นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 11:02 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 21 ส.ค. 2017 8:22 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
"พวกลูกๆทำงานเหมือนอยู่เป็นสวรรค์
ทำงานในห้องแอร์ เนื้อตัวสะอาด
แต่งตัวสวยงาม แม่ทำงานเหมือนอยู่ในนรก
ทำนา ไถนา หมดวัน หมดคืน เนื้อตัวสกปรก เลือดตากระเด็น ทำไมแม่ภาวนาได้
ลูกภาวนาไม่ได้ คิดดูให้ดีนะ"

มหาอุบาสิกาคุณแม่จันดี โลหิตดี





ของพระของสงฆ์ไม่ใช่ของเล็กน้อยนะ

เป็นบาปเป็นกรรม สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
เป็นของกลาง เป็นสมบัติกลาง
เราจะไปมอบให้ผู้หนึ่งผู้ใดไม่ได้เด็ดขาด ครุภัณฑ์เป็นของสงฆ์ ผิดวินัยแล้วยังเป็นบาปเพราะใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าจะให้แก่ใครต้องประชุมสงฆ์ลงมติกันก่อน

สมัยหนึ่งหลวงปู่จามท่านไปอยู่ทางเชียงใหม่ ถ้วยชามมันหายาก เศรษฐีในเมืองก็ขนมาให้ โยมวัดก็เอาไปขาย คนนิสัยมันต่างกัน คนบางคนเห็นของคนอื่นดีไม่ได้ ขโมย ขโมยต่อหน้าไม่ได้ก็ขโมยกลางคืน ก็จับไม่ได้ หลวงปู่จามก็ว่าสงสัยว่าจะเป็นเปรตตั้งแต่ยังไม่ตาย

สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อย่าไปถือวิสาสะ
ต้องให้ความเคารพ ให้ความเกรงใจ
เป็นสมบัติกลาง สมบัติพระพุทธศาสนา
เรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่รักษาก็เป็นเครื่องปิดกั้นคุณธรรมในจิตใจ ผลที่สุดจะมืดบอดไปเรื่อย ๆ

โอวาทธรรม หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก








"คุณจะจนหรือจะรวย ก็ขึ้นอยู่กับว่า
คุณยังอยากได้อีกเท่าไหร่ ถึงจะรวย

คุณมีแสนล้าน
คุณอยากได้อีกแสนล้าน
คุณก็จนแสนล้าน

คุณมีหนึ่งร้อย คุณไม่ขาด
คุณไม่อยาก คุณก็รวย"

-:-หลวงปู่หา สุภโร-:-







"คำว่าปล่อยวาง ไม่ได้หมายถึง
ไม่ได้ทำอะไร คำว่าปล่อยวาง
ให้เราปล่อยวาง ที่จิตที่ใจ
แต่ธุระหน้าที่การงานของเรา
ให้ขยันมากๆ ขยันมากกว่าเก่า

เราทำเพื่อเสียสละ เพราะว่าคนเรา
มันเห็นแก่ตัว มันติดสุข ติดขี้เกียจ
ติดสบาย ติดขี้คร้าน เราต้องทำงาน
เพื่อเสียสละ"

-:-หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม-:-






ยอดพุทธมนต์

มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป
นี้เป็นมนต์ บทใหญ่ ใช้เมื่อ "ได้"
ซึ่งลาภยศ สรรเสริญ สุขใจกาย
ไม่เมามาย ลืมตัว หรืองัวเงีย

มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป
ก็เป็นมนต์ บทใหญ่ ใช้เมื่อ"เสีย"
ซึ่งลาภยศ สรรเสริญสุข แม้ลูกเมีย
ไม่อ่อนเปลี้ย สับสน หรือวุ่นวาย

มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป
ใช้เป็นมนต์ บทใหญ่ ครั้ง"สุดท้าย"
เป็นอาวุธ สัประยุทธ์ กับความตาย
แสนสบาย เพราะก้าวล่วง จากบ่วงมาร ฯ

