เรื่อง "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก"
(คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) พระพุทธเจ้ารับสั่งเอง พ่อแม่กับพระอรหันต์เป็นอันเดียวกันระหว่างลูกกับพ่อแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกนั้นแล อย่าไปแตะไปต้อง ดุด่าว่ากล่าวถกเถียง ทะเลาะเบาะแว้งกับพ่อกับแม่ ท่านเลี้ยงมาก็แทบเป็นแทบตาย ครั้นโตขึ้นมาแล้วอวัยวะของเราทุกสัดทุกส่วนกลายเป็นข้าศึกไปรบพ่อรบแม่ มันใช้ไม่ได้นะ ให้พากันรู้จักคุณจักบุญของพ่อของแม่นะ ใครดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่แล้วคนนั้นนะ เป็นใหญ่ขึ้นมานี่ กรรมอันนั้นจะติดตามนะ ไปที่ไหนถูกคนดูถูกเหยียดหยามเรื่อย ๆ แหละ ถ้าคนใดมีความเทิดทูนพ่อแม่ รู้จักบุญจักคุณ คนนั้นไปไหนมีคนเทิดทูน มีคนเคารพนับถือ จำไว้นะลูกหลานนะทุกคน
“...เรื่องมรรคผลธรรมวิเศษนี้สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นยังมีชีวิตอยู่ ผมได้ยินครูบาอาจารย์บางท่านเล่าสู่ฟังว่ามีคนเข้าไปถามท่านเหมือนกันว่า “เมื่อท่านอาจารย์มรณภาพไปแล้ว จะมีอะไรเป็นสักขีพยานเครื่องยืนยันให้อนุชนที่เกิดมาสุดท้ายภายหลัง เชื่อแน่นอนว่าท่านอาจารย์เป็น “พระอรหันต์ขีณาสพ แน่นอน เพื่อยืนยันว่าสมัยนี้ยังไม่หมดพระอรหันต์” ท่านบอกว่า “เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วจะต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นภายหลังฌาปนกิจศพแล้ว”
เมื่อได้ยินแล้วต่างคนต่างก็คอยสังเกตว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยความกระเหี้ยนกระหายอยากดูว่าจะเป็นอะไร พอถึงคราวท่านมรณภาพจริงๆ และหลังจาก “ฌาปนกิจศพ” แล้วผลปรากฏว่า “อัฏฐิของท่านกลายเป็น พระธาตุ คือเป็นก้อนกลมสีต่างๆกันหลายร้อยก้อน ผู้ที่ได้รับแจกมีหลายคนเป็นก็มีไม่เป็นก็มีและอยู่คนละอำเภอ คนละจังหวัด แต่เรื่องนี้ตามที่ได้ยินข่าวเขาเล่าว่ามักเป็นกับพวกชนบทเป็นส่วนมาก ถ้าเป็นเฉพาะของนายวันที่โคราชแห่งเดียว เราก็อาจสงสัยได้ เพราะเขาอาจจะมีวิธีทำให้เป็นของแปลกๆ เพื่อยกย่องครูบาอาจารย์ก็ได้ แต่อันนี้ไม่เป็นเฉพาะคนเดียว ของคนที่อยู่ตามบ้านนอกบ้านนาตาสีตาสาก็เป็นเหมือนกัน ฉะนั้น เรื่องที่ว่าเขาอาจมีวิธีทำขึ้นเพื่อสรรเสริญครูบาอาจารย์ดังกล่าวมานั้น จึงตกไป
สรุปแล้ว เรื่องมรรคผลธรรมวิเศษและพระอรหันต์ ว่ามีจริงหรือไม่นั้น สำหรับผมเองแล้วไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยแม้แต่ประการใด ผมเชื่อว่า “ยังมีจริงๆ อย่างแน่นอน” ผมเองก็เคยศึกษาปฏิปทาข้อวัตรปฏิบัติมาจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นลำดับมา ถึงแม้การปฏิบัติของผมได้เพียงเล็กน้อยเท่าที่ผมได้ ผมก็รู้สึกภูมิใจมาก นับว่าไม่เสียชาติที่เกิดมาพบปะพระพุทธศาสนา ผลของการปฏิบัติ คือ “คุณธรรม” ที่เกิดขึ้นภายในเป็นสิ่งอัศจรรย์ และเป็นความสุขที่ผมยังไม่เคยได้รับมาก่อนในชาติใดๆทั้งหมดที่ผมเคยผ่านมา ฉะนั้นผมจึงทราบซึ้งในคุณธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร เป็นอย่างสูง ที่ท่านได้อุตสาหะพยายามประพฤติปฏิบัติจนรู้แจ้งแทงตลอดในทางดำเนินที่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อยืนยันคำสอนของพระพุทธเจ้าในความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในโลกอีกครั้งหนึ่งแล้วนำมาประสิทธิ์ประสาทให้แก่บรรดาผู้แสวงหาสันติสุขได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงนับว่าท่านพระอาจารย์มั่น ทำประโยชน์ที่สูงที่สุดในโลก และท่านเป็นสาวกที่เทิดทูนพระศาสนาที่หาได้ยากองค์หนึ่งในยุคสมัยปัจจุบัน...”
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี
...ถ้านำธรรมะของพระพุทธเจ้า เข้าสู่ใจได้มากเท่าไหร่ ใจจะมีความร่มเย็นเป็นสุข มากเท่านั้น...
. ยิ่งใจมีความสุขมากเท่าไหร่ ยิ่งจะเห็นความไม่สำคัญของ สิ่งอื่นๆภายนอกมากขึ้นเท่านั้น . เพราะใจสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ โดยไม่ต้องมีอะไรเลย แม้แต่ไม่มีร่างกายใจก็ยังอยู่ได้
. เช่นเวลาใจ "เข้าสู่ความสงบเข้าสู่สมาธิ" ตอนนั้นใจกับร่างกายก็ แยกออกจากกันชั่วคราว
. ใจไม่รับรู้เรื่องของร่างกาย และเรื่องต่างๆที่เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
. เหมือนกับไม่มีอะไร เหมือนกับลอยอยู่ในอวกาศ "ไม่มีอะไรมารบกวนใจ"
.................................. .คัดลอก(กำลังใจ51)กัณฑ์416 ธรรมะบนเขา 9/9/2553 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กลับไปบ้านไปหัดสวดมนต์ภาวนา ทำใจให้เป็นคนสันโดษบ้าง ไม่ต้องไปวุ่นวาย ไม่ต้องไปหาเรื่องทะเลาะกับใคร แต่ให้มาทะเลาะกับกิเลสตัวเอง ทะเลาะกับใจตัวเอง ก็สบายดีเหมือนกัน หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
|