ข้าวเปลือกแกะเปลือกออกเป็นข้าวสาร ไม่งอกขึ้นฉันใด ใจเรา ก็ฉันนั้น หากแกะเปลือกอันห่อหุ้มใจออกไปได้ ก็เป็นดวงใจอันบริสุทธิ์ ให้รู้จักชำระกากของใจออกไป
หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร
"เราเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่เรามาดี ไปตักบาตรพระล้านครั้ง ไม่เท่ายื่นอาหารให้คุณพ่อ คุณแม่ รับประทานครั้งเดียว บุญใดจะวิเศษยิ่งกว่าทำบุญกับพ่อแม่"
-:-หลวงพ่อพุธ ฐานิโย-:-
"หวั่นไหว เพราะความยินดี ย่อมเป็นเหตุให้ฟุ้ง หวั่นไหว เพราะความยินร้าย ย่อมเป็นเหตุให้เครียด อุเบกขา จึงเป็นธรรมโอสถ รักษาโรคจิตทั้งสอง" -:- สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ -:-
"เมื่อมีคนส่งเสริมมากเท่าไร ก็พึงทราบว่า จะมีคนนินทามากเท่าเทียมกัน ดังนั้น ความเคลื่อนไหวในกิริยาใดๆ ผู้ที่ได้เห็น หรือได้ยินในกิริยานั้น จึงเก็บไว้ภายในใจ
พระพุทธเจ้า เจ้าของศาสนา ยังถูกโลกธรรมรุมตี แต่ก็คงเป็นพระพุทธเจ้าตามเดิม จนวันเข้านิพพาน"
-:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน-:-
"ชีวิตนี้เกิดมาแล้ว อย่าให้เสียเปล่าประโยชน์ อย่าให้ได้เป็นคนเปล่า การเกิดของเรา ก็เพื่อต้องการบำเพ็ญบารมี ทำไมต้องทำชั่วกันอยู่เล่า"
หลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร
...ขึ้นอยู่กับเหตุ...
..อยากได้เฉย ๆ มันไม่ได้นะ ต้องอยู่กับเหตุ คือการกระทำ ทางกาย ทางวาจา และทางจิตใจของเราด้วย มันจึงจะได้..
..หลวงปู่ศรี มหาวีโร..
คนเต็มศาลานี่มันมีพุทโธสักคนหรือไม่มีก็ให้ถามตัวเองก่อนผู้อื่นนะ วันนี้เรามีพุทโธสักห้าคำไหมถามตัวเองทุกคนๆ ให้ระงับดับใจที่วุ่นวายไม่หยุดไม่ถอยตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนกระทั่งถึงค่ำ บางรายนอนไม่หลับเพราะความคิดวุ่นวายมาก นี่ให้ระงับดับเวลานั่งภาวนา การนั่งภาวนาเป็นของเล่นเมื่อไร พระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นในโลกให้เราทั้งหลายชาวพุทธได้กราบไหว้บูชามาตลอดนี้ก็เพราะพุทโธของพระพุทธเจ้านั่นละ ท่านภาวนาอบรมจิตใจให้สงบเย็น ธัมโมก็เกิดขึ้นในเวลาจิตสงบ สังโฆก็คือพวกเราทั้งหลายให้พร้อมเพรียงกันกำหนดใจให้อยู่ในพุทโธ ธัมโม สังโฆ . เวลาที่จะระงับดับใจก็ให้ระงับดับบ้าง อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนไม่รู้วันรู้คืนรู้ปีรู้เดือน เกิดตายไม่รู้ มีแต่ความเพลิดเพลิน เราจะเอาอันนั้นจะเอาอันนี้ อยากได้อันนั้นอยากได้อันนี้ มีแต่ความอยากเต็มหัวใจ ความว่าอยากได้อรรถได้ธรรมเข้าสู่ใจเพื่อความสงบไม่ค่อยมีกัน ให้พากันระงับดับกิเลสตัววุ่นวายตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับนั่นละให้อยู่ในความสงบ ในเวลาภาวนา ตั้งใจภาวนาบ้างนะ เรานี้เห็นคุณค่าเรื่องภาวนา พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องภาวนา ครั้นเวลามาทำเข้าไปจริงๆ มาปรากฏที่หัวใจของเรา คือความสงบเย็นปรากฏที่ใจ ความสว่างไสวก็ปรากฏที่ใจ
...........................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด เนื่องในวันเข้าพรรษา เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ "ตั้งคำสัตย์คำจริงใส่ตัวเอง"
ต้นหาย กำไรสูญ . ต้นหาย กำไรสูญ เปรียบเสมือนคนเราบางคนที่ตั้งอกตั้งใจทำการทำงาน จะประกอบการค้าขาย หรือทำกิจการงานอะไรก็ดี ตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว และแก่เฒ่าแก่ชราในที่สุด และถึงพร้อมด้วยความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุข สร้างบ้านสร้างเรือน สร้างหลักฐานได้อย่างมั่นคง ตลอดจนสร้างเกียรติยศ สร้างชื่อเสียง จนได้ลาภได้ยศ ได้สรรเสริญ ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ทุกสิ่งทุกอย่าง . แต่คนบางคนที่กล่าวถึงเหล่านี้ เมื่อถึงกาลเวลาอันสมควร ซึ่งที่จริงก็เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับทรัพย์สมบัติในทางโลก ที่ได้สร้างสมมามากแล้ว ก็ควรจะหยุด เพื่อรีบสร้างสมสิ่งที่เป็น “อริยทรัพย์” ในบั้นปลายของชีวิต ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้บ้าง . แต่เขาเหล่านั้นก็หาได้มีความหยุด ความยั้ง ความละ ความปล่อย ความวาง ในทรัพย์สมบัติที่หามาได้เหล่านั้นไม่ มุ่งหน้าที่จะคิดอ่านประกอบกิจการงาน ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงว่า สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว ความตายก็จะต้องมาถึงเข้าอย่างแน่นอน ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถึงซึ่งความแตกดับจริงๆ และย่อยยับสูญหายไป ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนหามาได้ไว้ในโลกนี้ให้กับคนอื่นทั้งหมด ไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นติดตามตนไปได้แม้แต่นิดเดียว . โดยที่ตนเองมิได้ประกอบคุณงามความดี ในทางสร้างสมในสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ให้มากเท่าที่ควรเลย ซึ่งตนเองก็มีโอกาสและโชคดีอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็มิได้กระทำลงไป จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของเขา เปรียบเสมือน “ต้นหาย กำไรสูญ” . “ต้น” ก็คือร่างกายและทรัพย์สมบัติที่หามาได้ทั้งหมด “กำไร” ก็คือบุญกุศลหรือสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์
แทนที่จะได้ก็ไม่ได้ และถ้าใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไปในทางที่ไม่ดี ผิดศีลผิดธรรมอีกด้วยแล้ว หรือยึดในทรัพย์สมบัติที่หามาได้นั้นมากเกินไป ก็ยิ่งจะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ต้นก็หาย กำไรก็สูญ ชีวิตนี้ก็ขาดทุน . หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
...ใจเรานี่นะ ถ้าเราไปโต้ตอบมัน จะไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าใครเขาพูดอะไรไม่ชอบใจเรา เราก็เฉยๆ พุทโธ พุทโธเราไป ปล่อยเขาพูดไป
ทำใจเราเหมือนต้นเสานี้ ลองไปคุยไปด่าต้นเสาดูสิ "ด่าสักพักเดี๋ยวก็เหนื่อยเองแหละ"
ถ้าเราทำใจให้เฉยๆ ไม่ตอบโต้ได้ เขาจะพูดอะไร ก็ปล่อยเขาพูดไป "เดี๋ยวเขาก็หุบปากเองแหละ" ........................................ . คัดลอกการสนทนาธรรม ธรรมะบนเขา 26/9/2560 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
“เรือที่นายช่างต่อดีแล้วอย่างแข็งแรง เมื่อถูกคลื่นกระทบแล้วไม่เสียหายฉันใด จิตของบุคคลใดเมื่อฝึกฝนให้ดีแล้ว คลื่นของกิเลสกระทบเข้าย่อมไม่หวั่นไหวก็ฉันนั้น” . อธิบายว่า เมื่อบุคคลใดฝึกจิตนี้ให้มั่น อยู่ในศีล อยู่ในสมาธิ อยู่ในปัญญา เต็มที่แล้ว ย่อมไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรมแปดประการฉันนั้น คือ เมื่อมีลาภ มียศ มีสรรเสริญ และมีความสุขกายสบายใจ ก็ไม่เพลิดเพลินมัวเมาในลาภ เป็นต้น และเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา ถูกทุกข์ครอบงำกายและจิตก็ไม่หวั่นไหว คือไม่เศร้าโศกเสียใจ ทั้งนี้ก็เพราะมีปัญญาเห็นแจ้งตามเป็นจริงว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยงแท้แน่นอนอะไรเลย มีเกิดขึ้นแล้วแปรปรวนแตกดับไปเป็นธรรมดา เหมือนกับเรือที่นายช่างต่อดีแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหวต่อคลื่นฉันนั้น . หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
|