โอวาทธรรมคำกลอน
องค์ท่านพุทธทาสภิกขุ







"...พระอรหันตสาวกทั้งหลาย เมื่อท่านมีความรู้ มีปัญญาคุ้มครองรักษาใจท่านดีแล้ว ท่านก็ไม่มีทุกข์ เพราะท่านไม่ปรารถนาในสิ่งต่างๆ

แต่เมื่อเราประสบกับรูป รส กลิ่น เสียง หรืออื่นๆ ก็เพราะใจเรามีตัณหาปรารถนา ทะเยอทะยาน ยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะหรือสิ่งอื่นๆ จึงมาเผาใจเราให้ร้อน ให้เป็นทุกข์ ตัวของเราเองที่เป็นไฟ มาคอยเผาตัวเอง..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่คำดี ปภาโส
วัดถ้ำผานิมิต อำเภอเมือง จังหวัดเลย







“ โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก ฝากให้คิด

ทางชีวิต จะรุ่งโรจน์ โสตถิผล

ต้องรู้โง่ รู้ฉลาด ปราดเปรื่องตน

โง่สิบหน ดีกว่าเบ่ง เก่งเดี๋ยวเดียว ”

โอวาทธรรมคำกลอน..
องค์สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)






คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "อัตตนา โจทยัตตานัง"<=..

.. จงอย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องมาลงโทษ
เรา ก่อนที่คนอื่นจะลงโทษ กรรมที่เรา
ทำความชั่วมันก็ทำความเร่าร้อนให้เกิดขึ้น
แก่เรา "ใครเขาพูดความชั่วคราวใด เราก็
สะดุ้งเพราะเรามันเลว"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อัตตนา โจทยัต
ตานัง" จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทย์ตน
กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของ
ตัว อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น
"ถ้าเลวมากเมื่อไหร่ เราก็เพ่งเล็งความเลว
ของบุคคลอื่นมากเท่านั้น"

ถ้าเราดีมากเท่าไหร่ เราก็มองไม่เห็น
ความเลวของบุคคลอื่น "เพราะยอมรับ
นับถือกฎของกรรม" ที่เรายังไปแส่หา
ความเลวของบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง
พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง

ทำลายความสุขใจเขาบ้าง นั่นแสดงว่า
เรามันเลวที่สุดของความเลว คือ ความเลว
มันไม่ได้ขังอยู่เฉพาะในใจ มันไหลออกมา
ทางกาย ไหลออกมาทางวาจา "เพราะมัน
ล้น เลวจนล้น"

นี่ขอทุกท่านจงจำไว้ อย่าไปมองดู
ความเลวของคนอื่น มองดูความเลวของตน
ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น ปรับปรุงเรา
เองให้มันดีที่สุด ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)






คำสอนหลวงพ่อ~

เมื่อท่านเห็นสัตว์เดียรัจฉานแล้ว
ขอได้โปรดให้ความเมตตาปรานี
ถ้าเราจะให้ขนมสักนิด อาหารสักหน่อย
เศษอาหารสักนิดก็ตาม ก็ให้ด้วยความปรานี อย่าให้ด้วยความจำใจ
เพราะว่าการให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉาน
ย่อมมีผลประโยชน์
เป็นความดีแก่ท่านพุทธบริษัทมาก
เพราะว่าจะได้เป็นเกราะป้องกันนรก
ด่านแรกของเรา ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะทานการบริจาค เป็นการกำจัดโลภะ ความโลภของจิต
แล้วคนที่จะให้ทานได้
ก็ต้องประกอบไปด้วยความเมตตากรุณา
ตกอยู่ในอำนาจของพรหมวิหาร ๔
ถ้าคนใดจิตจับอยู่ในอำนาจของ
พรหมวิหาร ๔วันนั้นสักชั่วขณะจิตเดียว พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรากล่าวว่า
บุคคลผู้นั้นเป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน
แล้วคนใดที่มีเมตตาจิตอยู่แล้ว
องค์สมเด็จพระสัมมาประทีปแก้วตรัสว่า
เขาผู้นั้นเป็นผู้มีอภัยทาน
มีอานิสงส์มาก ตกนรกไม่เป็น

~พระราชพรหมยานมหาเถระ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง~


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 158 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO