เรื่อง "ผู้ที่จะบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน" พระโสดาบันพอรู้จักสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ก็เหมือนพวกเรานี้ถ้าได้บรรลุพระโสดาบัน ก็คือรู้ว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตใจรู้อย่างนี้มั่นคง สักกายทิฏฐิ ไม่หลงว่าร่างกายนี้จะหนุ่มอยู่อย่างเดิม แต่จะเฒ่าจะแก่ไปทุกวัน อันนี้เขารู้ดี มันเจ็บมันป่วยรู้ดี แล้วที่สุดมันถึงซึ่งความตาย ก็รู้ดี นี้เป็นพระโสดาบันบุคคล วิจิกิจฉา ความสงสัย ลังเล ในบุญในบาปไม่มี ทำบาปต้องได้บาปแน่ ทำบุญต้องได้บุญแน่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย มีความเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อวิจิกิจฉาความลังเลสงสัยในบุญในบาปไม่มีแล้ว สีลัพพต- ปรามาส ฉันมีศีลหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ต้องถาม อันนี้มีแน่นอน พระโสดาบันบุคคลเขามีหิริโอตตัปปะเป็นเครื่องอยู่ของใจ มีแค่นี้แหละที่ได้บรรลุธรรมเบื้องต้น
(คติธรรม หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป)
ถ้าเรามัวแต่ทำมาหากินอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องทำมาหากินด้วยปฏิบัติธรรมไปด้วยไปพร้อมกัน คนเราน่ะไม่มีมหาเศรษฐีที่ไหนตายไปแล้วเอาเงินไปด้วย
ทุกคนต้องรักษาศีล ๕ ไหว้พระสวดมนต์นะ โยม : สวดไม่ได้ สวดแล้วง่วงนอนค่ะ หลวงพ่อ : กินข้าวได้มั้ย กินข้าวได้ก็ทำได้ กินแล้วนอนผิดกติกา คนเราน่ะตามใจตัวเองตามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คือการเวียนว่ายตายเกิด ต้องเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง เอาความดีเป็นที่ตั้ง พวกวัวพวกควาย พวกหมูหมากาไก่ กินแล้วมันนอน ของแบบนี้ใครก็กินข้าวแทนเราไม่ได้ อย่างน้อยเราต้องพัฒนา โยมน่ะยังติดในความสบายอยู่ ติดในง่วงเหงาหาวนอนอยู่...ต้องฝืน
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม เช้าวันอังคารที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒
คนทำผิดศีล ผีมันชอบ ชอบมาเกาะให้เจ็บป่วย แต่ถ้าเป็นคนที่มีศีลมีภาวนา ผีมันกลัว มันไม่กล้ามายุ่ง เพราะฉะนั้น ทำอะไรให้มี "สัจจะ" ทำจริงพูดจริง มีศีลจริง มีภาวนาจริง ชีวิตชาตินี้ ก็จะเจริญจริง...
หลวงปู่ไม อินทสิริ
"เมื่อเขานินทา ต้องหยุดนิ่งพิจารณาดูว่า เขาว่าอะไรกัน ถ้าไม่เป็นจริงก็แล้วไป แต่หากเป็นจริงอย่างเขาว่า ก็แก้ไขตัวเราเสีย ก็หมดเรื่องกันเท่านั้นเอง"
หลวปู่ชา สุภัทโท
|