ภาวนาแล้วอย่าลืม....แผ่บุญกุศลให้บิดามารดา เพราะว่าขันธ์ 5 ที่เราได้มาได้ใช้ทำบุญสุนทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวนา....เอาจิตออกจากความมืด ได้ชื่อว่าเป็นหนี้บุญคุณมหาศาล.... ท่าน.....ไม่มีโอกาสมานั่งภาวนาอย่างเรานี้หรอก..... เราเป็นผู้มีบุญมาก.....แล้วเราก็แผ่ส่วนกุศลไป..... และได้มีโอกาสสนองคุณพ่อแม่ทุกๆวัน..... ได้ชื่อว่า....."เป็นผู้มีความกตัญญู.....เป็นผู้เจริญ"
หลวงปู่บุญญฤทธิ์ ปัณฑิโต
“กรรม”
ถ้าปรารถนาที่จะอยู่ในโลกนี้ด้วยความสุขใจ ตายไปก็ได้ไปสู่สุคติ ก็ขอให้กระทำแต่กรรมดี ทำบุญทำกุศลไว้ แต่ถ้าปรารถนาที่จะไปเกิดในอบาย ไปเป็นเปรต เป็นเดรัจฉาน เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก ก็ขอให้หมั่นทำบาป ทำกรรมไว้ แล้วผลของกรรมจะต้องตามมาอย่างแน่นอน เพราะหลักของกรรมนั้นเป็นหลักธรรมชาติ เป็นของจริง จะมีใครเข้าใจในหลักกรรมนี้หรือไม่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้มันก็มีอยู่ในตัวของมัน เหมือนกับเกลือที่มีรสเค็ม จะมีใครรู้ว่ามีรสเค็มหรือไม่ก็ตาม เกลือมันก็เค็มอยู่อย่างนั้น น้ำตาลมันก็หวานอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงให้เกลือมันหวานได้ ให้น้ำตาลมันเค็มได้ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมชาติของเขา หลักกรรมและวิบากกรรมก็เช่นกัน เป็นหลักธรรมชาติตายตัวไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
ถ้าเข้าใจในหลักกรรมแล้ว ย่อมขวนขวายกระทำแต่ความดี ระงับความชั่วทั้งหลาย พยายามชำระความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งเป็นต้นเหตุของบาปกรรมทั้งหลายให้หมดไป ตราบใดยังมีความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่ในจิตใจ ก็ยังต้องทำบาปกรรมกันอยู่ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่ต้องการทำบาปทำกรรมก็ต้องชำระความโลภ ความโกรธ ความหลงให้ออกไปจากจิตใจให้หมดสิ้นไป ถ้าชำระจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็ถึงที่สุดสิ้นแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ถ้ายังไม่หมดสิ้นกิเลสก็ยังต้องไปเกิด ไปเสวยสุขเสวยทุกข์ต่อไป จึงขอให้ดูความโลภ ความโกรธ ความหลงในจิตใจเป็นหลัก คอยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา อย่าให้มันเกิดขึ้นมา เวลามันเกิดขึ้นมาก็ทำลายมันเสียด้วยการไม่ทำตาม เวลาโลภก็อย่าโลภตาม เวลาโกรธก็อย่าโกรธตาม เวลาหลงก็อย่าหลงตาม ถ้าทำได้ ต่อไปความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงไป แล้วในที่สุดก็จะหมดไป กลายเป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อจิตสะอาดบริสุทธิ์แล้วก็เป็น ปรมังสุขัง เป็นบรมสุข เป็นสุดยอดของความสุข.
กำลังใจ ๓, กัณฑ์ที่ ๓๘ วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๔ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เวลาเดินจงกรม จิตมีสติควบคุมดี เมื่อเวลามานั่งจิตจึงสงบดี จึงควรจำไว้ในวิธีที่ได้ผลดีและเร็วกว่ากัน การเคลื่อนไหวในขณะเดินสติทำงานดีกว่านั่ง ผลจึงต่างกัน วิธีใดดีกรุณาจำวิธีนั้นไว้ปฏิบัติ กรุณาขยันภาวนาเข้านะ ใจจะเป็นสุข การงานจะราบรื่นไปตาม ๆ กัน
............................................................. หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จากหนังสือ "เมตตาธรรม"
" เมื่อความตายมาถึง เราจะต้องละทิ้งทุกคนทุกสิ่งไว้ในโลกนี้ เราจะต้องไปแต่ลำพังกับกรรมดีหรือกรรมชั่ว ที่เราทำไว้เท่านั้น " . สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
เมื่อเราปฎิบัติดีแล้ว ชาวบ้านมาร่วมโมทนาบุญ เราก็อยากให้เค้าได้บุญกับเราด้วย
หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท
...ถาวรวัตถุ นี้ไม่สามารถสอนให้พวกเรา ดับความทุกข์ต่างๆได้
.เวลาทุกข์ใจ ลองไปกราบพระพุทธรูปดูซิว่า ความทุกข์ใจมันจะหายไปไหม
.ไปเที่ยวไปกราบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มันไม่หายหรอก.. เพราะว่า ความทุกข์ใจ มันไม่ได้เกิดจาก การไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้
.ความทุกข์ใจของพวกเรา.. เกิดจาก..”ความอยาก”..ของเรา.
