พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พุธ 09 ส.ค. 2017 5:37 am
“หลักปฏิบัติของแม่ก็คือ หลักใจ ใจที่มีหลัก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาแต่จิตใจนี้เอง ตารับรูป หูรับเสียง ลิ้นรับรส กายรับสัมผัส ใจรับอารมณ์ เกิดกิเลสหรือเกิดธรรม ใจเป็นผู้รับทั้งนั้น เพราะมันคิดเอง มันนึกเอง มันปรุงเอง มันเป็นเอง เห็นไปเองทั้งนั้น กว่าที่เราผู้เจ้าของจะตามทันมันก็เป็น โกรธ เป็นโลภ เป็นหลง เป็นมานะ เป็นที่รู้ไปหมดแล้ว มันหลอกเราผู้เจ้าของอยู่ตลอดเวลา จึงให้เฝ้าดูมัน อย่าให้มันหลอกเราได้ หากเราทันมันมันก็เป็นมิตรเป็นหมู่เป็นบัณฑิตอยู่กับเรา
คุณแม่เปรียบไว้ว่า
น้ำที่สงบนิ่งมากเท่าใดก็ยิ่งใสแจ๋ว มองชัดเจนได้มากเท่านั้น ใจที่วางแล้วนิ่งสงบ ปัญญาก็ชัดเจนมากเท่านั้น เพราะสมาธิเกิดปัญญาก็เกิด ปัญญาเกิดความรู้แจ้งก็เกิด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ชัดเจนขึ้นมา ความเบื่อหน่าย ความคลายความยึดความถือ ความหลุดพ้นก็เกิดขึ้นเป็นไปตามธรรมดาของมันอย่างนั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ธรรมชาติของจิตเดิมนั้นสะอาดบริสุทธิ์หมดจดอยู่อย่างนั้นเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้น แต่พอมันรับของนอกเข้ามาหาตัวมันก็เป็นเหตุให้ตัวมันเศร้าหมองบ้าง จนที่สุดมันปิดบัง มืดมน มองไม่เห็นธรรม เห็นแต่โลก เห็นแต่ใจอยากใจบ้าเท่านั้น”
แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
"เรื่องผ้าไตรจีวร"
ถาม : ปกติทางวัดย้อมผ้าไตรเองหรือเปล่าคะ จะได้นำผ้าขาวไปถวาย หากไม่ จะได้นำผ้าไตรที่สำเร็จรูปถวายแทนค่ะ
พระอาจารย์ : อ๋อ วัดนี้เขาไม่ได้ตัดเย็บผ้าเอง ก็ใช้ผ้าสำเร็จรูป ผ้าสำเร็จรูปก็ต้องได้สีได้ขนาดของวัดเขาถึงจะใช้ได้ เพราะเป็นเหมือนเครื่องแบบของทหารตำรวจ เป็นตำรวจแล้วเอาเครื่องแบบของทหารเรือมาให้มันก็ใส่ไม่ได้ วัดแต่ละวัดเขามีสีจีวรไม่เหมือนกัน เราก็ต้องสังเกตดูสีจีวรของพระเขาว่าเขาใช้สีอะไร หรือถ้าไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหนก็ถามพระได้ พระก็จะบอกแหล่งให้ว่ามีแหล่งขาย สำหรับวัเนี้ถ้าอยากจะซื้อผ้าที่พระวัดนี้ใช้กัน เขาก็จะมีแหล่งอยู่ที่วัดอโศการาม ที่สมุทรปราการ จะมีร้านตัดเย็บจีวรเครื่องอัฐบริขารอยู่ที่หน้าวัด คนที่เขาทำนี้ เขาเคยบวชเป็นพระป่ามา แต่เขาสึกเขาก็เลยรู้ว่าพระป่าใช้ผ้าแบบไหนใช้ขนาดไหน เขาก็เลยเอาอาชีพตัดผ้านี้มาเป็นอาชีพ เพราะเขายังอยากจะทำบุญ ไม่อยากไปทำอาชีพอื่น ยังอยากอยู่ใกล้กับศาสนา แล้วก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ เพราะช่วยเหลือให้พระธุดงค์พระป่าได้ใช้ผ้าอย่างถูกต้องพระวินัย เพราะถ้าไปซื้อตามเสาชิงช้า หรือไปซื้อตามร้านค้าทั่วไป เขาจะขายแบบสะเปะสะปะไป เขาก็ไม่รู้ว่าพระมาจากวัดไหนที่ไหน เขาก็ขายตามที่เขาสั่งมา ญาติโยมก็ไม่รู้ก็สั่งก็ซื้อมา ซื้อมาแล้วถวายส่วนใหญ่พระก็ไม่ได้ใช้กัน รับมาแล้วก็เอาไปทำบุญต่อ เอาไปให้กับวัดที่เขาใช้ได้ แต่นี่ไม่ได้บ่นนะ เดี๋ยวจะหาว่าบ่น (หัวเราะ) เมื่อถามก็เลยบอกให้ฟัง ญาติโยมจะถวายแบบไหนสีไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ได้ห้าม
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ปัญหาว่าทำอย่างไรจึงจะได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ ข้อนี้ย่อมขึ้นกับวาสนาของเราผู้ทำทานเป็นสำคัญ
หากเราได้เคยสร้างสมอบรมบารมีมาด้วยดีในอดีตชาติเป็นอันมากแล้ว
บารมีนั้นก็จะเป็นพลังวาสนาน้อมนำให้ได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ
ทำทานครั้งใดก็มักโชคดี ได้พบกับท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปเสียทุกครั้ง
หากบุญวาสนาของเราน้อยและไม่มั่นคง ก็จะได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญบ้าง
ได้พบกับอลัชชีบ้าง คือดีชั่วคละกันไป เช่นเดียวกับการซื้อสลากกินแบ่งกินรวบ
หากมีวาสนาบารมีเพราะได้เคยทำบุญให้ทานฝากกับสวรรค์ไว้ในชาติก่อนๆ
ก็ย่อมมีวาสนาให้ถูกรางวัลได้ หากไม่มีวาสนาเพราะไม่เคยทำบุญทำทานฝากสวรรค์ไว้
ก็ไม่มีสมบัติสวรรค์อะไรจะให้เบิกได้ อยู่ๆก็จะมาขอเบิกเช่นนี้ก็ยากที่จะถูกรางวัลได้
โอวาทธรรม : สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
“คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับคนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์
อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน”
หลวงพ่อชาตอบว่า “อย่าเป็นอะไรเลย
พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย
พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย
แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเลย
เป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที”
คืออย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น
เป็นคน อย่าเป็นคนดี
ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนไม่ดี
ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ
ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ
เหมือนกับคนที่สูบบุหรี่เลิกแล้วดูคนอื่นสูบ
ก็ไปเทศน์ให้เขาฟัง นี่เรียกว่าติดดี
ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดีท่านก็ไม่ให้เราติด
เพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์ใจ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
หลวงปู่ชา สุภัทโท
"ความรู้สึกชอบ กับ ความรู้สึกชังนี้
ตามความหมายอันแท้จริง
ของทางธรรมแล้ว ท่านถือว่า
เป็นความทุกข์เท่ากัน"
-:- ท่านพุทธทาสภิกขุ -:-
"ทำความดี อย่าไปท้อ
คนไม่เห็นความดีของเรา
ก็ขอให้เราเห็นความดีของเรา
ก็แล้วกัน เราทำความดีเพื่อเรา
ไม่ได้ทำความดี เพื่อผู้อื่นใด"
-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-
"... ความคิดนั้น ไม่ว่าคิดดีหรือคิดชั่ว
เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่ลบหายไปจากจิตใจ
การพยายามควบคุมความคิด ให้ถูกต้องอยู่เสมอ
เป็นสิ่งควรทำด้วยกันทุกคน ..."
พระโอวาทธรรมคำสอน..
องค์สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวัฑฺฒโน)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พระองค์ที่๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
"...โลกต้องไม่ให้ช้ำ ธรรมต้องไม่ให้เสีย อย่าปฏิบัติตนสุดโต่ง ต้องปฏิบัติธรรมสมกับฐานะและสภาพของแต่ละบุคคล เช่น การจะทำทาน ก็ให้ดูคนข้างหลังด้วย จะเอาอย่างคนมีทรัพย์มากๆ ไม่ได้
การจะรักษาศีลแปด ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษาในวันพระ แต่เลือกวันที่ไม่กระทบ ต่อการรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว เพราะเป็นกิจกรรมที่สำคัญ
การภาวนา ก็ไม่เน้นแต่เฉพาะนั่งหลับตาที่วัด เวลาทำการทำงาน เดินไปไหนมาไหนก็พยายามมีสติระลึกรู้ จะปฏิบัติเก่งขนาดไหน แต่เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรือมีแต่คนรังเกียจ หรือนินทาลับหลัง จะมีประโยชน์อะไร
โลกและธรรมสัมพันธ์กัน เราสามารถหาธรรมได้จากโลก ในขณะเดียวกัน ในทางธรรม ก็มักมีเรื่องโลกๆ แฝงอยู่..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
วัดสระแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุง
..."...การบอกบุญประกาศข่าวบุญแก่บุคคลอื่นที่มีความเลื่อมใสในพระศาสนาก็ดี เลื่อมใสในการสงเคราะห์ทานก็ดี จัดว่าเป็นบุญมหาศาล ซึ่งองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า เป็นการสะสมความดีเรื่องบุญกุศล แล้วเป็นปัจจัยให้ตนเองเกิดปัญญา สามารถตัดกิเลสสมุจเฉทปหานได้....".
.
.
*******************************
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
------------------------------------
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.