พี่ต่อคับเรียนถามเรื่องบูชาราหู

[พรหมาศ]

ถ้าจำไม่ผิดวัน จันทร์ที่จะถึงนี้จะมีสุริยุปราคา ไม่ทราบว่ามีการบูชายังไงอ่ะคับพี่

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

re1.jpg (21.31 KiB) เปิดดู 1434 ครั้ง

ราหู เป็นเรื่องลำบากที่จะพูดเหมือนกันครับ เพราะความเชื่อของผู้คนแตกต่างกันออกไปมากมายหลายสาย

re1.jpg (3.95 KiB) เปิดดู 1434 ครั้ง

ที่จริงในทางโหราศาสตร์ พระเกตุ กับ พระราหู มิใช่ดวงดาว แต่เป็นจุดที่จันทร์โคจรผ่านโลก ณ จุดเหนือและจุดใต้ ถูกกำหนดสร้างขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณการโคจรของดาวที่มีอยู่จริงทั้ง 7 ดวง เมื่อสะดวกต่อการคำนวณ ก็ส่งผลให้แม่นต่อการพยากรณ์

แต่บางตำราก็ระบุให้โลกเป็นดาวราหูเลยก็มี

หากในทางเทววิทยา ตำราเทพนพเคราะห์ ระบุว่าพระราหูเป็นเทพองค์หนึ่ง ถือกำเนิดในตระกูลแทตย์(หน้าคล้ายยักษ์) เป็นบุตรของท้าววิประจิตติกับนางสิงหิกา แรกเกิดก็มีหางเป็นนาคอยู่แล้ว

องค์ดั้งเดิม re1.jpg (36.03 KiB) เปิดดู 1433 ครั้ง

แต่ในไวศณพนิกาย เรื่องนารายณ์อวตาร ปางกูรมาวตาร กล่าวว่า เมื่อเดิมพระราหูมีรูปกายเป็นมนุษย์ แต่ครั้นเทวดาและอสูร(ยักษ์)ร่วมมือกันกวนเกษียรสมุทร ได้ของวิเศษต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมามากมาย หนึ่งในนั้นคือน้ำอมฤต เทวดาและอสูรจะตีกันเพื่อแย่งกิน พระนารายณ์จึงนิรมิตตนเป็นสาวงามชื่อ "นางโรหิณี" นำสุรารสเลิศมาป้อนพวกยักษ์ให้ดื่มกินกัน พร้อมทั้งพูดจาหว่านล้อมยั่วยวนจนเหล่าอสูรเคลิบเคลิ้ม ปล่อยให้พวกเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตก่อน

re1.jpg (36.07 KiB) เปิดดู 1434 ครั้ง

ข้างพระราหูกลับดูออก รู้ทันว่านางโรหิณีคือนารายณ์แปลง จึงจำแลงตนเป็นเทวดาแทรกเข้าไปต่อแถวระหว่างพระอาทิตย์กับพระจันทร์ ครั้นจอกน้ำอมฤตส่งมาถึงตนแล้วกำลังดื่มอยู่นั้นเอง พระสุริยเทพกับพระจันทรเทพเผอิญเหลือบไปเห็นเงาที่ทอดยาวเป็นรูปยักษ์หาใช่เทพไม่ จึงร้องตะโกนฟ้องพระผู้เป็นเจ้า นางโรหิณีจึงคืนรูปเป็นพระนารายณ์แล้วขว้างจักรคู่มือที่ชื่อ "สุทรรศน์" ตัดพระราหูเข้ากลางตัวขาดสองท่อนทันที

แต่ด้วยอานุภาพของน้ำอมฤตทำให้พระราหูเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย มีกายครึ่งเดียวล่องลอยอยู่ในจักรวาล และเมื่อใดที่มาประสบพบกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ก็จะทำการอมล้างแค้นไม่ให้ส่องแสงสุกสว่าง

ศิลป์กราฟฟิค.jpg (52.52 KiB) เปิดดู 1434 ครั้ง

ก็คือสุริยคราสและจันทรคราส หรือ สุริยุปราคา จันทรุปราคา

.gif (29.31 KiB) เปิดดู 1434 ครั้ง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกยักษ์เห็นโทษของสุราอย่างถึงจิตถึงใจพากันสาบานตนว่าเลิกดื่มกินเหล้าโดยเด็ดขาดจึงได้ชื่อว่า "อสูร" คือ ผู้ไม่แตะต้องสุรา ตั้งแต่นั้นมา

และที่จริง ก็ยังมีตำนานที่กล่าวถึงกำเนิดของพระราหูแตกต่างกันอีกมากมายหลายเล่ม จนไม่มีความชัดเจนว่าแท้แล้วพระราหูถือกำเนิดอย่างไรแน่ มีตัวตนจริงหรือไม่