................................................ คัดลอกการแสดงธรรม ธรรมะบนเขา 22/6/2562 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ถ้ามีคนมาด่า มาเบียดเบียนเราอย่างนี้ เราเคยมีกรรมกับเขาในอดีตชาติมา เราไม่เห็นนี่
เราจะต่อต้านนะ "เป็นคนแต่มึงนั่นหรอ กูก็เป็นคนเหมือนกัน มีตีนมีมือเหมือนอย่างมึงนั้นแหละ กูไม่กลัวมึงหรอก"
เอา..ก็สู้กันละทีนี้ ไม่มีที่สิ้นสุดละทีนี้
มันจะเป็นอย่างนั้นล่ะ เขาจะด่าก็ให้เขาด่าไป เขาจะว่าก็ให้เขาว่าไป เราก็นั่งยิ้มเฉย ความทุกข์ไม่เกิดกับใจเรา คนด่ามันเหนื่อยมันก็หนีเองหรอก(ลป.หัวเราะ)
หนีแล้วมันก็กลับไปทุกข์คนเดียว เราก็หัวเราะอยู่นี้แหละ เรารักษาระดับจิตอย่างนี้ให้มันได้
รักษาจิตนั่งสมาธิ ไม่ใช่ว่านั่งจิตสงบเฉยๆนะ จิตสงบนะสงบไปถึง ความโกรธ ความโลภ ความหลง อารมณ์ต่างๆ เวลากระทบหู ได้ยินเสียงไม่ดีนี่ อย่าให้มันเกิดอารมณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
รักษาจิตให้มันได้ อย่าให้มันโกรธนะ ไม่ใช่ว่าให้มันสงบแต่จิตเฉยๆ ออกจากสมาธิแล้ว ยังมีความโกรธอยู่นะไม่ใช่ !!
ออกมาแล้วยังมีสติมีปัญญารู้รอบอยู่เหมือนเดิมนะ นั่งอยู่ตรงไหนก็มีอยู่นั้น ถ้าทำได้อย่างนั้น ประเสริฐยิ่งเลย
นี่พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบว่า...
"การทำบุญทำทานร้อยครั้งพันครั้ง ก็ยังไม่เท่ารักษาศีลบริสุทธิ์ครั้งหนึ่ง
รักษาศีลบริสุทธิ์ร้อยครั้งพันครั้ง ก็ไม่เท่านั่งสมาธิจิตสงบลงครั้งหนึ่ง
จิตสงบลงมันมีปัญญาอย่างนี้ ถึงเรียกว่าประเสริฐยิ่ง ได้บุญมากนะ..
เพราะฉะนั้นนี่ อยากให้พวกเรานี้สงบอย่างนี้ ให้ได้อย่างนี้ เราจะมีสติมีปัญญา รู้เท่าทันต่อกิเลส...
ถึงว่าเราไม่ได้สำเร็จจิตเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าเราก็ได้สั่งสมมาเยอะมากมายพอสมควร ก็ดีใจ
กรรมเก่ากรรมใหม่ก็พอจะรู้บ้าง อะไรเกิดขึ้นก็รู้จักปล่อย รู้จักวาง ไม่อาฆาตพยาบาท เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นมา
ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นขึ้นมา จิตจะไม่ปล่อยไม่วาง จิตจะเกิดอาฆาตพยาบาท วิบากกรรมนั้นจะไม่หมด
ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นคราชสีมา ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
#ข้อปฏิบัติพื่อความสะอาดสว่างสงบนั้น #เราต้องพิจารณาตามเป็นจริง
เป็นต้นว่า หนังหุ้มอยู่โดยรอบนี้ เป็นของสวยจริงหรือ ถ้าเป็นของสวยก็จะ ลงคะแนนให้ ถ้าเป็นของไม่สวยจริง ก็ขอให้มีสิทธิ์พิจารณาบ้าง
จะสมมุติว่าลอกหนังออกหมด เหมือนลอกหนังกบแล้ว สีสันวรรณะ และกลิ่น จะเป็นอย่างไร จะสวยสะอาดจริงหรือ
ถ้าสวยสะอาดจริงก็จะให้คะแนน ถ้าไม่สวยสะอาดจริงแล้วก็ขอให้มีสิทธิ์พิจารณาบ้าง อย่าได้ไปด่วนในเรื่องรักและสวยหน้าเดียว ดังนี้เป็นต้น
#ต้องพิจารณาอย่างนี้ #ศีลธรรมจึงจะสูงขึ้นในใจ
และอีกอย่างหนึ่งรสของความโกรธนี้เป็นที่สบายใจดอกหรือ ถ้าเป็นที่สบายใจ ก็จะเอาไว้เป็นมรดก ถ้าไม่เป็นที่สบายใจ ก็ขอให้มีอิสระพิจารณาบ้าง อย่าได้ด่วนโกรธ อย่าได้ด่วนรัก ดังนี้เป็นต้น
และอีกอย่างหนึ่ง ในสกลร่างกายนี้เป็นของ แก่ เจ็บ ตาย จริงหรือไม่ หรือ หากว่าเป็นของจีรังยั่งยืนอยู่ ไม่ลดตำแหน่งไปไหน มีสีสันวรรณะตามเดิมอยู่หรือ มิได้ เฒ่าแก่ หย่อนยาน แก้มตอบ ฟันกร่อน เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ก็ต้องพิจารณาให้เห็นเท็จเห็นจริง อย่าได้ประมาทเลย ใจและศีลธรรมก็จะสูงขึ้นไปเอง ก็จะไม่เป็นทาสแห่งความหลงที่เคยหลงมาจนสอบได้ชั้นเอก ก็จะถึงบางอาหรือบางโอ เป็นต้น
#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต #ตอบปัญหาธรรมะ
|