พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ศุกร์ 08 ก.พ. 2019 7:23 am
"มิตรผู้มีปัญญาย่อมสามารถ
ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
ให้เกิดประโยชน์ ปราศจากโทษ
ส่วนมิตรที่ขาดปัญญา
แม้ปรารถนาดี ก็เหมือนมุ่งร้าย"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
"พ่อแม่เป็นผู้ให้เกิด เป็นผู้เลี้ยงดู
เป็นผู้ให้วิชาความรู้ เป็นผู้ให้ทรัพย์สมบัติ
เป็นผู้ให้น้ำจิตน้ำใจทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น ใครยังมีพ่อแม่อยู่
รีบอุปถัมภ์อุปัฏฐาก รีบทำบุญกับท่าน
อย่าปล่อยให้ท่านลำบาก"
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
”ถ้าเราฉลาด เราจะได้ความสงบ
ในท่ามกลางที่วุ่นวายนี่แหละ”
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
จิตสำแดงแปลงเพศ
โยม : หลวงตาเจ้าขาแล้วคนที่เขาอาจจะไม่เคยมีภาวนาการสั่งสมมา แต่มาเหมือนชาตินี้เขาอยากจะมาเริ่มต้นอย่างนี้เขาจะเป็นไปได้ไหมคะ??
หลวงตา : โอ้ย..มันเป็นไปได้ มันไม่มีกาลเวลาดอก "อกาลิโก"
โยม : แล้วเขาก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวไปได้ไกล ถ้าเขามีความเพียรใช่ไหมคะ??
หลวงตา : โอ้ย ได้ๆ...ได้หมดนั่นแหละ พูดอยู่นี้ก็ได้ ถ้ามันทำ...ถ้าทำมันได้หมดนั่นแหละ ถ้าไม่ทำฟังไปแล้วไม่ได้ปฏิบัติมันก็ไม่ได้!!
โยม : แล้ว...ถ้าคนที่เขาทำ เขาได้เป็นมิจฉาสมาธิ มันเกิดจากอะไรละเจ้าคะ??
หลวงตา : หื้อ...มิจฉาสมาธิ??
โยม : คะ เหมือนไปภาวนาเจ้าคะ แล้วมีความตั้งใจในเรื่องของการภาวนา เพื่อว่าจะเอาบุญบารมีตรงนี้ให้พ่อแม่ทดแทนพระคุณ แล้วก็แบบ...วันหนึ่งก็แบบเหมือนกับนั่งสมาธิอย่างนี้ละคะ แล้วก็เหมือนกับออกมาเห็นตัวเองนะคะ เหมือนไม่รู้สึกถึงกายหยาบอย่างนี้นะคะ แต่เห็นตัวเองอยู่ในห้องภาวนา เห็นพระพุทธเห็นทุกอย่างเกือบประมาณ 4 ชม.อย่างนี้นะคะ
หลวงตา : อืม...ผีหลอกเจ้าของ คนไม่ตายก็มาหลอกเจ้าของแล้ว
โยม : ผีหลอกเจ้าของ คือต้องไม่หลงใช่ไหมเจ้าคะ?
หลวงตา : อันนั้นมันเป็นจิตสำแดงแปลงเพศขึ้นมาหลอกเจ้าของเฉยๆ เขาภาวนาเอาความว่างเด้ ถ้าไปเห็นอันนั้นมันว่างไหมละ??
โยม : ไม่ว่างเจ้าคะ
หลวงตา : อืม...นั่นละ มันเป็นทุกข์แหล่ว เขาภาวนาเอาให้จิตสงบ มันสงบไหมละเห็นอันนั้น??
โยม : เอ่อ...แบบเขาจงกรมได้สักพักนะคะ แล้วพอลงนั่งภาวนาไม่ถึง 15 นาทีนะคะ ก็เหมือนกับมันหลุดออกไปเลย ปั๊บ...อย่างนี้นะคะ แต่คือพอหลังจากนั้นมันเป็นคำถามที่ค้างอยู่ในใจ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ไปหลงคิดว่าตัวเองมีความวิเศษอะไร ยังไม่คิดเชื่อเพียงแต่หาคำตอบยังไม่ได้
หลวงตา : นั่นแหละ...อาจจะหลงว่าเราได้ศีลได้ธรรมได้บรรลุอะไรขึ้นมาก็ได้ มันเห็นอย่างนั้นแล้วก็ทำไปเรื่อยๆก็เลยเป็น"วิปลาส" นั่นแหละเขาเรียกว่า "มิจฉาสมาธิ" สมาธิผิดทาง สัมมาสมาธิก็มี มิจฉาสมาธิก็มี...มันผิดทาง
โยม : แต่เปลี่ยนกลับมาดูความว่างได้ หาความว่าง ดูลมได้
หลวงตา : อืม...ดูหายใจ ดูพุทโธเท่านั้น อันนั้นมันไม่ใช่ของจริง...ของปลอม!! มาเล่นแต่ของปลอมคนชอบแต่ของปลอมเนาะ หึ...ถ้าของปลอมนี่ มันอยากได้โลด
โยม : แล้วอย่างนี้ตัวจิตเราออกมาจริงๆ หรือว่าแค่เป็นการยึดภาพมโนหรือว่าเป็นสัญญาเก่าครับ
หลวงตา : สัญญาเก่านั้นแหละ มันออกมาให้เราเห็นเรื่องเก่านั้นแหละ มันก็มาปรากฏให้เราเห็นในใจเรานี่แหละ
โยม : แต่ว่าจิตเราอาจจะไม่ได้มันออกมาจริงๆ อย่างที่ออกมายืนดูนี่ใช่ไหมครับ แบบตัวจิตออกมาดูนี่ครับ
หลวงตา : เอ้า...ก็ว่าของปลอม มันสำแดงแปลงเพศออกมา ไม่ใช่จิตจริง จิตปลอม จิตสำแดงแปลงเพศขึ้นมาหลอกเจ้าของ เขาเรียกว่านิมิต จิตมันสร้างขึ้นมาเพื่อมาหลอกเจ้าของ
ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
หลวงตาศิริ อินทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
บ.ดงเย็น ต. บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
ณ บ้าน รอ.ชุมพร ดำรงศุภสุนทร ปันปี
วันที่ 18/12/61
จิต ฝึกไปฝึกมา "พุทโธๆๆ" เป็นต้น ไม่คิดถึงอะไรเลย
จะสงบหรือไม่สงบ จะเป็นยังไงก็แล้วแต่
จะเบาจะหนักยังไง จะสว่างจะไม่สว่างก็แล้วแต่
ไม่ต้องสนใจเลยนะ เนี่ยตรงนี้ดูและจำให้ดี
ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นใน ๓ โลกนี้
สนใจอยู่อย่างเดียว คำว่า "พุทโธ" เท่านั้น
จะเบา จะตะล่อมเข้ามา จะเหมือนสงบเข้ามา
ไม่สนใจ สนใจไม่ได้ จิตจะออกเป็นสอง
พอออกเป็นสอง กิเลสจะดันให้ออกเป็นสาม เป็นสี่ เป็นห้าไปเลย
จะเอาความสงบนี้ ต้องหมดความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง
"พุทโธ" อย่างเดียว อยู่ที่นั่นอย่างเดียว
จะขึ้นจะลงจะอยู่ตรงไหน ไม่สนใจเลย
พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.