่หลวงตามหาบัวยกย่องมากเรียก ธรรมใหญ่บุญมี
ในเขตบ้านผือพระเณรทั้งหลายขนานนามท่านว่าหลวงปู่ใหญ่
ทราบจากศิษย์ใกล้ชิดท่านว่าท่านเป็นคู่บารมีกับหลวงปู่เพียร พระอรหันต์ที่เพิ่งมรณะภาพไปเมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งหลวงปู่บุญมีท่านปารภว่าท่านจะอยู่ไม่ถึงวันเกิดปีนี้(ราวสิ้นปี)
ทำให้เมื่อมีโอกาศต้องรีบไปกราบท่าน ทำบุญกับท่านให้มากที่สุด

หลังจากนั้นดิ่งไปวัดป่ามัชฌิมาวาส กราบท่านพ่อเมือง
ซึ่งท่านเมตตาลงมารับและท่านได้ปรารภถึงวันที่13มิ.ย.53ที่มีผ้าป่า
ตึกสงฆ์อาพาธ ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งท่านก็จะต้องไปร่วมงาน (และหาปัจจัยไปร่วมทอดผ้าป่า) ด้วย
วันนี้ท่านพ่อดูแข็งแรงดี เมตตาแจกพระคนละองค์
โดยโยนให้ เป็นการฝึกสติทุกคนที่ไปกราบ
และทางวัดเมตตาจัดเตรียมอาหารกลางวัน ชุดใหญ่ กับข้าวเกือบสิบอย่าง
เหมือนจัดในโรงแรมทีเดียว และยังได้ข้าวเหนียวทุเรียนเป็นของหวาน
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