นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 4:02 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บาปอกุศล
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 11 มี.ค. 2021 6:31 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4805
" ผู้ใดรักษาศีล มิขาดตก
บกพร่อง ไหว้พระสวดมนต์
เจริญสมถะและวิปัสสนาตาม
สมควร ได้ปัญญาตามวาสนา

โอกาสที่จะพ้นจากการ
ท่องเที่ยวไปในภพน้อย
ภพใหญ่ เกิดแล้วตาย
ตายแล้วเกิด เป็นวัฏจักร
ก็พอจะมองเห็นทาง
มรรคผลนิพพานอยู่ไม่ไกล

จงรีบทำความเพียรเสีย
เพื่อมรรคผลนิพพานนั้น
แล้วจะพ้นจากการ
เวียนว่ายตายเกิด "

โอวาทธรรม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ










...การฝึกสติ ที่เราสามารถทำได้
ในชีวิตประจำวันของเรา

.ถ้ามีเวลาว่างขณะอยู่ที่ทำงาน
ช่วงหยุดพักกลางวัน หลังจาก
รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ก็หามุมสงบนั่งกำหนดพุทโธๆ
ดูลมหายใจเข้าออกไป” ก็ได้ภาวนาแล้ว

.ถ้าภาวนาเป็นแล้ว ทำอะไรที่ไหน
ก็..สามารถภาวนาควบไปด้วยได้

.มีโยมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
เวลาทำงานเขาก็ทำอย่างนี้
“มีสติอยู่กับการกระทำ”
เวลาเดินไปไหนมาไหน..ก็คิดว่า
เหมือนกับเดินจงกรม
มีสติอยู่กับการเดิน หรือบริกรรมพุทโธ
ควบคู่ไปกับการเดิน

. แทนที่จะไปคิด
เรื่องคนนั้นเรื่องคนนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้
จิตก็มีความสงบอยู่ตลอด
ถึงแม้จะไม่สงบแบบรวมลง
แต่ก็ไม่ฟุ้งซ่าน.
................................................
จุลธรรมนำใจ 8 กัณฑ์ที่ 298
25 กุมภาพันธ์ 2550
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










คติโบราณ ฆ่าแมวบาปเท่ากับฆ่าเณร ท่านเตือนอะไร?

หมา แมว ทุกตัว สัตว์ทุกตัวมีจิตเหมือนเรา
บางตัวอาจดีกว่าเรา แต่กรรมก่อนตายบังคับ
ให้เขามาเกิดอย่างนี้

อาจจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ในอดีตก็ได้
หากเราไปเตะเขา เบียดเบียนเขา ฆ่าเขา
ก็เท่ากับ ฆ่าญาติของตัวเอง
เมื่อเขาตาย ก็ไปเสวยกรรมดีต่อ
อาจเป็น เทวดา พรหม
แล้วบำเพ็ญบารมีต่อ ไปนิพพานก็ได้
ฉะนั้น ฆ่าสัตว์อาจมีบาปไม่มีประมาณก็ได้

พระธรรมคำสอน หลวงปู่บุดดา ถาวโร










#ความรักความชังเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้

ความไม่รู้ ปรุงจิตให้วิ่งวนวุ่น ออกไปครั้ง กลับเข้ามาครั้ง แล้วออกไปกลับมาอีกหลายขณะ และเป็นอีกหลายขณะ

กว่าจะรู้ว่าใจอยู่ที่ หรือใจไปไหน กว่าจะรู้จักดี รู้จักชั่ว ใจก็ออกไปเสียหลายครั้งแล้ว และออกไปแล้ว ก็เสียความทรงตัว

จนที่สุดเป็นผู้ที่ใจไม่อยู่กับตัว ใจไม่มีในตัว ก็เปล่าจากหัวใจ มีใจโดยเปล่า เพราะใจเตลิดไปอยู่เสียภายนอก ชอบสิ่งใดก็ไปอยู่กับสิ่งนั้น ชังสิ่งใดก็ไปอยู่กับสิ่งนั้น

ความไม่หยุดหย่อนของใจเช่นนี้ หากขณะกระทบก็รับเอา โมหะ โลภะ ราคะ และโทสะเข้าหาตัว ดังนี้แล้วมีหรือ ตนของตน จักไม่ย่อยยับอัปราชัยได้

มหาปุญฺโญวาท 5
ธรรมะหลวงปู่จาม มหาปุญโญ









“...อย่าสำคัญตนว่าเก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ถ้าไม่เตรียมทราบเสียแต่บัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร

อาตมาขออภัยด้วยถ้าพูดหยาบคายไป แต่คำพูดที่สอนคนให้ละชั่ว ทำความดี จัดเป็นหยาบคายอยู่แล้ว โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง การทำบาปหยาบคายมีประจำแทบทุกคนทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้ และตำหนิมันบ้างพอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับตำหนิคำสั่งสอนหยาบคาย ก็นับเป็นโรคที่หมดหวัง...”

โอวาทธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต









ตายก่อน. ตายหลัง. ก็ตายเหมือนกัน. ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกจากกัน.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"ผู้ที่ตกในสภาวะอับจน
ก็ไม่ควรหมดอาลัยตายอยาก
ควรทําจิตใจให้สงบระงับตั้งมั่นอยู่
ก็จะค่อยๆ หาทางออกให้แก่ตนได้

เพราะปัญหาทุกอย่าง
ที่ไม่มีทางออกทางแก้
ย่อมไม่มีในโลก

ดูเอาเถอะว่า
แม้แต่ปัญหาเรื่องความทุกข์
อันเกิดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
พระพุทธองค์ก็ยังหาคําตอบไว้ให้ได้
สําหรับปัญหาอื่นๆ อันเล็กน้อย
จะไม่มีคําตอบได้อย่างไร"

โอวาทธรรม
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล








" การปฏิบัติธรรมสำคัญอยู่ที่
การทำจิตให้มีสิ่งรู้
ทำสติให้มีสิ่งระลึก
การภาวนาพุทโธก็ทำพุทโธ
ให้เป็นสิ่งรู้ของจิต
เป็นสิ่งระลึกของสติ

การภาวนายุบหนอพองหนอ
ก็ทำยุบหนอพองหนอให้เป็น
สิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ
การภาวนาสัมมาอรหังก็ทำ
สัมมาอรหัง เป็นสิ่งรู้ของจิต
สิ่งระลึกของสติ

ทั้งหลายเหล่านี้ หรืออย่าง
อื่นๆก็ตาม ใครภาวนาแล้ว
เมื่อจิตเป็นสมาธิก็ต้องทำจิต
ให้เป็น วิตก วิจาร ปีติ สุข
และ เอกัคคตาเหมือนกัน..

..ธรรมชาติของจิต ถ้ามีสิ่งรู้
สติมีสิ่งระลึก เขาจะเพิ่ม
พลังงานมากขึ้นทุกที
แม้แต่ ยืน เดิน นั่ง นอน
รับประทาน ดื่ม ทำ พูด
ก็เป็นการปฏิบัติสมาธิ

เวลาเรานั่งเขียนหนังสือ
มีสติรู้อยู่ที่การเขียน
เวลาพูด มีสติรู้อยู่กับการพูด
เวลาคิด มีสติรู้อยู่กับการคิด
เป็นการปฏิบัติกรรมฐานทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัย
ข้องใจในอารมณ์
ที่พระท่านสอนกัน
พุทโธ ดีไหม
สัมมาอรหัง ดีไหม
ยุบหนอ พองหนอ ดีไหม

อย่าไปสนใจ ถ้าจะถาม
อย่างนี้ ก็ตอบว่า ดีทุกอย่าง
“ ความดี หรือไม่ดี “ อยู่ที่เราจะ
เอาจริงหรือไม่จริง เท่านั้นเอง
นี่ ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้.."

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย









".."บาปอกุศล" ทั้งปวง
เกิดจาก กาย วาจา ใจ
ของแต่ละคน
ของตนเองโดยเฉพาะ

บาปอกุศลของตน
ไม่ได้เกิดแต่ กาย วาจา ใจ
ของผู้อื่น เรียกตามภาษา
ที่พูดกันว่า ของใครของมัน

ของใครผู้ใดต้องใครผู้นั้น
ทำ เป็นของตายตัวเช่นนี้
ไม่มีใครจะทำใคร
ให้มีบาปอกุศลได้
ถ้าตัวเองของผู้นั้นมิได้ทำ.."

พระโอวาทธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร








"อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
เดี๋ยวความตายจะมาถึง
จะเสียใจตามภายหลัง

ความชั่ว อย่าทำเสียเลยดีกว่า
ความดี ทำแล้วดี
ความชั่ว ทำแล้วย่อมเดือดร้อน
ตามภายหลัง

รีบสร้างความดี รีบขัดเกลา
รีบพยายาม อบรมบ่มนิสัย
ให้มันเกิดมันมี ให้มันรู้มันเห็น
มันเป็นมันไป เราไม่ทำแต่เดี๋ยวนี้
จะไปทำเวลาไหน"

หลวงปู่แสง ญาณวโร







"เราอยากให้คนอื่น ทำดีกับเราอย่างไร
คนอื่นก็อยากให้เรา ทำดีกับเขาอย่างนั้น

ขอให้พยายามคิดถึงความจริงนี้ ให้บ่อยที่สุด
เท่าที่จะมีสตินึกได้ จะเป็นคุณแก่ตนเองอย่างยิ่ง

การคิด พูด ทำทั้งหมด จะเป็นไปอย่างดีที่สุด
ไม่เป็นการทำร้ายผู้อื่น ไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 84 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO