นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 3:58 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ศีลบริสุทธิ์
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 18 มี.ค. 2021 5:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4805
คำว่า สำคัญมั่นหมาย ลึกซึ้งมาก
หลายสิ่งหลายอย่างที่เรานึกว่าสำคัญ ที่จริงไม่มีความสำคัญอะไรอยู่ในตัวของมันเอง มันดูว่าสำคัญเพราะเราเชื่อหรือตกลงกันว่าสำคัญเท่านั้น คือเราสำคัญมั่นหมายมัน

วาระสุดท้ายของชีวิต คนจำนวนไม่น้อยที่รู้ตัวว่านับวัน หรือนับชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่ได้แล้ว จึงจะรู้สึกว่าชีวิตอันสั้นเหลือเกินนี้ เราได้ปล่อยให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เยอะจริงๆ ยุ่งอยู่กับสิ่งที่นึกว่าสำคัญแต่ที่จริงมองย้อนหลังไป ดูเหมือนความฝัน

แล้วถ้าอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญแท้คืออะไรแน่
ปัญหานี้ไม่ต้องถามใครที่ไหน
จงถามตัวเองทุกวัน

พระอาจารย์ชยสาโร









หินแหลมคมบนภูเขาก้อนนั้น ถ้ามันกลิ้งลงมาข้างล่าง
กระทบกับก้อนนั้นก้อนนี้ ซ้ายที ขวาที
ในที่สุดมันก็จะกลายเป็นก้อนกรวดที่กลมเกลี้ยงขึ้นมาได้ การปฏิบัติของเรานี้ก็เช่นเดียวกัน
ต้องให้กระทบอารมณ์บ่อยๆ มันถึงจะเกิดปัญญา

ชยสาโรภิกขุ







" ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานาน นับเป็นหลายชั่วโมง
บางคนคิดว่า...
ยิ่งนั่งภาวนานานเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดปัญญามาก
เท่านั้น

ปัญญาที่แท้
เกิดจากการที่เรา มีสติใน...ทุก ๆอิริยาบท
การฝึกปฏิบัติ ของท่าน
ต้องเริ่มขึ้นทันที ที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องไป จนกระทั่งนอนหลับไป

อย่าไปห่วง ว่า...
ท่านต้องนั่งภาวนาให้นาน ๆ สิ่งสำคัญ ก็คือ...
ท่านเพียง แต่...เฝ้าดู
ไม่ว่า...
ท่านจะเดินอยู่ หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่

แต่ละคน
ต่างก็มีทางชีวิต...ของตนเอง
บางคน ต้องตายเมื่อมีอายุ ๕๐ ปี
บางคน เมื่อมีอายุ ๖๕ ปี
และบางคน เมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใด ก็ฉันนั้น
ปฏิปทาของท่านทั้งหลาย ก็ไม่เหมือนกัน
อย่าคิดมาก หรือกังวลใจ ในเรื่องนี้เลย

จงพยายาม มีสติ...
และปล่อยวางทุกสิ่ง ให้เป็นไปตามปกติของมัน
แล้ว จิต...ของท่าน
ก็จะสงบมากขึ้น ใน...สิ่งแวดล้อมทั้งปวง

มันจะสงบ นิ่ง...
เหมือนหนองน้ำใสในป่า ที่บรรดาสัตว์ป่า
สวยงาม และหายาก จะมาดื่มน้ำในสระนั้น
ท่านจะได้เห็น...
ความมหัศจรรย์ และแปลกประหลาด

สิ่งทั้งหลาย...
เกิดขึ้น และดับไป แต่...ท่านก็จะสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลาย จะบังเกิดขึ้น
แต่ท่าน...
จะรู้...ทันมันได้ทันที นี่แหละ คือ...
ศานติสุข ของพระพุทธเจ้า."

หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง










"... การคลุกคลีกัน ชอบเล่าแต่เรื่องของคนอื่น ไม่ว่าอยู่บ้าน อยู่ที่วัด ผู้ปฏิบัติธรรมต้องพากันหยุดนะ

คนเรามองเห็นแต่เรื่องของคนอื่น เรียนบริหารจัดการผู้อื่น แต่ไม่รู้วิธีบริหารจัดการใจของตนเองให้มีความสุข ความเคยชินน่ะ บางทีไม่ได้พูด ไม่ได้นินทาก็แน่นท้อง ให้เข้าใจว่ามันคือ "วจีทุจริต" นะ ต้องหลีกเลี่ยง เพราะความเคยชิน เห็นหน้ากันก็จะเอาแต่นินทากาเลท่าเดียว เราต้องหลีกเลี่ยง ต้องกลับมาหางานของเรา งานหายใจเข้าให้สบาย งานหายใจออกให้สบาย "สัมมาวาจา" "เมตตาวจีกรรม" ต้องให้มีสม่ำเสมอในสังคมอริยชน ในสังคมของผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ต้องคิดก่อนพูด อย่าไปพูดก่อนคิด

การพูดนี่ ไม่ใช่ว่า เป็นการพูดแบบพล่อย ๆ พูดไปตามใจ ตามอารมณ์ เพราะองค์มรรคของพระพุทธเจ้า ก็มีข้อหนึ่งว่า "สัมมาวาจา" การพูดวาจาที่ชอบ "เมตตาวจีกรรม" อย่างหนึ่งที่อยู่ในหลักแห่ง "สาราณียธรรม" ธรรมแห่งการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ต้องเป็นการพูดด้วยถ้อยคำที่ประกอบด้วยเมตตา..."

ขออนุโมทนากับผู้บันทึกธรรม : อัดเทป(แม่ชีฟาฟา)

ขออนุโมทนากับผู้ถอดคำเทศ : พี่กุ้งนางฟ้า

ขออนุโมทนากับเจ้าของภาพถ่าย : ด๊อกเตอร์เหมียว

ธรรมบรรยายที่องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม

เมตตาให้ ดร. พระมหาอนุชน สาสนกิตติ นำมาบรรยาย
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
ค่ำวันอังคารที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๔














...เราต้องคิดถึงทุกสภาพที่จะเกิดขึ้นกับเรากับชีวิตเรา การสูญเสียสิ่งต่างๆ ในทุกรูปแบบ ต้องคิดให้ได้ พรุ่งนี้เราพิกลพิการไป อยู่กับมันได้หรือเปล่า เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตแล้วอยู่กับมันได้หรือเปล่า หมอบอกว่าเป็นโรคมะเร็งอยู่กับมันได้หรือเปล่า หรือจะไปกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

..อันนี้แหละคือข้อสอบของเรา ต้องทำการบ้านเตรียมไว้ก่อนทุกรูปแบบเลย เกิด เเก่ เจ็บ ตาย มันก็มีแค่นี้ พลัดพรากจากกัน พลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบ หรือประสพกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ นี่คือข้อสอบคือการบ้านของเรา เราไม่ชอบทำการบ้านกัน

..ชอบไปเพ้อฝันว่า จะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ คนนั้นคนนี้จะดีกับเรา จะอยู่กับเรา จะยกย่องสรรเสริญเคารพเรา ไม่ดูถูกเหยียดหยามเรา พอไปเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนก็จะทำใจไม่ได้ “เพราะไม่ทำการบ้านไว้ก่อน”

..เราต้องพยายามหมั่นทำการบ้าน คิดถึงเรื่องเสื่อมเรื่องเสียไว้ อย่าไปคิดถึงแต่เรื่องเจริญ

.เจริญไม่ต้องทำการบ้านหรอก
มันผ่านแน่ๆ.
.....................................
ธรรมะบนเขา
29 กันยายน 2556
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










คนที่มีศีลบริสุทธิ์ ย่อมเป็นที่รักสำหรับคนเหมือนกัน โดยเฉพาะคนเหมือนกันเขาก็รักคนที่มีศีลบริสุทธิ์ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานที่ไม่รู้จักภาษามนุษย์ ก็รักคนที่มีศีลบริสุทธิ์เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นเทวดาก็ยังรักคนที่มีศีลบริสุทธิ์
ฉะนั้น คนที่มีศีลบริสุทธิ์นี่จึงกล่าวว่าเป็นคนที่มีความสำคัญ ศีลเป็นปัจจัยกันอบายภูมิด่านแรก ถ้าศีลของเราบกพร่อง แสดงว่าเราเปิดโอกาสให้เราลงอบายภูมิ​

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ที่มา: หนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่ม ๓









