รบกวนถามครับ

สมเกียรติ7689 · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2011 10:40 am

พอดีมีพระพิฆเนศวร กับ แม่นางกวัก ไม่ทราบที่

สมเกียรติ7689 · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2011 10:41 am

สมเกียรติ7689 · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2011 10:45 am

สมเกียรติ7689 · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2011 10:45 am

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2011 8:35 pm

พระพิฆเณศวร์องค์นี้เป็นงานปั้นของอาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ หัวหน้ากองช่างสิบหมู่กรมศิลปากรครับ ออกเป็นที่ระลึกในคราวงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มวลสารนั้นใช้ของอาจารย์อนันต์เป็นหลักใหญ่ด้วย ที่สำคัญคือ ผงชันเพชรบุษบกพระแก้วมรกต, รักทองที่ลอกเมื่อคราวบูรณะบุษบกพระแก้วมรกต, ผงวิเศษนานาที่อาจารย์อนันต์เก็บสะสมไว้จากหลวงปู่-หลวงพ่อต่าง ๆ มากมาย, พวงมาลัยบูชาหลวงพ่อพระแก้วมรกตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ฯลฯ

ส่วนนางกวักนั้น ดูฝีมือแกะแล้วเป็นของช่างเล้ง เขาน้อย ชลบุรีครับ ส่วนใหญ่วัดที่สั่งสร้างนางกวักในลักษณะนี้มักอยู่ในเมืองชลบุรีแทบทั้งสิ้น เห็นโดยมากที่ทำก็มักเป็นหลวงพ่อบุญมา วัดอุทยานนที (วัดสมถะ) อ.เมือง จ.ชลบุรี หลวงพ่อบุญมาเป็นพระเก่งพระดีรูปหนึ่งครับ ท่านสืบสายวิชาของหลวงพ่อครีบผู้เป็นบูรพาจารย์ เด็กในเมืองชลฯ คนไหนโยเยเลี้ยงยาก พ่อแม่ยกไปผูกข้อไม้ข้อมือให้เป็นลูก(บุญธรรม)หลวงพ่อมาทั้งนั้นแหละครับ แล้วก็กลับกลายเป็นเลี้ยงง่าย โตไว กินจุ เสียอย่างนั้น ก็นับว่าแปลกดี

อีกที่หนึ่งซึ่งนิยมทำมาก คือ วัดหลวงพรหมาวาส อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี แล้วก็วัดเครือวัลย์ อ.เมือง จ.ชลบุรี ในยุคของพระเทพชลธารมุนี หรือท่านเจ้าคุณวิเชียร ท่านก็สร้างไว้มากพอดู เพราะท่านเป็นศิษย์สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อแก้วมาในสาย คือ เรียนจากหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเรียกจากหลวงพ่อถัน และหลวงพ่อถันเรียนจากหลวงพ่อแก้ว ดังนั้น พระผงของท่านเจ้าคุณวิเชียรจึงมีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์คือ ผงวิเศษของหลวงพ่อแก้วผสมอยู่ด้วย จึงเป็นที่แสวงหาของคนเมืองชลฯ กันพอสมควร

พระพิมพ์ที่ช่างเล้งแกะให้สำนักต่าง ๆ นั้น บางทีก็มีซ้ำกัน กล่าวคือเมื่อสำนักใดมาเห็นเข้าแล้วชอบใจ ก็ขอพิมพ์หน้ามาสร้างต่อ เป็นแต่เปลี่ยนพิมพ์หลังให้เป็นคนละยันต์กันเสียเท่านั้น แบบนี้ก็มีบ่อยครั้ง

แต่ถ้าปลุกเสกแล้วก็ดีทั้งนั้นแหละครับ

รณธรรม ธาราพันธุ์ · **โพสต์แล้ว:** ศุกร์ 08 ก.ค. 2011 12:56 am

ได้ความชัดเจนแล้วครับ

นางกวักเนื้อผงองค์ที่ถามนั้น เป็นของ ท่านพระครูโสภณกิจจาทร (หลวงพ่อบุญมา ปุณณโก) วัดอุทยานนที (วัดสมถะ) ต.มะขามหย่ง อ.เมือง จ.ชลบุรี แน่นอนแล้วครับ

เพราะหลวงพ่อมานั้น นอกจากจะมีบารมีทางแก้เด็กเลี้ยงยากแล้ว เรื่องการปลุกเสกของท่านก็ใช่จะน้อยหน้าใคร ดังที่กล่าวแล้วว่าท่านเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขสืบสายมาจากวิชาของหลวงพ่อครีบองค์ปรมาจารย์ ผู้รังสรรค์พระปิดตาที่ลือลั่นทั่วแผ่นดินเช่าหากันในอัตราหลายแสนบาทจนถึงหลักล้า้นเลยทีเดียว

แต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อมามีความโดดเด่นคือการปลุกเสก "นางกวัก" !!

ไม่มีผู้ใด(โดยทั่วไป)ทราบว่าหลวงพ่อมาศึกษาวิชานางกวักมาจากผู้ใด รู้กันเพียงว่าท่านออกวัตถุมงคลในรูปนางกวักมาหลายครั้ง ทั้งผ้ายันต์ พระผงพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ ทั้งแบบลงสี, ลงรักปิดทองลงสี, และลงรักปิดทอง เรียกว่ามีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ทุก ๆ รูปแบบก็ล้วนหมดไปอย่างรวดเร็วในสมัยท่านนั่นแล เล่าลือกันไปทั่วตลาดเมืองชลฯ ว่า ร้านไหนมีนางกวักหลวงพ่อมา วัดสมถะ ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม ต่างก็ซื้อง่ายขายคล่อง มีโชคมีลาภกันเป็นประจำ จนทำให้นางกวักของท่านหมดจากวัดอย่างรวดเร็วในทุกวาระที่สร้างออกมา เพราะพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดชลบุรีต่างแย่งยื้อไปบูชา หรือขอฟรีจากท่านกันจนหมด

เมื่อไม่นานมานี้ยังมีศิษย์เก่าไปค้นพบ "นางกวัก" และ "นกสาลิกา" ไม้กาฝากรักกาฝากมะรุมแกะ ในขวดน้ำมันจันทน์ของหลวงพ่อมา วัดอุทยานนที (วัีดสมถะ) ของเก่า ของดั้งเิดิมเลยครับ เมื่อได้มาแล้ว ยังนำไปถวายท่านพระครูวิทิตพัฒนาการ (หลวงพ่อจ้อย พุทธสโร) วัดหนองน้ำเขียว ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อธิษฐานจิต ปลุกเสกซ้ำอีก ซึ่งเมื่อหลวงพ่อจ้อย "พิจารณา" แล้วก็ยังบอกว่า "ไม่ต้องเสกแล้ว" แต่ผู้นำไปถวายก็ยืนยันจะขอ "แรง" ท่านอีกโสตหนึ่ง ซึ่งท่านก็เมตตาให้ แล้วนำไปเก็บเสกอยู่โต๊ะบูชาท่านตลอดไตรมาสในพรรษา

กาลต่อมาเมื่อไปขอรับคืนส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ได้ถวายให้เป็นสมบัติท่าน ท่านก็นำออกให้สาธุชนบูชาอย่างหวงแหน โดยท่านเป็นองค์กำหนดค่าบูชาขวดละ 500 บาทด้วยองค์ท่านเอง ร้อนถึงศิษย์รับใช้ที่เป็นหลานบ่นเสียงดังในทันทีที่ทราบว่า โอ้ย ! ใครเขาจะไปเช่า ไม้แกะเล็กนิดเดียวตั้งห้าร้อย ท่านตอบเขาในทันทีว่า

"เขาเช่าไปห้าร้อย แต่รวยเป็นล้าน ๆ ไม่คุ้มหรือ ?"

พูดเพียงเท่านั้นทุกคนก็โหมเข้าไปเช่า แม้เมื่อผมได้เข้าไปบูชาในคราวหนึ่งกับคุณอู๊ดดี้ ขณะท่านหยิบ "น้องนก" ออกมาให้นั้น ทันทีที่ท่านสวดประสิทธิ์เพื่อมอบให้กับมือ นกกาภายในวัดก็ร้องตะเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมกับคุณอู๊ดดี้ถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นกร้องสนั่นวัดราวกับนัดกันอยู่อย่างนั้นตราบจนหลวงพ่อเสก(ซ้ำ)เสร็จ เมื่อท่านลืมตาขึ้นท่านก็ว่า "แหม ร้องกันใหญ่" เสียงนกก็เงียบลงฉับพลัน

พอท่านมอบถุง "น้องนก" หลับตากำหนดจิตประสิทธิเมใส่มือผม สกุณาทั้งวัดก็ร้องลั่นกันขึ้นมาอีก ครั้งนี้พอประสิทธิ์ประสาทเรียบร้อย หลวงพ่อจ้อยถึงกับหัวเราะแล้วบอกผมว่า

"มันร้องชวนเพื่อนไป"

แล้วจากนั้นบรรดานกก็เงียบกริบเหมือนไม่เคยร้องมาก่อนเลย ทำเอาผมงงเป็นกำลัง

ผมถึงเข้าใจคำว่า "แรง" .... อ้อ ! เป็นอย่างนี้นี่เอง