ทว่าในทางไสยศาสตร์แล้วถือราหูเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง มีพระคาถาและการปลุกเสกที่ได้รับกำเนิดมาจากพระฤาษีสองตน ผู้พักบำเพ็ญตนอยู่ ณ เขายุคนธร ได้มองเห็นอนาคตกาลว่าต่อไปภายหน้ามนุษย์จักเดือดร้อนลำเค็ญไปทุกหย่อมหญ้า แม้ทรัพย์สมบัติจะหาติดกายก็ไม่มี พระฤาษีทั้งสองผู้เป็นสหายธรรม ปฏิบัติโมกษะร่วมกันจึงคิดสร้างพระมหายันต์แสนวิเศษขึ้นสองอย่าง ฤาษีตนหนึ่งสร้างยันต์ชื่อ "สุริยประภา" ขึ้น อีกตนหนึ่งสร้างยันต์ชื่อ "จันทรประภา"

re1.jpg (46.37 KiB) เปิดดู 1431 ครั้ง

re1.jpg (66.32 KiB) เปิดดู 1431 ครั้ง

กะลาแกะเต็มองค์ re1.jpg (12.57 KiB) เปิดดู 1431 ครั้ง

กำหนดว่าเมื่อจะสร้างให้ใช้ "กะลาตาเดียว" สร้าง แกะเป็นรูปราหูอมพระอาทิตย์ยันต์หนึ่ง แกะเป็นราหูอมพระจันทร์ยันต์หนึ่ง มีคำบูชาและวิธีการบูชาสอดคล้องกัน ยันต์หนึ่งบูชากลางวัน ยันต์หนึ่งบูชากลางคืน เมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ก็มีข้อบ่งใช้ที่ต่างกันไปตามเหตุการณ์

รูปหล่อ.jpg (6.2 KiB) เปิดดู 1429 ครั้ง

ดังนั้น เมื่อวันจันทร์มีสุริยุปราคาและเราก็มีความเชื่อที่จะทำ ก็ควรหารูปเคารพของราหูอมพระอาทิตย์มาตั้งบูชา แล้วสังเวยด้วยเครื่องบูชาที่พระราหูโปรด (ไม่ใช่ของดำแปดอย่างดังที่เขาเข้าใจผิดกัน) แต่เป็นอะไรก็ได้ที่เข้าเนื้อสัตว์ เช่น ปลาช่อนแป๊ะซะ หมูสามชั้นต้ม กุ้งพล่า ปลายำ สุรา เพราะพระราหูเป็นยักษ์ จึงโปรดเครื่องสังเวยดังกล่าวมา ซึ่งจะมีกี่อย่างก็ได้ตามกำลังของเรา

รูปหล่อปิดทอง re1.jpg (24.39 KiB) เปิดดู 1428 ครั้ง

ของทั้งหมดให้วางลงบนโต๊ะที่ตั้งกลางแจ้ง บนโต๊ะให้ปูด้วยผ้าสีสัมฤทธิ์(น้ำตาลเข้ม,น้ำตาลทอง) หากหาไม่ได้ให้ใช้ผ้าขาวแทนก็ควร ใช้เทียนสีอำพันซึ่งก็คือเทียนขี้ผึ้งแท้หนัก 12 บาท 1 คู่ ขึ้นธูปหอม 12 ดอก แล้วกล่าวชุมนุมเทวดาจากนั้นจึงค่อยสรรเสริญพระราหู

คำบูชาพระราหูในกรณีที่เป็นสุริยคราส พึงสวดว่า

"เอกะจักขุ นาฬิเกลา สุริยะประภา ราหูคาหา สัตตะระตะนะ สัมปันโน มณีโชติระโสยะถา สุวัณณะ รัชชะตะสะมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา" 7 จบ

ถ้าหากมีเวลา ก็ให้นับประคำสวดบทเล็กดังต่อไปนี้จนกว่าคราสจะคลายออก

"กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุตติโม มะมะ คุตติโม"

.gif (29.94 KiB) เปิดดู 1428 ครั้ง

จบแล้วจึงอธิษฐานเอาในสิ่งที่ต้องการ หวังว่าคุณพรหมาสตร์คงจะสมปรารถนาในสิ่งที่ประสงค์นะครับ

[napol]

ดีจังครับอ่านเข้าใจง่ายสนุกและได้ความรู้ด้วยครับ การบูชานั้นไม่ใช่ของด ำ แปดอย่าง
เราเองเข้าใจผิดมานาน

[อู๊ด อู๊ด]

เกร็ดความรู้ใหม่ เยี่ยมจริง ๆ ขอบคุณครับครับ เอ่อ แล้วพอจะมีแนะนำของดีราคาเบา ๆ ให้บ้างหรือป่าวครับ

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ของดีราคาเบา ๆ หรือครับ ?