"ความอิจฉาคนอื่น
นั่นละทุกข์ใหญ่
มันคอยระแวงริษยาอาฆาต
ความดีผู้อื่น

เขาจะเฮ็ดดีก็ติ..
เขาจะสร้างบุญก็นินทา
พอเขาพลาดมา...
ตัวอิจฉามันก็เหยียบเขา...
นี่ละคนเนาะคน..
ถ้าบ่พยามขัดถูตัวอิจฉา...
ออกจากจิตจากใจ...
มันทุกข์ถึงวันตายเนาะ"

โอวาทธรรม
หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต
วัดเขาตาเงาะอุดมพร
อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ









"ทุกชีวิต มีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกิดร้อยปี
ก็จะต้องละร่างนี้ ละโลกนี้ไป อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
ที่จะทำความดี เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไร ก็ตนเอง
นั่นแหละ จะต้องได้เสวยผลของการไม่กระทำกรรมดี
ไม่มีผู้ใดอื่น จะรับผลของความดีความชั่ว ที่ตนเองทำไว้
เจ้าตัวเองเท่านั้น จักเป็นผู้รับผลของความดีความชั่ว
ที่ตนทำ"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ









"อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เดี๋ยวความตายจะมาถึง
จะเสียใจตามภายหลัง ความชั่วอย่าทำเสียเลยดีกว่า
ความดีทำแล้วดี ความชั่วทำย่อมเดือดร้อนตามภายหลัง
รีบสร้างความดี รีบขัดเกลา รีบพยายามอบรมบ่มนิสัย
ให้มันเกิดมันมี ให้มันรู้มันเห็น ให้มันเป็นมันไป
เราไม่ทำแต่เดี๋ยวนี้ จะไปทำเวลาไหน"

หลวงปู่แสง ญาณวโร








ทางเดียวที่จะไม่ทุกข์. คือไม่ต้องเกิดอีก. เข้าใจบ่

หลวงปู่แสง ญาณวโร








#เพราะมีกิเลสตัณหานี่เราถึงได้เกิด

ความคิดความปรุงแต่งมันมีทุกคน เพราะคนมันเกิดขึ้นมามันมีกิเลสมาแล้ว มีตัณหาอยู่แล้วมันถึงได้เกิด เพราะมีกิเลสตัณหานี่เราถึงได้เกิด เกิดแล้วมันถึงมีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ทุกภพทุกชาติอย่างนี้

ถ้าภพไหนที่เราเกิดขึ้นมาหลงมาก เราก็ตกไปในฐานะต่ำ จากเคยเป็นมนุษย์ส่งไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือไปเป็นสัตว์นรกเปรตอสุรกาย สัมภเวสีทั้งหลาย จนกว่าจะเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์อีกก็ต้องไปเป็นสัตว์เดรัจฉานตัวเล็กตัวน้อยตัวใหญ่ขึ้นมา

จนกว่าจะเกิดมาเป็นมุษย์ก็ยากจนเข็ญใจ จนกว่าจะมีฐานะได้มีโอกาสมารักษาศีล ๕ ศีล ๘ อย่างนี้ อย่างพวกเรานี้ เรามาลองเรียงลำดับขึ้นมาใหม่นี้ มันจะกี่ภพกี่ชาติขึ้นมาแล้วอย่างนี้ มีใครรู้หรือเปล่า ทำยังไงเราถึงจะรู้ ถ้าเรารู้เราจะไม่กลับคืนไปทำอย่างนั้น

พระพุทธเจ้ามีบางภพบางชาติที่พระพุทธองค์ย้อนอดีตชาติ ไม่ยอมกลับไปทำอีก ความชั่วที่เคยทำมาเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพระเตมีย์ใบ้ ก่อนนะเคยเป็นผู้พิพากษา ได้ไปตัดสินคดีความไปกินสินบนเขา คนที่ผิดกฏหมายนะเขามีตังค์เขาก็มาให้สินบน แล้วคนที่ไม่ผิดนะเขาไม่มีตังค์ ก็ไปตัดสินให้คนไม่ผิดนะไปเป็นคนผิด ตัดสินให้คนผิดนะไปเป็นคนถูก เมื่อเขาไปติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต กรรมมันมาถึงกับใครล่ะ ?

กับคนที่ตัดสินนี่ เมื่อพระพุทธเจ้าตายไปในภพนั้นนะ ไปตกนรกอเวจีอยู่โน้นเป็นหมื่นๆปีในเมืองนรก เมื่อมาเกิดเป็นคนมนุษย์จำภพจำชาติได้ ที่สาเหตุที่ตัวเองไปตกนรกได้ ก็เพิ่งพ้นนรกมาเกิดนี่เกิดขึ้นมา จำภพจำชาติได้เลย สร้างบารมีมาหลายร้อยภพหลายร้อยชาติแล้ว หลายพันหลายภพชาติแล้ว แล้วมาเสียทีเพราะกิเลสตัวเดียวนี้ได้ไปตกนรก

พอเกิดขึ้นมาจำภพชาติได้ เพราะเคยสั่งสมบารมีมา ๑,๕๐๐ ชาติแล้วก็เลยจำภพจำชาติได้ พอจำภพจำชาติได้เกิดขึ้นมาเราจะไม่พูดเลยทีนี่ เพราะถ้าพูดเราในฐานะเป็นลูกพระมหากษัตริย์ ก็จะได้มาปกครองแผ่นดินแทนพระบิดาของตนเอง ถ้าเราพูดเราโตขึ้นมาก็จะถูกสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อเป็นพระมหากษัตริย์ในยุคนั้นสมัยนั้น คดีความต่างๆที่เป็นคดีใหญ่ๆจะต้องเป็นพระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน ถ้าเกิดว่าเขาส่งรายงานมาผิด เราตัดสินผิดก็จะไปสู่นรกอีก เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดดีกว่า นี่ละถึงได้เป็น "พระเตมีย์ใบ้"

นี้คือการรู้น่ะ ...เพราะฉะนั้นพวกเราไม่ได้รู้เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ทำยังไงถึงจะได้รู้เข้าใจเหมือนอย่างนั้น มันมีคำสอนอยู่แล้ว นี่มีศีล ๕ อยู่แล้ว มีอุโบสถศีลอยู่แล้ว ความโลภก็อยู่ศีลนี้แหละ ความโกรธความหลงก็อยู่ในศีลนี้แหละ

เรามีสติสัมปชัญญะพิจารณาตามศีลของเรามันก็บริสุทธิ์ เราจะไม่กลับไปทำความชั่วอีกเป็นเด็ดขาด นี้มันมีคำสอนอย่างนี้

เพราะฉะนั้นเราทั้งหลายที่มาบวชชีพราหมณ์ทั้งหลายอยู่ในขณะนี้ ก็ให้มีความตั้งใจมาประพฤติปฏิบัติเพื่อสั่งสมบารมีของตนเอง

ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าภูเขาหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ถอดเทป/เรียบเรียง :นรินทร์ ศรีสุทธิ์











"..หากเมตตาธรรมยังมีอยู่
ในใจของสัตว์โลกอยู่ตราบ
ใด โลกยังจะมีหวังความสุข
ความสมหวังอยู่ตราบนั้น

แต่ถ้าเมตตาได้ห่างเหิน
จากใจของสัตว์โลกกาลใด
กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความ
อุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่อง
อุปโภคบริโภคนานาชนิด
อย่างพึงพอใจก็ตาม

แต่จะไม่มีความสงบสุข
ตกค้างอยู่ในวงสัตว์โลกนั้นๆ
เลย ส่วนที่ได้รับจะมีแต่
ความเดือดร้อนขุ่นเคือง
ไปทุกหย่อมหญ้า..“

คัดจากประวัติ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดยหลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน








ศีลบริสุทธิ์

"เป็นฆราวาสก็สามารถที่จะเข้าถึงอริยบุคคลได้ อย่างนางวิสาขาก็เป็นผู้หนึ่งที่ยังครองเรือน แต่จิตของนางวิสาขานั้นสมบูรณ์ด้วยศีลห้า สมบูรณ์บริสุทธิ์ทีเดียว แม้แต่จะคิดไปในทางที่ละเมิดก็ไม่มี จิตอย่างนี้เป็นจิตประเสริฐ ศีลห้าจึงเป็นศีลที่ยังจิตยังใจให้ประเสริฐ เป็นอริยบุคคลขึ้นมาได้"

หลวงปู่แบน ธนากโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO