นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 18 ม.ค. 2025 5:35 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทางถอย
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 02 มิ.ย. 2021 5:16 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4805
...ถ้าเราเห็น"ความอยาก"เป็นยาพิษ
เรากล้ากินมันไหม?.....
นั่นแหละเราไม่เห็นความอยากเป็นยาพิษ
เรากลับเห็นว่าเป็น.."ขนมหวาน"
.
...พออยากปั๊บ..ทำตามมันเลย
มันสั่งให้ทำอะไร..ทำตามมันเลย
แล้วเป็นยังไง?..ชีวิตของพวกเรา
วุ่นวายหรือสงบ
.
...ที่วุ่นวายกันทุกวันนี้
ก็วุ่นวายเรื่อง..ความอยาก..นี่แหละ
ไม่ได้วุ่นวายกับเรื่องอะไร
อยากได้โน่นอยากได้นี่
ให้เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างนี้
.
..."อยากตลอดเวลา" วันๆหนึ่งนี้
ไม่รู้ "อยาก" กี่เรื่องกี่ราว" อยากอยู่เรื่อยๆ
พอไม่ได้ดังใจอยาก..ก็เครียด
หงุดหงิด รำคาญใจขึ้นมา
.
...ปัญหาของพวกเราอยู่ที่
"ความอยาก"ของพวกเรา
เราต้องใช้.."สติ สมาธิ ปัญญา"
ถ้ามีสามตัวนี้แล้ว.."ความอยากจะสู้ไม่ได้".
........................................................
.
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 5/9/2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









“การบวชที่แท้จริงบวชที่ใจไม่ได้บวชที่ร่างกาย”

ถาม: กราบนมัสการเจ้าค่ะ ขอสอบถามว่า อริยบุคคลตั้งแต่อนาคามีขึ้นไปนั้น ต้องบวชอยู่ในเพศบรรพชิต เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ

พระอาจารย์: คือความจริงเป็นพระอริยะนี้ก็ถือว่าเป็นนักบวชแล้ว คือการบวชที่แท้จริงนี้บวชที่ใจไม่ได้บวชที่ร่างกาย งั้นคนมักจะเข้าใจผิดว่าจะต้องบวชทางร่างกาย พวกที่บวชทางร่างกายแต่ไม่ได้เป็นพระอริยะก็ไม่ได้เป็นพระอริยะ งั้นการบวชทางร่างกายไม่มีผลต่อทางจิตใจ แม้กระทั่งเป็นพระอรหันต์ก็ไม่ต้องบวชภายใน ๗ วัน ตามที่คิดกัน มีคนไปกุข่าวว่าใครเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ได้บวชภายใน ๗ วัน จะต้องตาย ความจริงไม่ตาย มันคนละเรื่องกันนะ พระอรหันต์กับเรื่องของความตายมันไม่เกี่ยวกัน ความตายพอถึงเวลามันก็ตาย เวลามันหมดลมหายใจ มันก็ตาย ไม่ว่าจะเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็น มันก็ตาย มันไม่เกี่ยวกัน พอดีมันมีเรื่องที่มันทำให้ไปคิดว่าเป็นอย่างนั้น เช่น พ่อของพระพุทธเจ้าก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ ๗ วันก่อนตาย ก็เลยคิดว่านี่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ได้บวช เป็นพระอรหันต์แล้วก็ต้องตาย ถ้าไม่ได้บวชภายใน ๗ วัน ก็ต้องตาย แต่ความจริงท่านตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บ ท่านประชวรหนัก พระพุทธเจ้าไปโปรด ไปแสดงธรรมให้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็เลยไปคิดว่าเป็นฆราวาส แล้วพอเป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้าไม่ได้บวชภายใน ๗ วันนี้จะต้องตาย อันนี้เป็นการเข้าใจผิด รับประกันได้ว่าไม่ตาย มีแต่กิเลสที่จะตาย เท่านั้น ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วกิเลสตายแน่ๆ แต่ร่างกายนี้มันอยู่ที่บุญกรรม อยู่ที่เหตุการณ์ต่างๆ ถ้าถึงเวลามันจะตาย เป็นอรหันต์หรือไม่เป็นอรหันต์มันก็ตายเหมือนกัน

ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี










อย่ามัวแต่รอ.....

การทำบุญอุทิศให้ลูกหลานเลย เวลาเรามีชืวิตอยู่ มันยังไม่อยากทำบุญเลย เราตายแล้ว มันจะทำกันหรือเปล่า...ก็ไม่รู้!!!

#หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก









“การที่จิตใจของเราจะเป็นธรรมอย่างสมบูรณ์ได้ ก็เพราะจิตใจนี้ต้องได้รับการอบรม ถ้าจิตใจไม่ได้รับการอบรมแล้ว ด้วยความเป็นปุถุชนมันก็มีอัตตาคือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนกันอยู่แล้ว ความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนนี่แหละมันจะดึงตัวเราให้เกิดเป็นความตระหนี่ถี่เหนียวเห็นแก่ตัว และเกิดเป็นความโลภเพิ่มพูนขึ้นมา ผลที่สุดเห็นใครมีใครได้ก็เกิดเป็นความอิจฉามีแต่ความเพ่งโทษคนอื่น จิตใจก็มีแต่ความเร่าร้อนขุ่นมัว ทำให้เป็นโทษภัยต่อตัวเอง เราเป็นผู้สร้างไฟขึ้นมาเผาลนจิตใจของตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้จักการแบ่งปันคือการให้ทานในเบื้องต้นเพื่อที่จะมาชำระสิ่งเหล่านี้ให้มันเบาบางลงไป ความเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบความตระหนี่พวกนี้มันเป็นโทษเป็นภัย เป็นไฟเผาลนจิตใจผู้นั้นให้ทุรนทุรายเร่าร้อนขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา

เราจะชำระสิ่งเหล่านี้ให้เบาบางลงไป เราต้องสละออก ที่เราเรียกว่าการให้ทาน เราสละออกไปแล้วเราไม่เดือดร้อนในสิ่งที่เราสละออกไป การที่เราสละออกไปนี่แหละจะทำให้ความเห็นแก่ตัวและความตระหนี่ของเรามันเบาบางลงไป เพราะในขณะที่เราสละออกไป คนที่ได้รับการเสียสละจากเราเขาก็มีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน แล้วเราก็จะเกิดเป็นความภูมิใจที่เราเองสามารถเป็นผู้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ อันนี้จะทำให้ความตระหนี่ในใจของเราเบาบางลงไป แล้วความเห็นแก่ตัวมันก็จะเบาบางตามลงไป ความโลภมันก็ลดน้อยลงไปด้วย เมื่อก่อนเราเห็นคนอื่นได้ดิบได้ดีเราก็มีแต่ความอิจฉา แต่เดี๋ยวนี้พอเห็นคนอื่นได้ดิบได้ดีมันก็มีมุทิตาจิตพลอยยินดีในความมีความได้ของเขาไปด้วย ก็เพราะกรรมดีของเขาเองเขาจึงได้จึงมี เราก็เกิดเป็นมุทิตาจิตพลอยยินดีในกรรมดีของเขา จิตใจของเราก็จะมีแต่ความเบิกบานผ่องใส”

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔








ถ้าไม่เข้าทางถอยเลย
.
เขาจะว่าดีเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถ้าออกจากธรรมคำสอนมันไม่ใช่หรอก ใครจะโปรโมทดีแค่ไหนก็แล้วแต่ อย่าไปเชื่อนะ อย่าไปเชื่อง่าย ไปดูเสียก่อน มันเข้าทางมั้ย ถ้าไม่เข้าทางถอยเลย ถ้าเข้าทางค่อยเข้าไป ค่อยยกเป็นแบบอย่างเยี่ยงอย่างให้แก่เรา ความดีจึงค่อยเกิดขึ้นแก่เรา อานิสงส์เกิดขึ้นแก่เรา
ให้พากันคิด อย่าสะเปะสะปะไปทั่ว วัดวาอาราม บางที่รกรุงรัง กุฏิวิหารมะเละเกะกะไม่รู้อะไรไม่รู้จักเก็บจักจัด นี่เรียกว่าใช้ไม่ได้ เรียกว่าไม่มีธรรมไม่มีวินัย ปล่อยเลอะเทอะไปหมด แต่เวลาเทศน์นี้ โอ๊ย เทศน์ถึงพระนิพพาน นั่นแหละ ให้เรารู้จักอันไหนธรรม ถ้าไม่รู้จักก็ให้ศึกษากับครูบาอาจารย์เสียก่อน
.
โอวาทตอนหนึ่ง ของหลวงพ่อสมบูรณ์
7/12/2563









"คนสมัยนี้ เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด."

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล








"วันหนึ่งๆ ควรจะระลึกถึงความตายในตัวบ้าง
อย่างน้อย ๕ หนก็ยังดี จิตใจของเราจะได้มีการยับยั้ง
จากความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความโลภ ก็จะไม่มากนัก
ความโกรธ ก็จะไม่มากนัก ความหลง ก็จะไม่มากนัก
เพราะมองเห็นป่าช้า"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน







"ความดี ทำเสียวันนี้ให้พอ อย่ารอวันหน้า
เพราะความตายไม่ได้ทักเราว่า วันนี้จะมา
วันหน้าจะตาย"

หลวงปู่หา สุภโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO