นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 5:30 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำบุญแล้วอุทิศ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 27 เม.ย. 2021 5:16 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4805
"ทุกอย่างเกิดขึ้นก็ดับไป
ความเศร้าโศกเสียใจเกิดขึ้นก็หายไป
เตรียมตัวไว้ ทำใจให้ยอมรับความเป็นจริง
ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งสมมติเป็นทุกข์มาก"

คติธรรมคำสอน
หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล








อยู่ในสังคมใดก็ตาม
แม้เราจะพูดก็รักษาคำพูดของตัวเอง
แสดงออกก็แสดงออกในทางที่ดี
ให้มีสติ ให้มีปัญญา ตอนที่เราแสดงออก
อย่าให้มันไปกระทบกับคนอื่น
แม้คนอื่นเขาจะไปกระทบเรา
แต่ถ้าจิตของเรามีธรรมะ
เหมือนกับไม่กระทบ มันเป็นอย่างนั้น

คนที่ปฏิบัติธรรมมันต้องคุ้มครองตัวเอง
มีเกราะป้องกันตัวเองดีอย่างนี้
คือสติปัญญาคุ้มครองตัวเองอย่างนี้

หลวงปู่ไม อินทสิริ








...ทำนิพพานให้แจ้ง..ก็คือ
“ ทำใจให้หลุดจากกิเลสตัณหา “

.ให้กำจัดความโลภ ความโกรธ
ความหลง ความอยากต่างๆ
“ ที่มีอยู่ในใจ ให้หมดสิ้นไป “

.พอใจไม่มีกิเลส ไม่มีตัณหาแล้ว
ใจก็จะสงบเต็มที่ เรียกว่า..ทำนิพพาน

.” นิพพานก็คือ..ใจที่สะอาดบริสุทธิ์
ใจที่ปราศจากกิเลสตัณหานี่เอง “.

..................................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"อยู่ไปทำไม อยู่ไปวันๆ.."

"...อยู่ไปเพื่อทำความดี.. ทำความดีวันละข้อ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเล็กๆ ก็ได้..."

"วันนี้...ทำความดีแล้วหรือยัง?"

พระอาจารย์ชยสาโร










#ตัวยินดียินร้ายดีใจเสียใจ_อันนี้ล่ะลูกน้องของอวิชชาตัณหา

"..ถ้าย่นเข้ามามันไม่มากนะ ความหลงนี้ก็นิดเดียว ถ้าสมมุติว่าแผ่นดินใหญ่ๆ ก็ย่นเข้ามาให้มันเหลือดินเม็ดเดียว ถ้าเป็นจิตก็เป็นจิตดวงเดียว ถ้าจะเปรียบจิตใจเท่ากับวัตถุ

แต่จิตใจมันไม่เป็นวัตถุ มันติดกันอยู่นี่ จะทิ้งหรือไม่ทิ้งดินเม็ดเดียวนี้ #ทิ้งได้มันก็จบแล้ว

ถ้าไม่มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มี เมื่อมันวกเข้ามาหาความจริง รูปก็คือจิต

ถ้ามันจะย่นเข้ามาหาตัวผู้รู้ รูปก็คือตัวผู้รู้นี่ เวทนาก็คือตัวผู้รู้ สัญญาก็คือตัวผู้รู้ สังขารก็คือตัวผู้รู้ วิญญาณก็คือตัวผู้รู้

นี่มันหดเข้ามานี่แล้ว มันมีไหมพวกนี้
รูปขันธ์ เวทนา มีไหม เวทนาไม่มี
รูปไม่มี สัญญามีไหม สัญญาไม่มี
รูปก็ไม่มี สังขารมีไหม สังขารไม่มี
รูปก็ไม่มี

ทีนี้อยู่ในขันธ์ห้านี้ มันจะไปรวมอยู่ที่ตัววิญญาณคือตัวรู้ ตัววิญญาณ วิญญาณรู้ไปตามขันธ์รู้ไปตามอาการ อันนี้ล่ะท่านให้ชื่อว่าวิญญาณ

ถ้าไม่มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่มีพวกนี้ ขันธ์ไม่มี ขันธ์หายไป มันก็มาเหลืออยู่แต่ดวงจิต

เมื่อเหลืออยู่แต่ดวงจิต ท่านก็ให้ย้อนเข้ามาดูจิต มันมีอะไรตกค้างอยู่บ้างไหม มากำหนดดูอยู่ที่นี่ ให้รูปมันเกิดขึ้นที่นี่ ให้มันดับลงที่นี่

เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วจิตใจมันยินดีไหม จิตใจมันยินร้ายไหม จิตใจมันดีใจไหม จิตใจมันเสียใจไหม

ถ้ามีพวกนี้ ก็แปลว่าตัวยินดียินร้าย ดีใจเสียใจ อันนี้ล่ะลูกน้องของอวิชชาตัณหา คนงานของเขา ถ้าเทียบกับทหาร ก็เป็นทหารของอวิชชาตัณหา

ดีใจเสียใจ รัก ชัง กลัว หลง ที่มันมีอาการเกิดขึ้นภายในจิตใจนี้ใช่ทั้งนั้น ที่ท่านให้ชื่อว่าตัวเจตสิกหรือตัวสังขารจิตใช่ทั้งนั้น ทหารของมันทั้งนั้น


ถ้าเราไม่รู้ก็ต้องรู้ น้อมเข้ามาหาดวงจิตดวงใจ ค้นดูพิจารณาดู มันก็ดีกว่านอน นอนแล้วได้อะไร ทำไมมันจึงสนใจหนักหนา

ค้นหาแต่ความสุขในร่างกาย ความสุขทางจิตใจทำไมไม่เอา ทำไมไม่ส่งเสริม ทำไมไม่สนับสนุน มันเป็นอะไร มันเป็นเพราะอะไร ให้พิจารณากันดู.."

โอวาทธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร









ความเห็นแก่ตัวไม่อยากตาย ให้คนอื่นตาย ร้อนก็ไม่อยากร้อน ให้คนอื่นร้อน เราอยากได้สุข คนอื่นจะทุกข์อย่างไรก็ช่าง ถ้าเจ็บให้คนอื่นเจ็บ เราเองไม่อยากเจ็บ เขาเรียกว่าคนเห็นปลายข้างเดียวมีดีติดดี มีชั่วติดชั่ว จึงต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป ฉะนั้นจำเป็นจะต้องศึกษาเพื่อให้เข้าถึงรู้ทันมันจะยืนเดินนอนนั่งหรือจะอยู่ที่ไหนๆก็มีสติพิจารณาอยู่อย่างนี้ว่า ได้ปฏิบัติตามธรรมนั้น เช่นเรารักลูก รักจนหมด มีความรักเท่าไรมอบให้หมด รักผู้อื่น รักคนอื่นก็เหมือนกัน เขาเรียกว่าคนเห็นปลายข้างเดียวไม่รู้จักอนิจจังทุกขังอนัตตาเมื่อเรารักก็เหลือไว้เผื่อชังบ้างเมื่อชังก็เหลือไว้เผื่อรักบ้างเราต้องรู้ทันอารมณ์ อยู่เหนืออารมณ์คนหลงอารมณ์ก็คือคนหลงโลกคนหลงโลกก็คือคนหลงอารมณ์ พระพุทธองค์ที่ได้รับการยกย่องจากพุทธบริษัทว่า เป็นโลกวิทูผู้รู้แจ้งโลก ก็เพราะพระพุทธองค์รู้อย่างนี้เรามาฟังธรรม ก็เพื่อให้ตัวเราเป็นธรรมมีธรรมอยู่ในใจ ไม่หลงโลกหลงอารมณ์เป็นผู้เข้าถึงธรรมจึง จะมีความสุขความสบาย

หลวงพ่อชา สุภัทโท
เทศนาธรรมเรื่อง"เห็นธรรมดับทุกข์"








" ผู้สงบแล้ว...
ก็เห็นทางที่ไม่สงบ จึงเป็นผู้สงบอยู่ได้
ทาง ที่เป็นสุข
หรือ ทางที่เสียใจ
ทาง ที่ดีใจ
ล้วนแต่...
เป็นทางที่ผิด ทั้งนั้น

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย
ท่านก็รู้จัก รู้...อยู่
มัน ก็เกิดกับท่านอยู่เหมือนกัน

แต่ท่าน...
ไม่เอาจริง เอาจังกับมัน
ปล่อย...มันไป
วาง ...มันไป
ละ ...มันไป."

หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง









"จะประพฤติปฏิบัติดีวิเศษขนาดไหน
คนที่ไม่ชอบใจเขาก็ตำหนิ จะชั่วเสียขนาดไหน
คนที่ชอบใจเขาก็สรรเสริญ เรื่องของโลก
เอาแน่นอนจริงจังไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น
แต่ไหนแต่ไรมา

แต่จิตของเรามันหวั่นไหว หรือไม่
ถูกเขาสรรเสริญเยินยอ เราลุ่มหลงเพลิดเพลิน
ไปตามลมปากของเขาไหม ถูกเขาตำหนินินทา
เราเสียใจเหี่ยวแห้งเศร้าหมองไหม

เราตรวจตราพิจารณาภายในเรื่องของเรา
ถ้ารู้เท่า เรื่องสรรเสริญ และเรื่องนินทา
มันมีมาแต่ไหนแต่ไร จิตของเราไม่ลุ่มหลง
เสียอย่าง มันก็สุขสบาย"

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร










“นึกถึงงานศพของตัวเอง จินตนาการว่าคืนนี้
เป็นคืนสุดท้ายของเรา จากนั้นให้นึกต่อไปว่า
เมื่อหมดลม ร่างกายของเราถูกนำไปดำเนินการ
ตามประเพณี

บัดนี้ร่างของเรา ถูกบรรจุอยู่ในหีบตั้งโดดเด่น
ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางมาร่วมพิธีศพ
เพื่ออำลาเราเป็นครั้งสุดท้าย มีทั้งลูกหลาน
ญาติมิตร เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่น
คนเหล่านี้ ต่างพูดถึงเราในวงสนทนาบ้าง
พูดต่อหน้าผู้คนที่มาร่วมพิธีศพบ้าง

ทีนี้.. ให้ถามตัวเองว่า อยากให้ผู้คนเหล่านี้
พูดหรือเขียนถึงเราว่าอย่างไร อยากให้เขาจดจำเรา
ในลักษณะใด อยากให้เขาประทับใจ ในเรื่องอะไรบ้าง
ที่เกี่ยวกับตัวเรา

จากนั้นให้ถามต่อไปว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่
เราได้ทำอะไรบ้าง ที่ชวนให้เขารำลึกถึงเราในแง่นั้น
มีความดีอะไรบ้าง ที่เราได้ทำอันควรแก่การชื่นชมสรรเสริญ

การพิจารณาในแง่นี้ จะช่วยเตือนใจให้ใคร่ครวญว่า
ที่ผ่านมา เราได้ทำความดีมากน้อยเพียงใด
มีความดีอะไรบ้าง ที่เรายังทำไม่มากพอและควรทำให้มากกว่านั้น

มีหลายครั้งที่เราปล่อยชีวิตไปตามความพึงพอใจส่วนตัว
โดยไม่สนใจผลกระทบที่มีต่อผู้อื่น เราอยากได้ชื่อว่า
เป็นคนเสียสละ เอื้อเฟื้อ มีเมตตา เป็นพ่อหรือแม่ที่ดี
แต่เรากลับดำเนินชีวิต ไปทางตรงกันข้าม เพราะมัวแต่
แสวงหาเงินทอง และชื่อเสียง

มรณะสติในลักษณะดังกล่าว จะช่วยเตือนสติเรา
ให้หันกลับมาดำเนินชีวิต ในทิศทางที่พึงปรารถนา”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล









" ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
อันเป็นทรัพย์ภายนอก
ที่เอาไปด้วยไม่ได้

แต่คำสั่งสอนแนะนำ
ให้ผู้ปฏิบัติตามพ้นจากทุกข์
ในบัดนี้ไปตราบถึงนิพพาน

เป็นอริยทรัพย์สำหรับติดตัว
ไปทุกชาติ ประเสริฐกว่าสมบัติ
อันมีในโลกนี้หมื่นเท่าแสนเท่า "

โอวาทธรรม
ครูบาศรีวิชัย









" ความเสื่อมลาภ หรือ
เสื่อมทรัพย์นั้น คนทั้งหลาย
เป็นอันมากก็พากันเพ่งมอง
ว่าไม่ดี แต่ความจริงมีดีอยู่
เป็นอันมาก ทำให้เกิดทรัพย์
ภายใน คือ "คุณธรรม"

เช่น มีความขยันหมั่นเพียร
เพิ่มขึ้น ไม่ใช้ชีวิตเหลวแหลก
อย่างคนมีทรัพย์บางคน

มีความเจียมตัวเจียมใจ
สุภาพอ่อนโยน เป็นเหตุให้
เป็นที่รักของคนทั้งหลาย.."

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย









#ไม่มีอารมณ์

ท่านอธิบายถึง "สภาวธรรม สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจากอารมณ์ เป็นต้นเหตุ หู ตา จมูก ลิ้น กาย เป็นผู้รับสัมผัสต่าง ๆ ส่งถึงใจ

ความพอใจ ไม่พอใจเกิดขึ้น จึงเริ่มส่อเค้าของอารมณ์ อารมณ์รัก อารมณ์เกลียด เครียดแค้น พยาบาท อาฆาต
เหตุต่าง ๆ จึงตามมาทุกอย่าง จึงมาจากอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากใจทั้งสิ้น

เป็นผู้ไม่มีอารมณ์
ผู้ไม่มีอารมณ์นั้นล่ะ คือผู้ไม่มีทุกข์.

#เมตตาธรรม
#พระคุณแม่จันดี #โลหิตดี








ผู้จะต้องถึง มรรค ผล นิพพาน ได้นั้น
จะต้อง "ทำทางใจ" ถ้าไม่ทำทางนี้แล้ว
จะทำ การกุศลสักเท่าไร
ก็ถึง มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้

นิพพานนี้ จะต้องถึงด้วย
ข้อปฏิบัติทางใจ เท่านั้น
ที่เรียกว่า "ศีล สมาธิ ปัญญา"
ศีล เป็นเหตุ แห่งสมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุ แห่งปัญญา
ปัญญา เป็นเหตุ แห่งวิมุตติ

"สมาธิ" เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้ง
แห่ง "ปัญญา-และ-ญาณ"
อันเป็นองค์สำคัญ ของมรรค
แต่จะขาดสมาธิไม่ได้ ถ้าขาดแล้ว
ก็ได้แต่ จะคิดๆ นึกๆ เอา ฟุ้งซ่านไปต่างๆ
ปราศจาก หลักฐานสำคัญ"

#โอวาทธรรม
#ท่านพ่อลี #ธัมมธโร
#วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ








ทำวิธีไหนจะให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม

ถาม : ทำวิธีไหนจะให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมและโมทนาบุญ ?
ตอบ : เรื่องของเจ้ากรรมนายเวร สำคัญตรงที่ว่า เราไปสร้างเวรสร้างกรรมกับเขา ทำให้เขาอาฆาตจองเวรกับเรา โอกาสที่เขาจะอโหสิกรรมโดยเด็ดขาดทีเดียวจึงยาก มีอยู่ทางเดียว ไม่ว่าเราจะทำบุญเล็ก ทำบุญใหญ่ขนาดไหน ในเรื่องของทาน ศีล ภาวนา อุทิศส่วนกุศลให้เขาประจำ ๆ และขอให้เขาอโหสิกรรมให้ด้วย พวกนี้เขาทนลูกตื๊อไม่ได้หรอก เดี๋ยวนาน ๆ ไปก็ใจอ่อน

โดยเฉพาะบุญจากสมาธิหรือบุญกรรมฐานจะเป็นบุญใหญ่มาก ให้เขาบ่อย ๆ แรก ๆ เขาอาจจะไม่ยอมอโหสิให้เลย หลังจากนั้นก็ลดลงไปทีละนิดทีละหน่อย ถึงเวลาก็หมดไปเอง อย่างอาตมาตอนแรกเจ็บไข้ได้ป่วย ตอนนี้เริ่มจะเบาบางลงไปเรื่อย เพราะนอกจากเราจะทำบุญทั่วไปแล้ว ยังปล่อยปลาให้เขาทุกเดือน

ปล่อยพวกวัว พวกปลา ปล่อยปลาเดือนหนึ่งก็สามสี่หมื่นบาท เหตุที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะในอดีตชาติเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขามานับไม่ถ้วน จึงต้องคืนชีวิตให้เขาไป เพราะฉะนั้น..การที่เราปล่อยปลาเดือนหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเราจะคืนให้เขาครบทั้งหมด แต่ส่วนหนึ่งที่เขาอโหสิให้ อาการป่วยที่เป็นหัววันท้ายวันก็ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย เพิ่งสองปีนี่แหละที่อาการดีขึ้น ไม่อย่างนั้นก่อนสองปีนี่ดูไม่ได้เลย

ต้องขยันทำ ขยันให้ ตื๊อไปเรื่อย ๆ ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก โบราณว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน

ถาม : ทำบุญแล้วอุทิศอิทังเมหรือคะ ?
ตอบ : อิทังเม ใช้สำหรับญาติของเรา อิทังเม ญาตินัง โหตุ แปลว่า จงสำเร็จแก่ญาติของเรา จะอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรพูดภาษาไทยเลยจ้ะ บุญกุศลที่เราทำในครั้งนี้ขออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินท่านมา แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้ ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน​ จ.กาญจนบุรี​
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO