พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พุธ 21 มิ.ย. 2017 6:22 am
ถาม: หนูอยากรู้ว่าถ้าคิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ เราควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ ?
ตอบ: ขอให้ทราบว่าทุกคนเคยคิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยคิดไม่ดี แต่สำคัญที่ว่า เราจะคิดต่อหรือไม่ ความคิดมีสองอย่าง คือความคิดที่ผุดขึ้นมา และเมื่อรู้ตัวแล้วก็ปล่อยมันไป ความคิดอย่างนี้ไม่เป็นบาปกรรม เราห้ามไม่อยู่หรอก แต่ที่เราควรจะระวังคือ เมื่อความคิดผุดขึ้นมาแล้ว เราก็คิดต่อๆๆๆ ไปอีก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างนี้เป็นบาป
ฉะนั้นต้องพยายามไม่ให้เป็นเช่นนั้น บางทีเราน้อยใจ เสียใจ หรือไม่พอใจบ้าง ความคิดความรู้สึกมันเกิดขึ้นของมันเอง พอรู้ตัวว่าความคิดอย่างนี้ไม่ดี ไม่คิดต่อดีกว่า ก็ให้ปล่อยวาง นี่คือวิธีการที่เราควรทำแต่เราอย่าไปคิดว่าเราเป็นเด็กไม่ดี เป็นลูกไม่ดี เพราะคิดไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่
ความคิดมันเกิดขึ้นได้เหมือนเราเปิดประตู เราไม่รู้ว่าใครจะเดินเข้ามา คนดีก็เดินเข้ามาได้ จิตใจของเราก็เหมือนกัน อารมณ์ใดๆก็เข้ามาได้ทั้งนั้น สำคัญแต่ว่าเรายินดีต้อนรับหรือไม่ ถ้าเราไม่ยินดีต้อนรับ มันก็อยู่ไม่นานหรอก มันก็จะไปเอง
พระอาจารย์ชยสาโร
สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา
--------------------------------------------------------------------------------
คัดลอกจากหนังสือ หนูอยากรู้ หน้า ๙๙
ผู้ที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้มีภูมิธรรมสมควรจะเป็นมนุษย์ เช่นเดียวกับตึก ห้าง ร้านใหญ่ๆ ที่มีราคาแพงๆ ทัพพสัมภาระเครื่องจะปลูกสร้างควรจะเป็นตึกเป็นห้างต้องเพียงพอ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นกระต๊อบไป จะเรียกว่าตึกว่าห้างว่าร้านไม่ได้ เขาจะเรียกเพียงกระต๊อบเท่านั้น ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทัพพสัมภาระคือคุณงามความดีที่เราบำเพ็ญมา สมควรจะเป็นมนุษย์ได้นั้นแลจึงจะอุบัติขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้ ถ้าหากว่าภูมิไม่สามารถเช่นนั้นก็กลายเป็นกระต๊อบไป ที่เรียกว่ากำเนิดของสัตว์ประเภทต่างๆ นั้นเทียบเหมือนกระต๊อบเพราะไม่ค่อยมีความหมายอะไรนัก ไปที่ไหนก็มองเห็นกันทั่วๆ ไป ไม่เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจ
ดังที่เราเดินผ่านมาเห็นกระต๊อบนาเขาเป็นอย่างไรบ้าง เป็นที่สะดุดตาเราว่าเป็นของที่มีคุณค่าน่าต้องการไหม ไม่มีใครต้องการและไม่มีใครสะดุดตาสะดุดใจ แต่ไปเห็นห้างร้านใหญ่ๆ ที่มีความแน่นหนามั่นคงความสวยงามมาก จะมีความรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าใจท่านใจเราจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ฉะนั้นความเป็นมนุษย์จึงมีความแปลกต่างจากสัตว์อยู่มากมาย ยิ่งเรารักษาระดับความเป็นมนุษย์ของเราไว้ได้แล้ว เรายิ่งจะเลื่อนฐานะจากความเป็นมนุษย์นี้ไปอีกเป็นชั้นๆ มนุสฺสามนุสฺโส มนุสฺสเปโต มนุสฺสเทโว นั่นมนุษย์มีหลายประเภท ถ้าเราไม่สามารถจะรักษาระดับความเป็นมนุษย์ของเราไว้ได้ด้วยความประพฤติเหลวแหลก ก็กลายเป็นมนุสฺสเปโต มนุสฺสาติรัจฉานในร่างแห่งมนุษย์
คือกายเป็นมนุษย์จริงแล แต่ใจนั้นกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรตเป็นผีไปเสีย ทำความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง ไปที่ไหนชาวบ้านเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ประเภทนั้นเขาเรียกว่ามนุษย์ที่เป็นผี หรือว่าเป็นเปรตเป็นผีในร่างแห่งมนุษย์ ไม่รู้บุญรู้บาป ไม่รู้ดีรู้ชั่ว กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไปในร่างแห่งมนุษย์ นี่ถ้าไม่สามารถประคับประคองระดับของมนุษย์ ด้วยความประพฤติอันดีงามให้สมกับภูมิมนุษย์ไว้ได้ จะกลายลงไปเป็นเช่นนั้น
ถ้าสามารถประพฤติปฏิบัติ ปรับปรุงแก้ไขตนให้อยู่ในระดับของมนุษย์ได้ และให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ก็กลายเป็น มนุสฺสเทโว คือกายเป็นมนุษย์แต่ใจมีอรรถมีธรรม มีความเมตตาสงสาร รู้จักท่านรู้จักเรา รู้จักบุญคุณต่อท่านผู้มีคุณ รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ไม่ทำเอาตามความอยากที่ฉุดลากให้พาเป็นไป แต่ทำตามเหตุผล เมื่อสิ่งใดถูกแล้วพยายามทำสิ่งนั้น จะยากลำบากไม่เป็นของสำคัญ แต่จะทำให้ได้ตามหลักกฎเกณฑ์ที่เหตุผลชี้บอกไว้ หรือเป็นคนมีความรักความดีเสมอ รักศีลรักธรรม รักตัวก็ชื่อว่ารักธรรม
เพราะการบำเพ็ญทุกอย่างในบรรดาคุณงามความดีทั้งหลาย จะต้องบำเพ็ญเพื่อตัวทั้งนั้น ส่วนที่มีมากขึ้นหรือคนอื่นจะได้รับผลประโยชน์จากเรานั้นเป็นผลที่พลอยได้ คนที่มีใจเป็นศีลเป็นธรรมมีหิริโอตตัปปะ ละอายต่อบาปต่อกรรม ต่อความชั่วช้าลามก มีความห้าวหาญรื่นเริงบันเทิง เชื่อเลื่อมใสต่อคุณงามความดี ต่อบุญต่อกรรม คนประเภทนี้แลเป็นเทพภายในใจ ในร่างแห่งมนุษย์นี้แล เลื่อนขึ้นไปเป็นลำดับ ถ้าสามารถประพฤติปฏิบัติตนให้ยิ่งขึ้นไปยิ่งกว่านั้นจนสำเร็จเป็นมรรคผลนิพพานขึ้นมา ก็กลายเป็นวิสุทธิเทพขึ้นไปเป็นชั้นๆ ถึงขั้นพระอรหันต์เรียกว่าวิสุทธิเทพ เป็นผู้หมดจดภายในจิตใจโดยสิ้นเชิง ผู้นั้นแลจะอยู่ที่ไหนก็เป็นผู้ประเสริฐในร่างแห่งมนุษย์นี้แล
พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ. วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๑
"ยอมรับ ไม่ได้หมายความว่า ยอมแพ้
ยอมแพ้ หมายถึงการเอาแต่ตีโพยตีพาย
หมกมุ่นกลุ้มใจว่า ไม่ยุติธรรมเลย
ทำไมต้องเป็นฉัน หรือท้อแท้สิ้นหวัง
คิดแบบนี้ ทำให้เราไม่เห็นทางออก
หรือไม่คิดจะหาทางออก
ทำให้ไม่ยอมมองไปข้างหน้า
แต่พอเราเริ่มรับความจริงว่า
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราแล้ว
เราก็จะเลิกบ่น หรือกลุ้มอกกลุ้มใจ
แต่จะมาดูว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร
เราจะจัดการปัญหาอย่างไร
อันนี้ทำให้เรามองไปข้างหน้าได้"
-:- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล -:-
"มีสติรู้ตัว รู้ลมหายใจเข้าออก
มีสติพิจารณา ในความเป็นธรรมชาติ
ที่มีเห็นอยู่รอบๆ ตัวเรานี้ ล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง
เกิดมีขึ้นแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป
ไม่หยุดนิ่ง แล้วก็ดับหาย ตายจากไป
ไม่เราจากสิ่งนั้นไปก่อน
สิ่งนั้นก็จากเราไปก่อน
ไม่มีใครจะยึดเหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้ได้
เป็นธรรมชาติที่เลื่อนไหล
ไปอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดา
อย่ายึดถือไว้ เป็นความทุกข์"
-:-หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร-:-
"..อย่าไปเอาผิด เอาถูก เอาทุกข์ เอาโทษกับผู้อื่น ให้เอาผิด เอาถูก เอาทุกข์ เอาโทษกับจิตใจของตัวเอง.."
"..ทำจิตของเราให้ดีซะ.. เรื่องอะไรต่างๆ มันก็ดีไปหมด.."
"..ต้องดูภายใน ชำระใจที่โทษที่เสีย.."
หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.