วันอาทิตย์เด็กลึกลับได้ออกไปท่องโลกกว้างมากฮะ (สำนวนซะ) เอาจริงๆก็ไปที่พุทธอุทยานธรรมโกศลมาฮะ บรรยากาศเปลี่ยนไปบ้าง และทุกวันอาทิตย์มีทำบุญเลี้ยงพระถวายหลวงพ่อสมภพอีกด้วยฮะ
ภายในพุทธอุทยาน บรรยากาศเปลี่ยนไปบ้างฮะ คือ ได้มีการสร้างห้องกระจกและนำพระพุทธรูป และ ศพของหลวงพ่อสมภพไปไว้ด้านใน และให้ผู้ที่มาจุดธูปเทียนบูชาอยู่ด้านนอก
ลองเมี่ยงๆมองๆตู้วัตถุมงคล แล้วเจอเหรียญนี้ฮะ
เหรียญหลวงปู่เผือก หรือที่ลูกศิษย์เรียกว่า "เหรียญนั่งโต๊ะ ปี14"
เลยขออนุญาตนำ บางส่วนของบทความที่คุณอารณธรรม ท่านเคยเขียนถึงเหรียญนี้ไว้มาแสดง ณ ที่นี้ฮะ
"...ลุถึงปี พ.ศ.2514 หลวงปู่เผือก พระปรมาจารย์แห่งวัดสาลีโขภิตาราม ได้คำนวณฤกษ์เห็นควรประกอบมหาพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด สืบเนื่องมาแต่ “มหาฤกษ์” ที่ยากจะเกิดขึ้นในแต่ละคราว นั่นคือ "ฤกษ์มหาจักรจตุรงคสันนิบาต”
อันได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และดาวราหู ต่างเคลื่อนเข้าสถิตอยู่ในองค์เกณท์ราศีอันเป็น “มหาจักร” แห่งตน และจะปรากฎถึง 4 วาระด้วยกันตลอดไตรมาสพรรษาปี 2514 ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทุก 200 ปีจะเกิดมีขึ้นครั้งหนึ่ง
วาระมหามงคลที่จะถึงนั้น บรรดาผู้รู้ทั้งหลายไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยได้ หลวงพ่อสาลีโขจึงกำหนดการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สมเวลาที่รอคอย ทั้งยังปรารถนาให้เป็น “ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต” ของท่านทีเดียว
การสร้างอิทธิวัตถุของหลวงพ่อสาลีโขนั้นไม่เลยแม้สักครั้งเดียวที่จะใช้โลหะเปล่า ท่านเพียรพยายามยิ่งในการจารอักขระเลขยันต์สำคัญครอบคลุมสรรพวิชาทั้งมวลลงในแผ่นโลหะ เน้นหนักในทุกๆสายวิชาทั้งคงกระพัน มหาอุด ชาตรี กำบังตน มหาลาภ มหานิยม เมตตา แคล้วคลาด กันภัยกันคุณไสย กันภูตผี
วิชาเหล่านี้ท่านเพียรจารเสกเป่า แต่ละอักขระแต่ละพระยันต์ ท่านจะบรรจงเขียนอย่างสวยงาม ปลุกเสกและลงถม นำไปหลอมเอามาลงใหม่ ซับซ้อนเช่นนี้อย่างน้อย ถึง 3 วาระด้วยกัน กระทั่งคราวหลอมเพื่อรีดปั๊มเหรียญ ช่างถึงกับตะลึงเมื่อแผ่นทองวิ่งวนอยู่ในเบ้าหลอม ไม่ยอมละลาย ได้ตักเก็บไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายสิบแผ่น
แผ่นทองชนวนนับสิบกิโล แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และวิริยะอุตสาหะ อันหาได้ยากในพระอาจารย์สมัยปัจจุบัน ไม่ควรแปลกใจเลยที่บังเกิดปาฏิหาริย์แผ่นทองไม่ละลายเพราะ “ปราณ” ที่ท่านเป่าประจุย่อมสถิตแนบแน่นอยู่ในทุกอณูแผ่นทอง จนโลหะธาตุธรรมชาติทั้งมวลถูกแปรสภาพเป็น “ธาตุสำเร็จ” จากการตั้งธาตุ ปรุงธาตุ และหนุนธาตุทั้ง 4 ขึ้นมาจากจิตที่ทรงอภิญญา
เฉพาะ “เตโชกสิณ” นั้น ท่านเชี่ยวชาญถึงขีดสุด
มงคลวัตถุที่สร้างประกอบด้วย พระพุทธรูปสุโขทัย หน้านาง ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระพุทธนาคปรก ขนาด 9, 5 นิ้ว, พระสังกัจจายน์ ขนาด 9 นิ้ว, รูปหล่อหลวงปู่เผือก ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระนาคปรกแขวนคอ, รูปหล่อหลวงปู่เผือกขนาดแขวนคอ, เหรียญหลวงปู่เผือก รุ่น 2 พิมพ์ใหญ่ – เล็ก, เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาลีโข รุ่น 2
ชนวนมวลสารทั้งหมดถูกนำมาประกอบพิธีปลุกเสกในวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 18.00 น. โดยพระคณาจารย์มากมาย มีหลวงปู่เผือกประทับทรง หลวงพ่อสาลีโขเป็นประธาน เมื่อแล้วเสร็จได้จุณเจิมสรรพวัสดุด้วยกระแจะหอม และสวดหนุนด้วยพระพุทธมนต์พิเศษ คือ บทยานี , บทภาณวาร , บทคาถาพัน และอิติปิโสรัตนมาลา ก่อนจะนำแผ่นโลหะทั้งปวงมาหล่อหลอมเป็นชนวนสัมฤทธิ์เพื่อนำไปสร้างเป็นองค์พระต่อไป
วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 10.08 น. เป็นกำหนดจุดเทียนชัยในพิธีเททอง และเริ่มทำพิธีพุทธาภิเษก วันนี้หลวงพ่อสาลีโขถือเป็นวันสำคัญที่สุดของงาน เพราะเป็นการเชิญชนวนสัมฤทธิ์เข้าสู่เบ้าหลอมหล่อรวมกับโลหะมงคลอื่นๆ แล้วเททองลงหุ่นให้สำเร็จเป็นองค์พระ จากนั้นจึงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ยังเบ้าหลอม
ครั้นทุบหุ่นดินออกก็อัญเชิญพระปฏิมาลงชุบน้ำศักดิ์สิทธ์จากสถานที่สำคัญเช่น น้ำสรงพระบรมธาตุ , น้ำเมืองเพชร, น้ำสระแก้ว, น้ำบ้านบางปืน ฯลฯ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพานเชิงใบใหญ่เคล้าคละประโปรบด้วยเครื่องหอมกระแจะจันทน์ พร้อมด้วยการเรียกสูตรตั้งนามให้เป็นสิริ ท่ามกลางพิธีมหาพุทธปรมาภิเษก พระมหานาคทั้งสี่เจริญบทมหาจักรพรรดิราช และบทพุทธาภิเษก โดยมีรายนามพระมหาเถระผู้ทรงรัตตัญญู ภาพเข้าร่วมพิธี ดังนี้
1. พระภัทรมุกมุนี (ชิต) วัดเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์
2. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย สุพรรณบุรี
3. หลวงพ่อกุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุรี
4. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี
5. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
6. พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุ พระนคร
7. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
8. หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์
9. หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น
10. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา
11. หลวงพ่อมิ วัดสิงห์ ธนบุรี
12. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
13. หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย
14. หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท
15. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์
16. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
17. พระครูเมธีวรานุวัตร วัดมหาธาตุ พระนคร
18. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
19. หลวงพ่อจัน วัดสระเกษ พระนคร
20. หลวงพ่อสั้น วัดท่าอิฐ นนทบุรี
21. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา
22. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
23. หลวงพ่อจันทร์ วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา
24. หลวงปู่เส็ง วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี
25. หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2514 เวลา 16.00 น. พิธีมหามงคลสรงองค์พระให้สำเร็จเป็น “พระเครื่อง” โดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ ปราศจากมลทินโทษใดๆ พระคณาจารย์ในงานเจริญบทมงคลจักรวาล , ชัยมงคลคาถา และทิพยมนต์
วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2514 เวลา 09.00 น. ตรงกับวันมหาจักรจตุรงคสันนิบาตวันสุดท้าย เป็นวาระนัดผู้สั่งจองอิทธิวัตถุให้มารับการประสิทธิเมจากมือหลวงพ่อสาลีโขด้วยตนเองจนถ้วนทั่วทุกตัวคน
แน่นอนไหม ?
แลหาพิธีกรรมที่จัดทำอย่างมโหฬาร มหากาฬเยี่ยงนี้ในปัจจุบันแล้วใจหาย ด้วยหาไม่เจอยังไม่เท่าไร กลับประสบเพียงสุกเอาเผากินหลอกขายหลอกแขวนกันไปวันๆ ซึมเศร้าจนต้องมองหาเหรียญนี้มาแขวนแทนพระสมัยอินเตอร์เนต
ค่อยอุ่นใจหน่อย
ใครหนาวใจแล้วอยากอุ่นอย่างผมต้องดิ้นรนหน่อยละ ที่ว่าหน่อยก็เพราะเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นสองนี้ยังพอหาได้ตามสนามทั่วไปในราคาเบาๆ ของปลอมผมยังไม่เคยเจอ แต่เขียนไปแล้วอาจเจอก็ได้ฉะนั้นให้รีบหา
การันตีด้วยหัวหลิมๆ (ที่เพื่อนชอบล้อ) ได้เลยว่าผมแขวนพระมาก็มาก ประทับใจจริงๆกับประสบการณ์ไม่กี่ชิ้น ยอมให้หมดใจว่าหลวงปู่เผือก เป็น 1 ในนั้นไม่สงสัย
เพื่อนที่แขวนก็ยกนิ้วให้ว่าเยี่ยม
แถมนิดนึงว่าเหรียญรุ่นนี้ทุกเหรียญ จะมีคราบแป้งสีขาวอันเกิดจากผงวิเศษเกาะติดอยู่ ถ้ามีตกค้างอย่าไปแกะทิ้งเพราะเป็นของดี หากหลุดไปแล้ว เหลือคราบขาวไว้ ก็อย่าตกใจ มีทุกเหรียญแหละครับ
ขอทุกท่านจงโชคดี มีสุขตลอดไป นะครับ ......."ลองสอดส่ายสายตาไปเรื่อย ก็พบกับพระผงเบญจภาคีกล่องนี้ฮะ
เป็นพระผงองค์จิ๋ว ที่ทำมาจากผงของหลวงพ่อสมภพล้วนๆ ไม่มีสิ่งอื่นสิ่งใดเจือปน และกล่องนี้ก็เป็นกล่องสภาพเดิมจากเมื่อแรกที่สร้างมาเลยฮะ
มองไปเรื่อยๆ ก็พบกับเหรียญที่หลวงพ่อท่านเคยกล่าวว่า แทนเหรียญขี่สิงห์ของท่านได้ เหรียญสีหบรรลือ ปี 2534
และขออ้างอิงบางส่วน ขอคุณอารณธรรมที่เขียนถึงเหรียญสีหบรรลือ(อีกครั้ง)
"...วัตถุมงคลที่จารึกนามหลวงปู่เผือก และหลวงพ่อสาลีโขให้กระฉ่อนในวงการมาตลอด 30 กว่าปี คือ เหรียญรุ่นแรก รูปหลวงปู่เผือก ประทับนั่งบนสิงหราช หรือที่เรียกกันว่า “รุ่นขี่สิงห์” นั่นเอง
เหรียญนี้สร้างอภินิหารและประสบการณ์ในโลกแห่งขลังอย่างไม่รู้จบ เล่ากัน 7 วัน 7 คืนก็ไม่หมด ขลังขนาดที่คนถูกปล้นบ้าน โจรยิงปืนเข้าใส่แบบเผาขน แค่ทีวีคั่น 3-4 นัด ไม่ลั่นสักโป้ง โจรตกใจเผ่นหนีไม่ได้อะไรติดมือไปเลย เจ้าบ้านหายตระหนกก็แปลกใจเป็นหนักหนา ด้วยตนไม่ได้แขวนพระหรือพกของดีอะไร ทำไมผู้ร้ายยิงไม่ออก สุดท้ายก็ขนหัวลุก เพราะไปเห็นเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรก วางอยู่บนหลังทีวี
ขลังขนาดนั้น
ทุกวันนี้คนอยากได้ ต้องทำใจสุดๆ เพราะหายากเหลือใจ ราคาแพงเป็นหมื่นอีกตะหาก มิหนำซ้ำของปลอม ก็เหมือนซะไม่มี ไม่จำเป็นต้องเล่นตามเขาดอก
เพราะเชื่อว่า “หลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน”
“สีหบรรลือ” เป็นเหรียญรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัดมุม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2534 มีเนื้อทองคำเงิน ทองแดง วัตถุประสงค์ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อ
1. เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่เผือก และทำบุญอายุสรงน้ำ
2. ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์เสนาสนะ
เหรียญสีหบรรลือ มีด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ยาว 4.5 ซม. กว้าง 4 ซม. และพิมพ์เล็ก ยาว 3 ซม. กว้าง 2.5 ซม. ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่เผือกนั่งสมาธิเหนือกอบัว ล้อมด้วยพระคาถาบารมี 30 ทัศ ซ้าย-ขวา เป็นยันต์พระภควันบดี ข้างใต้เป็นนะทรงแผ่นดิน เหนือศีรษะสิงหราชเป็นยันต์หัวใจเทพชุมนุม พร้อมด้วยนะปถมัง 108 ด้านหลังรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค ให้ผลทางมหาอำนาจปราบภัยพาลทุกสิ่งรอบด้านเป็นนะปถมัง 108 ใต้ลงมาเป็นหัวใจเทพชุมนุมลงมาอีกเป็นนะฤาชา ซ้าย เป็นรูปหนุมานถือพระขรรค์ขวาเป็นองคต ทั้ง 2 ล้อมด้วยอักขระพระเจ้า 5 พระองค์ และธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม เพื่อหนุนให้มีชีวิตเป็นตัวเป็นตนขึ้นในนิมิต
ทั้งที่กำหนดในปี 2534 แต่ถูกนำมาแจกจ่ายในปี 2536 เพราะหลวงพ่อเข้าที่ภาวนาปลุกเสกอย่างสุดกำลังท่าน ถึง 3 ปี จนท่านปรารภถึงการเข้าสมาธิปลุกเสกและการจารว่า “ไม่สะดุดเลย”
ใครที่บ่นอยากได้เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรกจงเบาใจเถิด ด้วยหลวงพ่อพูดถึงสีหบรรลือภายหลังการเสกว่า “ไม่ต้องไปหาเหรียญขี่สิงห์หรอก เอาเหรียญนี้ไปใช้แทนกันได้เลย”
นี่คือประกาศนียบัตรโบว์แดง
มั่นใจของท่านขนาดที่ว่ารถเบนซ์ประจำวัดที่นายทหารผู้ใหญ่ถวายมาให้หลวงพ่อใช้พร้อมกับพลขับนั้นไม่ปรากฏการเจิม มีเพียงเหรียญสีหบรรลือ เนื้อเงินเลี่ยมแขวนติดกระจกหน้ารถอยู่เหรียญเดียว
ลงคนเสกมั่นใจ คนแขวนอย่าสงสัยเลย
เมื่อวันไหว้ครูต้นเดือนเมษายน ศิษย์คนหนึ่งเปิดเสื้อให้ดูรอยถูกแทงที่ฟกช้ำอยู่ถึง 8 จุด ผู้แทงที่กะเอาชีวิตเขาก็ไม่ได้สมใจ เพราะคมมีดไม่อาจกรีดหนังเขาได้ และทั้งตัวเขามีเพียงเหรียญสีหบรรลือเนื้อทองแดงแขวนที่คออยู่เหรียญเดียว..."บางท่านในที่นี้อาจจะมีวัตถุมงคลข้างต้นที่นำเสนอมาบ้างแล้ว ส่วนบางท่านที่ได้เข้ามาอ่าน ก็ยังไม่มีโอกาสจะมี หรือ อาจจะเพิ่งรู้จักวัตถมงคลทั้งสามนี้เป็นครั้งแรก ก็ขอเรียนเชิญให้ไปเช่าหากันเถิดฮะ เพราะว่านับวันยิ่งหายาก และราคาบูชาก็เขยิบสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าหากหลายท่านที่อยากจะบูชา แต่ส่ายหัวกับระยะทางที่แสนไกล เด็กลึกลับขอปวารณาตัวเองฮะ โดยถ้าท่านใดประสงค์จะบูชาวัตถุมงคลใด ก็รบกวนแจ้งไว้ในกระทู้นี้ได้ฮะ เมื่อถึงวาระหรือมีผู้แจ้งไว้จำนวนนึงแล้ว เด็กลึกลับจะปุเลงๆไปบูชาที่พุทธอุทยานฯและนำมาส่งกับทุกท่านฮะ
อ้อ เกือบลืม อันนี้สำคัญเสียด้วย
เหรียญหลวงปู่เผือก (เหรียญนั่งโต๊ะปี 14) เหรียญใหญ่บูชา 1,000 บาท เหรียญหลวงปู่เผือก(เหรียญนั่งโต๊ะปี 14)เหรียญเล็กบูชา 500 บาท
พระผงเบญจภาคีทั้ง 5 องค์ บูชา 500 บาท แต่กล่องที่ใส่พระนี่คุณป้านันท์บอกว่า เหลือน้อยมากแล้วฮะ
เหรียญสีหบรรลือเหรียญใหญ่ บูชา 1,000 บาท เหรียญสีหบรรลือเหรียญเล็กบูชา 500 บาท
และขอค่าส่งไปรษณีย์ 50 บาทต่อการส่งของแต่ละท่านฮะ
ขอบพระคุณที่ติดตามฮะ