Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

จิตสงบ

พฤหัสฯ. 31 ธ.ค. 2020 5:24 am

" นักแสวงบุญ....
ไม่ค่อยจะสนใจข้อปฏิบัติ
สนใจแต่...ตระเวนแสวงบุญ วันหนึ่ง ๆ ไป
หลาย ๆวัด "บางที"๕วัด ๗ วัด ๙ วัด
ก็มี เอาจำนวนวัด เป็นจำนวนบุญ
" ก็ได้แต่ตัวเลข"

#โอวาทธรรม
หลวงปู่แบน ธนากโร











"วันคืนผ่านไปๆ เรากำลังทำอะไรอยู่"

...เวลา เหมือนกับน้ำ
ที่ไหลไปแล้ว..ไม่ไหลกลับ
เวลา เป็นสิ่งที่มีค่ามาก
จะทำอะไรก็ต้องมีเวลาถึงจะทำได้
จะมีเวลาหรือไม่..
ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวเรา

.เพราะเราทุกคน
มีเวลาเท่ากันหมด
คือ..วันละ ๒๔ ชั่วโมง
จะใช้เวลา ๒๔ ชั่วโมงนี้
"ให้เกิดประโยชน์ก็ได้
ให้เกิดโทษก็ได้"
อยู่ที่ตัวเรา.
................................
กำลังใจ20 กัณฑ์ 232
ธรรมะบนเขา 22/1/2549
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










#ศีลเป็นพืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยมที่ควรมีประจำชาติมนุษย์
ศีล คือ รั้วกั้นความเบียดเบียน
และทำลายสมบัติร่างกายและจิตใจของกันและกัน
ศีล คือ พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยม ที่ควรมีประจำชาติมนุษย์
ไม่ปล่อยให้สูญหายไป เพราะมนุษย์ไม่มีศีลเป็นรั้วกั้น
เป็นเครื่องประดับตัว จะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนหลับสนิทได้โดยปลอดภัย
แม้โลกเจริญด้วยวัตถุจนกองสูงกว่าพระอาทิตย์
แต่ความรุ่มร้อนแผดเผาจะทวีคูณยิ่งกว่าพระอาทิตย์
ถ้ามัวคิดว่าวัตถุมีค่ามากกว่าศีลธรรม
ศีลธรรมเป็นเพียงสมบัติของมนุษย์
#พระพุทธเจ้าผู้ค้นพบและนำมาประดับโลกที่กำลังมืดมิดให้สว่างไสวร่มเย็น_ด้วยอำนาจศีลธรรม
เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของมนุษย์ผู้มีกิเลส
ที่ผลิตอะไรออกมาทำให้โลกร้อนจะบรรลัยอยู่แล้ว
ยิ่งปล่อยให้ความคิดตามอำนาจโดยไม่มีศีลธรรมช่วยเป็นยาชโลมไว้บ้าง
จะผลิตยักษ์ใหญ่ทรงพิษขึ้นมากว้านกินมนุษย์จนไม่มีอะไรเหลืออยู่บ้างเลย

#ความคิดของคนสิ้นกิเลสที่ทรงคุณอย่างสูงคือ_พระพุทธเจ้า
มีผลให้โลกได้รับความร่มเย็น ซาบซึ้ง กับความคิดที่เป็นกิเลส
มีผลให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจนคาดไม่ถึง
ผิดกันอยู่มาก ควรหาทางแก้ไข
ผ่อนหนักให้เบาลงบ้าง ก่อนจะหมดทางแก้ไข
ศีลจึงเป็นเหมือนยาปราบโรค ทั้งโรคระบาดและเรื้อรัง

#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต










ฝึกจิตให้เข้มเเข็งมีพลัง
อุปสรรคมันท้าทายสติปัญญา
ปัญหามีไว้แก้ไม่ได้มีไว้กลุ้ม

ผู้ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่
เคยล้มเหลวมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน
แต่เขาไม่ยอมแพ้และไม่หยุดกลางครัน

โอวาทธรรม พระอาจารย์คม อภิวโร











“อันว่ากิริยาภายนอกนั้นจะเป็นอย่างใดก็ตามเถอะ
แต่ถ้าหากเรามุ่งมั่นปั้นใจจนเที่ยงดี
ก็ยังดีกว่าคนที่กิริยางามแต่ใจไม่เที่ยง
เพราะนิสัยวาสนาคนเรามันไม่เหมือนกัน
เขายังมีคำพูดอยู่มิใช่หรือว่า แข่งอะไรก็แข่งได้
แต่แข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้ เราจึงไม่ไปแข่งวาสนากับใคร
เราเป็นอย่างนี้จึงพอใจอย่างนี้ เพราะนิสัยวาสนาเป็นมาอย่างนี้”
.
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
จากหนังสือ ประวัติ พระครูสุทธิธรรมรังษี พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง










เราบอกได้เลย คนมันไม่ได้ตายเพราะโรค มันจะตายเพราะไม่มีอยู่มีกิน มันจะตายเพราะโรคเครียด เพราะมันกลัวโรค

โลกทุกวันนี้ คนทุกวันนี้ เป็นคนคิดสั้น ไม่มีเครื่องยึด ไม่มีสรณะ ใครบอกว่าการสวดมนต์นี่ไม่ทำให้โรคหาย แต่การเข้าหาศาสนามันมีหลัก ไม่ตื่นตระหนก ไม่เป็นคนขี้ขลาด แต่ไม่ใช่คนอาจหาญจนบ้าบิ่น ยุควิกฤตอย่างนี้ คนต้องมีสติ มันไม่ใช่คนขี้ขลาด ขี้ขลาดจนไม่ทำมาหากิน ขี้ขลาดกระทั่งไม่รู้จักรักษาเจ้าของ

เราจึงบอกว่า เมืองไทยนี่เป็นเมืองพุทธ เรามั่นใจว่าคนจะไม่ตาย แต่ยังไงเชื้อโรคก็ต้องแพร่ จำคำเราให้ดี เชื้อโรคยังไงก็ต้องแพร่กระจายไปทั่ว แต่คนตายจะน้อย เพราะเมืองไทยมีพุทธศาสนา มีสามฤดู เราบอกหลายครั้งแล้ว ฤดูฝน ฤดูแล้ง ฤดูร้อน นี่เข้ากับหลักเลย โรคนี้มันไม่ชอบความร้อน แต่เมืองนอกเขาไม่มีสามฤดู ไม่มีพระรัตนตรัย ไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หนาวก็หนาวจัด เพราะฉะนั้น เชื้อโรคจึงร้ายแรง ภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน

เมืองไทยเรานี่ อากาศช่วงนี้ก็ร้อน เราอย่าไปตื่นตระหนกจนเกินเหตุเกินผล แต่อย่าไปอาจหาญจนบ้าบิ่น ให้รู้จักเซฟตื้ ให้รู้จักรักษาตัวของใครของมัน ไม่ใช่จะเที่ยวเพ่นพ่านไปนู่นไปนี่ นั่นก็ไม่ถูก

โรคนี้มาจากอะไรรู้ไหม มาจากคนไม่มีศาสนา ติดนี่ไม่ได้ติดเพราะคนไปวัด มันติดเพราะอบายมุข ฟังให้ดี เชื้อโรคที่แพร่ออกมานี่ไม่ใช่แพร่เพราะคนไปทำดี มันไปอบายมุข สถานที่อโคจร ไม่ควรจะไปเราก็ไป เพราะเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้า โรคที่มันระบาดทุกวันนี้ ไม่ใช่ระบาดเพราะเรื่องอะไร เพราะมนุษย์ไม่มีศีลธรรม มนุษย์ไม่เข้าวัดเข้าวาเข้าหาศาสนา มันเข้าไปแต่อบายมุข มันก็เลยไปติดเชื้อมา ตั้งแต่สนามมวย สนามชนไก่ ไปติดมาจากนี่ทั้งนั้น สิ่งที่มันเป็นปรปักษ์กับศาสนา ที่พระพุทธเจ้าท่านว่าเป็นอบายมุข ปากทางแห่งความฉิบหาย หนทางแห่งความย่อยยับ แต่พวกเราก็เดินเข้าไป เดินเข้าไปมันก็ต้องเจอสิ ฯ

พระอาจารย์โสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
(๒๙ มีนาคม ๒๕๖๓)










" คุณงามความดี
เป็นสมบัติภายใน
เป็นแก้วสารพัดนึก เวลา
จำเป็นเราต้องอาศัยนี้แหละ

เวลาตายแล้วมันสุดวิสัย
ที่จะอาศัยสมบัติเงินทอง
บ้านเรือน อาศัยพ่อแม่ปู่ย่า
ตายาย ลูกหลาน สามีภรรยา
มันหมดทางที่จะอาศัยแล้ว

คนที่ละโลกนี้ไปสู่ปรโลกนั้น
สมบัติเงินทองข้าวของ
มีมากน้อย ก็หมดทาง
ที่จะอาศัยได้อีก ไม่ว่าจะ
เป็นญาติเป็นมิตรเป็นลูกเต้า
หลานเหลน อาศัยไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะไม่ใช่วิสัยที่จะพึ่งกันได้
ในเพศภพภูมินั้น

ต้องอาศัย
'อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ'
พึ่งตนเอง ด้วยวิบากผลบุญ
ของตัวถ่ายเดียวเท่านั้น

เมื่อเราได้สร้าง
คุณงามความดี
ไว้เพื่อตนเสียแต่บัดนี้
ก็ชื่อว่าตนจะพึ่งตนเองได้ "

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน










{คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "ทำบุญ}​

"การทำบุญ" ต้องทำแค่พอสบายใจ
ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน การทำบุญให้ได้
อานิสงส์มาก ไม่ได้อยู่ที่วัตถุมากเสมอไป
มันอยู่ที่กำลังใจดี คือ

"ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ วัตถุทาน
บริสุทธิ์ และก่อนจะให้ตั้งใจจะให้
ขณะให้ก็เต็มใจให้ ให้แล้วมีความ
ปลื้มใจ"

อย่างนี้ "ลูขัง วา ปะณีตัง วา"
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "ของเลวก็ตาม ของดีก็ตาม ของมากก็ตาม ของน้อยก็ตาม ย่อมมีอานิสงส์เลิศ"

การบริจาคโลหิต เป็น "ทานภายใน"
คือให้ของในกาย ให้ของนอกกายเขาเรียก​"ทานภายนอก" ยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถือว่าเป็นทานปกติ แต่
อานิสงส์สูงกว่าทานภายนอกหน่อยหนึ่ง

อานิสงส์สูงกว่าการอุทิศร่างกายให้
กับโรงพยาบาลเมื่อตายแล้ว เพราะตาย
แล้วก็เหมือนของเขาทิ้งแล้ว มีประโยชน์
แค่วัตถุทาน

วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงเทศน์อยู่ที่
พระเชตวัน ตอนหนึ่งท่านบอกว่า บุคคล
บางคนชอบทำบุญด้วยตนเอง แต่ไม่ชอบชักชวนคนอื่น เมื่อตายจากความเป็นคนแล้วไปเกิดเป็นคนในชาติใหม่ จะมีทรัพย์สมบัติมากแต่ขาดบริวารสมบัติ คือ ขาดพวกพ้อง

บางคนนิยมบอกบุญคนอื่น แต่ว่า
ตนเองไม่ทำ เมื่อตายจากความเป็นคน
ไปเกิดเป็นคนใหม่จะมีพวกมาก แต่ขาด
ทรัพย์สิน เป็นคนจน

บางคนชอบทำบุญด้วยตนเอง ชอบ
ชักชวนคนอื่นทำบุญด้วย เมื่อตายจาก
ความเป็นคนไปเกิดใหม่ ร่ำรวยด้วย
และมีพวกมาก

บางคนและบางประเภทไม่ทำบุญ
ด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจาก
ความเป็นคนแล้วเกิดเป็นคนใหม่ ไม่มี
พวก ตัวเองก็ยากจนต้องกินเดนคนอื่น
ที่เรียกว่าขอทาน

ในเมื่อเราทำบุญมากขึ้น ทำจิตสะอาด
มากขึ้นเพียงใด มารมันแกล้งเพียงนั้นทั้งนี้เพราะว่าเราจะพ้นอำนาจของมาร การป่วยหรือสิ่งต่างๆ ๕ ประการ ท่านเรียก "มาร" แปลว่า "ผู้ฆ่า" มันพยายามจะห้ำหั่นเข่นฆ่าเรา ต้องการให้เราตายเสียก่อนที่จะได้รับผลของบุญ

ทีนี้ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท
ทั้งหลายที่มาต่อว่าพระ คำว่า "พระ" เฉยๆ หมายความ "โทษตั้งแต่พระสงฆ์ทุกองค์ขึ้นไปยันพระพุทธเจ้าทั้งหมด" แม้แต่พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วก็โทษท่านด้วย มันบาปหนัก

กรรมประเภทนี้เกิดจาก "กำลังใจมืด"
คือ "ไร้ปัญญา" ตายแล้วต้องไปอยู่ที่มืดนั่น "โลกันตนรก" เป็นนรกพิเศษ มืดมากมองไม่เห็นกัน แล้วไต่อยู่ข้างเขา มันเป็นถ้ำ ข้างล่างมีน้ำกรด แต่มืดสนิทมองไม่เห็น มีเล็บเหมือนจอบ มีความคมกล้ามาก

สัตว์นรกทุกตัวมีความหิวมาก ไต่เขา
ให้แก่งหินครูดตัวเป็นแผลทั้งตัว หินมันคมเมื่อเจอะกันเข้าคิดว่าเป็นอาหาร ต่างจิกเนื้อกันกิน จิกกันไปจิกกันมาไม่ช้าก็หล่นไปในน้ำ น้ำกรดละลายเนื้อ มันก็แสบจัดจนกว่าเนื้อจะหมดเหลือแต่กระดูก

แต่ไม่ตาย เนื้อก็ค่อยๆ เกิดมาทีละ
น้อยๆ จนกระทั่งเต็มตัวแล้วว่ายเข้าหาฝั่ง
เมื่อชนฝั่งก็ขึ้นฝั่งไป ก็ไปพบก้อนหินที่มี
ความคมจัดอีก มันก็บาดทั้งตัวทั้งวัน เมื่อ
เจอะกันเข้าก็กินกันแบบนั้นอีก อย่างนี้
ใช้เวลาเป็นกัป

ออกจาก "โลกันตนรก" แล้วจึงเข้า
"อเวจีมหานรก" นี่มันหนักมากญาติโยม
พุทธบริษัทนะ อย่าทำใจให้มันมืด

พระช่วยได้แต่เพียงว่า "คนที่มีศรัทธา
แล้วตั้งใจทำความดี กฎของกรรมที่ทำมา
ในชาติก่อน แก้ไม่ได้" พระเองยังแก้ตัวเองไม่ได้ พระพุทธเจ้าเองก็ป่วย อาตมาเองก็ป่วยเป็นประจำ ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. พ่อสอนลูก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๐๕-๓๐๖










"อย่าไปคิดว่าปีเก่า ปีใหม่ จะต่างอะไรเลย
ปีเก่า ปีใหม่ ก็คนๆ เดียวกัน บ้าน ก็บ้านหลังเก่า
ลูกเมีย ก็คนเก่าคนเดิม วัดวาอาราม ก็เหมือนเดิม
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

ยิ่งวันคืนเปลี่ยนเป็นปีใหม่ เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้
เราเปลี่ยนเข้าสู่วัยชรา ความตายได้เร็วเท่านั้น

สิ่งที่เราจะเปลี่ยนแปลง เอาของเก่าออกไป ก็คือ
คนที่ไม่มีศีล คนไม่มีธรรม คนที่ไม่สวดมนต์ ไม่ภาวนา
มันเป็นอารมณ์เก่าๆ สิ่งเก่าๆ อารมณ์โกรธเก่าๆ
อารมณ์เกลียดเก่าๆ นั้น เป็นสิ่งที่เรา ควรจะเอาออกไป
จากหัวใจเรา"

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ










"ถ้าท่านทั้งหลาย ไม่เป็นคนอ่อนแอแล้ว
ปีใหม่นี้ จะต้องดีกว่าปีเก่าเป็นแน่นอน
ขอให้กระทำสิ่งนี้ ให้เป็นความดี ให้เป็นศรี
ให้เป็นพร แก่ตน"

ท่านพุทธทาสภิกขุ










#จิตสงบเป็นสมาธิเป็นประโยชน์

เสียงกะบ่ได้ยิน แม้แต่ลมบ่มี มันหากมีอยู่ เอาโตนี่ให้มันนิ่ง เป็นวิหารธรรม

คือเฮาต้องการเวลาเจ็บปวดอิหยังมา เฮาเข้ามานี้ ของหมู่นี่แม่นว่ามันเจ็บมันปวดก็ช่าง มันบ่ฮู้จัก มันมีอยู่ก็ช่าง

แมนมันมีอยู่ มันบ่เฮ็ดหยังเฮาได้ คือเป็นคนละส่วนแล้ว นี่เพิ่นว่าวิหารธรรม

#หลวงปู่บุญมี #ปริปุณโณ
#วัดป่าศิลาพร อ.เมือง จ.ยโสธร









อดีตนั้น. มันผ่านไปแล้ว. จะไปคว้า. จับเงาทำไม.

พระอาจารย์มะ โอภาโส
ตอบกระทู้