จะตอบนุ่นก็เกรงใจ


ไว้สืบหาให้ก่อนนะครับ จะมาแจ้งให้ทราบกันอีกที

[กริด99]

ขอถามอ.รณธรรมครับว่า
เทวรูปราหู และเทวรูปนารายณ์เกษียรสมุทรในภาพที่อาจารย์นำมาลงนั้นอยู่ที่ไหนหรือครับ ผมอยากรู้ครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ

[พรหมาศ]

ขอบคุณคับพี่ต่อ แต่เทียนหนัก 12 บาทนี้หายากเอาการ

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ขอถามอ.รณธรรมครับว่า
เทวรูปราหู และเทวรูปนารายณ์เกษียรสมุทรในภาพที่อาจารย์นำมาลงนั้นอยู่ที่ไหนหรือครับ ผมอยากรู้ครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ

เป็นงานปฏิมากรรมจาก "เมืองโบราณ" ที่จ.สมุทรปราการครับ

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ขอบคุณคับพี่ต่อ แต่เทียนหนัก 12 บาทนี้หายากเอาการ

หาไม่ยากครับ ลองดูตามร้านสังฆภัณฑ์แถว ๆ เสาชิงช้าสิครับ ไม่น่าจะผิดหวัง แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็อนุโลมให้ใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ หนัก 4 บาท ไส้ 12 เส้นครับ

[พรหมาศ]

ขอบคุณคับ

[กริด99]

ขอบคุณอ.รณธรรมมากครับ

[Monny]

โอ้ววววว

ได้ความรู้ใหม่อีกแระ

ขอบคุณ อ.ต่อ คร้าบบบบ

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ด้วยความยินดีครับ

[พรหมาศ]

มีเรื่องจะถามพี่ต่ออีกแล้วคับ คือเทียนขี้ผึ้งแท้ 12 บาทนั้น คือ คู่นึง 12 บาท หรือ ข้างละ 12 บาทอ่ะคับพี่

[สุรเทพ]

ครบจริงๆครับพี่ต่อทั้งทางด้านโหราศาตร์ และทางด้านเทวะวิทยา

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

มีเรื่องจะถามพี่ต่ออีกแล้วคับ คือเทียนขี้ผึ้งแท้ 12 บาทนั้น คือ คู่นึง 12 บาท หรือ ข้างละ 12 บาทอ่ะคับพี่

เทียนขี้ผึ้งแท้นั้น หากระบุว่าหนักเท่าไร ๆ ตำราหมายถึง "หนักเล่มละเท่านั้น" เช่น ใช้เทียนขี้ผึ้งแท้หนัก 12 บาท คือ น้ำหนักเทียนหนักข้างละ 12 บาท ครับ ถ้าเอามาชั่งรวมกันสองเล่มก็หนัก 24 บาทนั่นแล

[พรหมาศ]

พี่ต่อคับ วันนี้ผมไหว้พระราหูแล้ว แต่เนื่องจากสถานที่ไม่อำนวยจึงไหว้ตรงระเบียง ในตอนประมาณ 5 โมงครึ่ง ปรากฎว่าพอปักธูปปรากฎว่า ธูปทั้ง 12 ดอก ต่างหล่นลงมาเองบนพื้น เหมือนมีคนจับโยนทิ้ง เนื่องจากว่า มันเร็วมากต่อหน้าต่อตา แล้วแถมว่าอย่างเป็นระเบียบไม่กระจัดกระจายเลย ในใจก็เลยนึกขอขมาว่าเนื่องจากสถานที่ไม่เอื้ออำนวยจึงต้องไหว้ที่ระเบียง จากนั้นก็ไหว้ตามปกติที่พี่บอก ก็รู้สึกว่าลมพัดโชยอ่อนๆ ไม่ร้อน ปลอดโปร่งดี คับ

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ดีแล้วครับ อนุโมทนาด้วยครับ ถึงว่า "ท่าน" จะจับธูป "โยน" ออกมา นั่นก็แสดงว่า "ท่านมา" ท่านถึงโยนได้ ถ้าท่านไม่มา ท่านก็คงไม่โยน เรียกว่าการบูชาของเรามีผล สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ครับ

ท่านทำอย่างนั้น ก็เพราะเราทำผิดเทศะ แต่กาละเราทำถูกแล้ว เทศะคือสถานที่ ใต้ที่มุงบังทั้งปวงโดยเฉพาะห้องหับที่มนุษย์อยู่อาศัยเหนือศีรษะนั้น เทวดาไม่ชอบเข้าครับ ไม่จำเป็นจริง ๆ ท่านเหล่านั้นจะไม่เข้าไปเลย เมื่อคุณพรหมาสตร์ทำโดยที่แม้จะศรัทธา แต่ผิดวิธีปฏิบัติแต่โบราณประเพณีมา ท่านจึง "แสดง" ให้ดูเป็นขวัญตากระมัง จะได้ระมัดระวังไม่ทำผิดอีกในครั้งต่อ ๆ ไปครับ

ดีใจด้วยครับ

มีธูปให้โยน ดีกว่าไม่มีธูปให้โยน (แล้วจับคุณโยนลงไปแทน)

[จิ้งจก]

อือม...ได้ความรู้เพิ่มเติมเลยครับ ขอบพระคุณในข้อมูลครับผม

[รณธรรม ธาราพันธุ์]

ด้วยความยินดีครับผม ขอบพระคุณที่ติดตามครับ